Table of Contents

คลังความรู้บัญชี ภาษี และโปรแกรมบัญชีออนไลน์

ติดตามข้อมูลข่าวสาร บทความน่ารู้ด้านบัญชี ภาษี การเงิน และธุรกิจที่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้ประกอบการและนักบัญชี

ทั้งหมด

บัญชี

ภาษี

ธุรกิจ

การใช้งานโปรแกรม

ข่าวสาร

ล่าสุด

18 Jul 2025

PEAK Account

6 min

5 เคล็ดลับ สร้างเว็ปไซต์ ให้ขายดีแบบมือโปร!

เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเว็บขายของของเราถึงขายไม่ได้หรือขายได้น้อย ทั้ง ๆ ที่เว็บอื่น ๆ ก็ขายเหมือนกับเรา เขามีเทคนิคเรียกลูกค้ายังไงกันนะ? ปัญหานี้แก้ไม่ยาก เพียงแค่ลองกลับมาเช็คเว็บขายของของตัวเองดูก่อนว่าเว็บไซต์ของเราพร้อมเปิดขายให้ลูกค้าแล้วหรือยัง ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญมีครบหรือไม่ โดยทำตาม 5 เทคนิคที่เราจะบอกในบทความนี้ หากอยากรู้เพิ่มเติมว่าเว็บไซต์ธุรกิจที่ดีควรมีอะไรบ้าง และวิธีสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้น อ่านต่อได้ในบทความ👉 ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญ👉 6 ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่! 5 เทคนิค สร้างเว็บขายของให้ขายดี! 1. รูปภาพต้องคมชัดและมีหลายมุม เมื่อจะขายของ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ รูปภาพสินค้า ซึ่งจะต้องมีความคมชัด ภาพไม่แตกหรือเบลอ เพราะสินค้าบางประเภทอาจมีรายละเอียดที่ต้องโฟกัสและอาจเป็นจุดขายของสินค้านั้นเลยก็ได้ เช่น ลายสินค้า พื้นผิววัสดุ ลายของผ้า  เราแนะนำว่า รูปภาพสินค้าบนเว็บไซต์ควรมีความละเอียด 75 PPI และกว้าง 1000 Pixels ขึ้นไป สำหรับรูปภาพสินค้าที่ต้องมีหลายมุม ก็เพื่อเป็นการนำเสนอรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าทั้งหมด หรือบอกถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของสินค้า เช่น ปุ่มกด ด้ามจับ วิธีเปิดใช้งาน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเข้าใจตัวสินค้ามากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน 2. ตั้งชื่อสินค้า ให้จำง่ายที่สุด หากเราใช้ชื่อสินค้าสุดยูนีคที่คิดขึ้นมาเอง อาจทำให้สินค้าของเราถูกเสิร์ชเจอได้ยากขึ้น ดังนั้น เราควรตั้งชื่อสินค้าด้วยชื่อมาตราฐาน และควรมีรายละเอียดสั้น ๆ ของสินค้า เพื่อบอกถึงคุณสมบัติคร่าว ๆ ของสินค้าได้ 3. ใส่ข้อมูลสินค้าบนเว็บให้ครบและเข้าใจง่าย ข้อมูลที่ครบถ้วนคือข้อมูลที่พร้อมขายได้ด้วยตัวเอง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องโทรมาถามให้เสียเวลา เจ้าของเว็บไซต์จึงควรใส่ข้อมูลสำคัญของสินค้าไปให้ครบถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด คุณสมบัติ ราคา วิธีการใช้งาน และเงื่อนไขการรับประกันสินค้า  4. ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าได้ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องค้นหา (Search) หรือเปิดตัวกรองสินค้า (Product Filter) ไว้บนเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะกรองด้วยแบรนด์ ไซส์ สี หรือราคา เมื่อลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ไว เราก็ขายได้เร็วขึ้นด้วย   5. เว็บขายของต้องจ่ายง่ายและปลอดภัย การมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุมทุกการสะดวกจ่ายของลูกค้า มี QR Promtpay สแกนผ่านแอปธนาคารได้โดยง่าย ใครที่อยากสะสมพ้อยท์บัตรเครดิตก็เลือกจะจ่ายแบบตัดบัตรได้เลย หรือหากสะดวกเก็บเงินปลายทางก็มีให้ มากกว่านั้นหากเว็บขายของนั้นขายสินค้าราคาสูง ก็มีตัวเลือกให้ผ่อนชำระได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นแบบเท่าตัวเลยล่ะค่ะ สรุปท้ายบทความ : จัดการเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพกับ MakeWebEasy การออกแบบเว็บไซต์ขายของให้ดี อาจไม่ใช่แค่การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เว็บไซต์ให้มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างครบถ้วนและซื้อได้ง่ายที่สุด อยากให้เจ้าของร้านค้าลองนึกถึงประโยชน์และความสะดวกสบายของลูกค้ามาก่อนความสบายของเจ้าของร้านอย่างตัวเราเอง ไม่เพียงแค่จะทำให้ธุกิจของเราน่าเชื่อถือ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้ธุรกิจของเราไปต่อได้อย่างราบรื่นอีกด้วย  อยากทำเว็บไซต์ขายของให้ขายดี มาเริ่มเปิดเว็บไซต์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ MakeWebEasy.com ได้เลยค่ะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy   Add Line : 40xsm5339b  

18 Jul 2025

PEAK Account

9 min

6 ขั้นตอน สร้างเว็บไซต์ ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่

ยุคนี้ อะไร ๆ ก็ง่ายและสะดวกไปหมด ไม่เว้นแม้แต่การทำเว็บไซต์ ที่หากเรามองย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนอาจจะดูยุ่งยาก ซับซ้อน ทั้งในเรื่องระบบ การเขียนโค้ด การออกแบบและค่าใช้จ่ายที่แพงเกินเอื้อม แต่ตอนนี้ เรามีระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปเกิดขึ้นมา ทำให้การสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั้นดูง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก  บทความนี้จะเป็นการแนะนำวิธีสร้างเว็บไซต์ฟรี ด้วยระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy รับรองว่าถ้าคุณทำตามวิธีนี้ คุณจะได้เว็บไซต์ฟรีที่ใช้งานได้จริงและขยายธุรกิจบนออนไลน์ได้แน่นอน เริ่มสร้างเว็บไซต์ฟรีกับ MakeWebEasy  สมัครสร้างเว็บไซต์ฟรี คลิก 1. วางข้อมูลและทำแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) ก่อนจะเริ่มสร้างเว็บไซต์ เราต้องจัดเตรียมข้อมูลก่อนว่าเว็บไซต์ของคุณจะมีกี่หน้า? มีหน้าอะไรบ้าง? ด้วยการทำ Sitemap หรือสร้างแผนผังเว็บไซต์ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมด จากนั้นลองวางโครงสร้างหน้าเพจ วาด Layout ใส่รายละเอียดคร่าวๆ ว่าแต่ละหน้าเพจที่จะทำนั้นมีข้อมูลอะไรอยู่ในหน้านั้นบ้าง อาจดูตัวอย่างการจัดวางเนื้อหาจากเว็บไซต์คู่แข่งว่าเขามีบริการอะไรที่แตกต่างจากเราบ้าง และนำมาปรับใช้กับเว็บไซต์ของเรา หรือจะเข้าไปดูตัวอย่างเว็บไซต์จากแหล่งรวบรวมไอเดียสร้างเว็บไซต์ก็ได้ 2. สมัครสร้างเว็บไซต์ฟรี  ระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปในปัจจุบันมีให้เลือกเยอะมาก แต่หากต้องการใช้ฟรี มีฟีเจอร์พื้นฐานหลัก ๆ ที่ครบครัน ระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ตอบโจทย์ที่สุด  ซึ่งคุณสามารถสมัครใช้งานได้จาก Email หรือ Facebook พร้อมใส่ชื่อโดเมนเว็บไซต์ (www.) ที่ต้องการได้เลย โดยระบบจะแจ้งเตือนหากใช้ชื่อซ้ำ และจะให้เลือกเทมเพลตเว็บไซต์ก่อนเข้าสู่การใช้งานจริง 3. ปรับแต่งหน้าแรกของเว็บไซต์ (Home Page) หน้าแรกถือเป็น First Impression สำหรับลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เลย ซึ่งเราควรเลือกข้อมูลที่สำคัญจริง ๆ และใช้คำ รูปภาพที่ดึงดูดใจลูกค้ามากที่สุดไว้ในส่วนบน และใน 1 หน้าเว็บไซต์ไม่ควรยาวจนเกินไป แนะนำว่ามีสัก 4 – 6 sections ก็เพียงพอแล้วค่ะ จุดสำคัญที่ควรใส่ใจมากที่สุดบนหน้า Home Page คือส่วนบน (Header) และส่วนล่าง (Footer) เพราะเป็นส่วนที่จะอยู่ในทุกหน้าของเว็บไซต์ ควรตรวจสอบให้ดีว่ามีโลโก้ ช่องทางการติดต่อครบและถูกต้องหรือไม่ เพราะหากผิดพลาดไป อาจทำให้คุณเสียลูกค้าไปได้เลย สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเว็บไซต์มีอะไรบ้าง คลิกอ่านที่นี่เลย 4. ใส่ข้อมูลให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ อยากให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับมากขึ้น อยากให้คนเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น การลงบทความบนเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอด้วยการค้นคีย์เวิร์ด เว็บไซต์ E-commerce จะขาดสินค้าไปไม่ได้เลย ซึ่งคุณควรใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถอ่านรายละเอียดและตัดสินใจซื้อได้เลยบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น SKU ชื่อรุ่น คุณสมบัติเฉพาะต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วยการใส่รูปหลากหลายมุมและคลิปวิดิโอยิ่งดี ลงข้อมูลสินค้าพร้อมช้อปแล้ว ก็อย่าลืมเปิดใช้งานบัญชีรับเงินด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร QR Promptpay หรือรับชำระผ่านบัตรเครดิต ในระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy นอกจากเราจะเลือกผู้ให้บริการขนส่งได้หลากหลายแล้ว ยังกำหนดค่าบริการตาม จำนวน, ราคา และน้ำหนักของสินค้าได้อีกด้วย 5. ปรับแต่ง SEO เว็บไซต์ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้ เพิ่มจำนวนคนที่รู้จักได้ มีลูกค้าเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องยิงโฆษณา ซึ่งการตั้งค่า SEO หลัก ๆ จะอยู่ที่ การทำเนื้อหาเว็บไซต์ การจัดวางโครงสร้างเนื้อหา และการเลือกใช้ Keyword บนเว็บไซต์ค่ะ 6. ติดตั้ง Google Analytics สุดยอดเครื่องมือที่นักการตลาดออนไลน์ทุกคนต้องใช้  เพราะ Google Analytics สามารถวัดผลลัพธ์ของเว็บไซต์ และการทำการตลาดได้มากมาย เช็คจำนวนผู้ชมเว็บไซต์ว่าเป็นใคร มาจากช่องทางไหน เข้ามาทำอะไรบ้างในเว็บไซต์ นับเป็นเครื่องมือวัดผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากที่สุดเลยค่ะ สรุปท้ายบทความ : สร้างเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพ หากคุณทำธุรกิจแล้วอยากขยายช่องทาง เพิ่มรายได้ให้มากขึ้น มาสร้างเว็บไซต์เองได้ง่ายๆ เพื่อต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEO หรือ Google Ads เพื่อเพิ่มโอกาสการขายให้มากขึ้น ธุรกิจของคุณก็จะเติบโตได้แบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว และคุณสามารถเรียนรู้ 5 เคล็ดลับในการสร้างเว็ปไซต์แบบมือโปรได้ในบทความนี้ คลิก ลองสร้างเว็บไซต์ฟรีมากดมาเล่นกันดูได้ที่ MakeWebEasy.com นะคะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b

18 Jul 2025

PEAK Account

10 min

ส่วนประกอบสำคัญ บนเว็ปไซต์ที่ธุรกิจต้องมี?

คนไทยส่วนใหญ่มักเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยการเปิดร้านค้าบน Social media แต่ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้น การขายแบบนี้อาจยังไม่เพียงพอ หลายธุรกิจจึงต้องการขยายฐานลูกค้าออนไลน์และหันไปลงขายสินค้าบน Market Place อย่าง Shopee, Lazada หรือทำ เว็บไซต์ e-Commerce เพิ่มเติม เพื่อสร้างมั่นคงให้กับแบรนด์และ ทำการตลาดออนไลน์ผ่าน เว็บไซต์ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งการจะทำให้เว็บไซต์ e-Commerce ประสบความสำเร็จได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป หากคุณมีการพัฒนาเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา ธุรกิจของคุณก็ประสบความสำเร็จได้ e-Commerce คือ อะไร ? Electronic Commerce หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า e-Commerce คือ การทำธุรกิจที่มีการซื้อขายสินค้าแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการต่างๆ กันบนอินเตอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน เป็นช่องทางในการโปรโมท รวมไปถึงเป็นช่องทางการติดต่อระหว่างร้านค้าและลูกค้า จุดเด่นของ eCommerce คือผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงร้านค้า เลือกซื้อสินค้า และบริการได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า หากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ผู้คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงร้านค้าของคุณได้ตลอดเวลา กดซื้อสินค้าได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แล้วเว็บไซต์ e-Commerce ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง ?  1.User-Friendly เป็นมิตรต่อผู้ใช้และง่ายต่อความเข้าใจ เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเว็บไซต์ e-Commerce คือ การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน หากเว็บไซต์ของเรามีความซับซ้อนมากเกินไป ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะออกจากเว็บไซต์ ถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานง่าย คุณต้องวางโครางสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ จัดหมวดหมู่สินค้าให้ชัดเจน หลังจากทำเว็บไซต์เสร็จแล้ว ลองทดสอบเว็บไซต์ แบ่งให้คนในทีม หรือคนรอบข้างใช้งานดู และนำคอมเม้นท์ที่ได้มาปรับใช้ เพื่อให้คุณได้เว็บไซต์ eCommerce ที่ใช้งานง่ายที่สุด 2.Mobile-Friendly Website เว็บไซต์ที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ 50% ของการชำระเงินออนไลน์มาจาก การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านมือถือ หากคุณต้องการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ เว็บไซต์ของคุณต้องเป็น Responsive Website หรือรองรับการใช้งานบนมือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ เพราะนอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแล้ว เว็บไซต์ที่รองรับมือถือยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับบน Google ด้วย 3. ภาพประกอบต้องคมชัด ภาพสินค้าที่ใช้ ไม่ใช่แค่ถ่ายแล้วลงเท่านั้น แต่ต้องคมชัด มีความน่าสนใจ ดึงดูดความต้องการของลูกค้า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเห็นภาพสินค้าหลากหลายมุม และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน รวมถึงการซูมเข้า ซูมออกก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย  เพราะรูปภาพ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการขาย ไม่ใช่ข้อความอธิบาย และภาพนั้นต้องมีความละเอียดสูง แต่ต้องโหลดไว  4. ระบบตะกร้าสินค้า ฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ e-Commerce จะขาดไปไม่ได้ ระบบตะกร้าสินค้า หรือระบบสั่งซื้อ เป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณสามารถซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ระบบตะกร้าสินค้าที่ดีจะต้องสามารถคำนวนราคาสินค้าได้อย่างแม่นยำ แจกแจงรายละเอียดสินค้าถูกต้อง จำนวน ราคา ส่วนลด ค่าขนส่ง และพาลูกค้าของเราไปจบที่หน้าชำระเงินได้ ครบ จบ ในที่เดียว 5. โปรโมชั่น ข้อเสนอที่น่าสนใจ การจัดแคมเปญโปรโมชั่น หรือกิจกรรมทางการตลาดเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ หากเว็บไซต์ของคุณมีฟังก์ชั่นที่สามารถจัดโปรมชั่น ลด, แลก, แจก, แถมเหล่านี้ได้ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสร้างยอดขายได้ไม่ยากเลย 6. Social Proof ความคิดเห็นจากลูกค้าที่ใช้งานจริง นักช้อปออนไลน์กว่า 95% ที่อ่านรีวิวสินค้า และมี 57% เลือกซื้อสินค้า หรือบริการที่มีรีวิว 4 ดาวขึ้นไป  การใช้ Social Proof หรือการใช้บุคคลมาบอกต่อกับลูกค้าเพื่อช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยโน้มน้าวลูกค้าให้กล้าตัดสินใจซื้อ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ก็คือการรีวิวสินค้านี่แหล่ะ ไม่ว่าการรีวิวนั้นจะมาจากผู้เชี่ยวชาญ คนที่มีชื่อเสียง ผู้ใช้งานจริงบอกกันปากต่อปาก ก็ใช้ได้ทั้งหมด 7. ช่องทางการรับชำระเงิน แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของ เว็บไซต์ e-Commerce คือ ต้องมีระบบรับชำระเงินออนไลน์ เป็นฟีเจอร์ที่จะขาดไปไม่ได้เลย จึงต้องการให้ความสะดวกกับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ของคุณต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือก รับได้ทั้งการโอน สแกนคิวอาร์โค้ด บัตรเดบิต-บัตรเครดิต หรือแม้แต่ตัวเลือกในการผ่อนชำระให้กับลูกค้า  8. ระบบการจัดส่งสินค้า เว็บไซต์ e-Commerce ที่ดีจะต้องบอกรายละเอียดของการจัดส่งสินค้า ผู้ให้บริการขนส่งเป็นใคร มีกี่ตัวเลือกบ้าง และในการจัดส่งแต่ละวิธีจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ที่สำคัญคือการบอกราคาว่าทางร้านของเราคิดค่าขนส่งอย่างไร  9. ความปลอดภัยของเว็บไซต์ เพราะลูกค้าชำระเงินผ่านเว็บไซต์ของเราอยู่ตลอดเวลา ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ธุรกิจและแบรนด์ใหญ่ๆ มักตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ หน้าที่ของเราคือสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า การใช้ SSL หรือเว็บไซต์ที่เป็น HTTPS จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ให้ลูกค้าช้อปได้อย่างมั่นใจบนเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับของ Google อีกด้วย 10. หน้าติดต่อเรา สิ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์ e-Commerce มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดคงหนีไม่หน้าเพจ Contact us หรือ ติดต่อเรา ที่บอกรายละเอียดที่อยู่ และช่องทางการติดต่อของเราไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจว่าสามารถติดต่อหาเราได้หากเกิดปัญหาขึ้น นอกจากนี้หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้าน หรือมีหลายสาขา การเชื่อมต่อกับ Google Map ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถไปร้านคุณได้อย่างถูกต้องอีกด้วย เว็บไซต์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง! เว็บไซต์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!หากคุณต้องการต่อยอดการตลาดออนไลน์ด้วยเว็บไซต์ สร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่คือฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ของคุณจะขาดไม่ได้ 📌 และถ้าอยากเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองตั้งแต่ศูนย์ พร้อมเทคนิคทำเว็บให้ขายดีแบบมือโปร👉 อ่านต่อ: 6 ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่!👉 อ่านต่อ: 5 เคล็ดลับ สร้างเว็บไซต์ให้ขายดีแบบมือโปร! ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 02-217-7999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy   Add Line : 40xsm5339b  

อ่านบทความเพิ่มเติม

บัญชี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี

อ่านบทความเพิ่มเติม

27 Jun 2025

PEAK Account

13 min

ใบสั่งซื้อ Purchase Order (PO) คืออะไร พร้อมตัวอย่าง

ใบสั่งซื้อ PO (Purchase Order): หัวใจสำคัญของการควบคุมต้นทุนและสร้างระบบให้ธุรกิจคุณ ในการดำเนินธุรกิจยุคใหม่ที่การแข่งขันสูง การบริหารจัดการต้นทุนและการควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างอย่างมีระบบเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเอกสารสำคัญอย่าง ใบสั่งซื้อ (Purchase Order หรือ PO) ที่เป็นมากกว่าแค่กระดาษ แต่คือกลไกสำคัญในการบริหารจัดการการเงินและสร้างความโปร่งใสให้ธุรกิจของคุณ มาดูกันว่าทำไมใบ PO ถึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทุกกิจการไม่ควรมองข้าม ใบสั่งซื้อ PO สำคัญอย่างไรกับธุรกิจของคุณ? การใช้ใบสั่งซื้อ PO อย่างถูกวิธี ไม่เพียงช่วยให้คุณจัดการเรื่องการจัดซื้อได้ง่ายขึ้น แต่ยังเสริมสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับการดำเนินงานโดยรวม ใบสั่งซื้อ PO คืออะไร แตกต่างจากใบขอซื้อ PR อย่างไร? ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง มีเอกสารสำคัญสองประเภทที่มักสร้างความสับสนให้กับผู้ประกอบการ นั่นคือ ใบสั่งซื้อ (PO) และ ใบขอซื้อ (PR) แม้จะมีความเกี่ยวข้องกัน แต่มีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่แตกต่างกัน มาทำความเข้าใจความต่างนี้กัน ใบสั่งซื้อ (Purchase Order – PO) คือ ใบสั่งซื้อ (PO) เป็นเอกสารทางธุรกิจที่ออกโดย ฝ่ายจัดซื้อขององค์กร (ผู้ซื้อ) เพื่อ สั่งซื้อสินค้าหรือบริการจากผู้ขาย (Supplier) อย่างเป็นทางการ เปรียบเสมือนสัญญาซื้อขายที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเมื่อผู้ขายตอบรับ ใบสั่งซื้อ PO จะถูกจัดทำขึ้น หลังจากที่ใบขอซื้อ (PR) ได้รับการอนุมัติแล้ว โดยจะมีรายละเอียดครบถ้วน เช่น: ใบขอซื้อ (Purchase Requisition – PR) คือ ใบขอซื้อ (PR) เป็นเอกสาร ภายในองค์กร ที่แผนกต่าง ๆ (เช่น แผนกผลิต, แผนกการตลาด) ใช้แจ้งความต้องการสั่งซื้อสินค้าหรือบริการไปยัง ฝ่ายจัดซื้อ โดยระบุรายละเอียดสินค้าที่ต้องการ เหตุผลที่ต้องใช้ และงบประมาณที่เกี่ยวข้อง เอกสาร PR ต้องได้รับการตรวจสอบและอนุมัติจากหัวหน้าแผนกหรือผู้มีอำนาจก่อนที่จะส่งต่อไปยังฝ่ายจัดซื้อ เพื่อยืนยันความจำเป็นและความเหมาะสมของการจัดซื้อ ระบบ PR ช่วยควบคุมการใช้จ่าย ป้องกันการสั่งซื้อที่ไม่จำเป็น รวมถึงป้องกันการทุจริตของพนักงานและผู้ขาย สรุปความแตกต่างง่ายๆ: ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีใน ใบสั่งซื้อ PO ใบสั่งซื้อ PO ที่สมบูรณ์และถูกต้อง ควรประกอบด้วยข้อมูลสำคัญเหล่านี้ เพื่อลดข้อผิดพลาดและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต: ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีในใบขอซื้อ PR ใบขอซื้อ (PR) แม้จะเป็นเอกสารภายใน แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้ใบสั่งซื้อ โดยข้อมูลที่ครบถ้วนในใบ PR จะช่วยให้ฝ่ายจัดซื้อดำเนินการได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว: ตัวอย่างใบสั่งซื้อ PO และ ใบขอซื้อ PR เพื่อให้เข้าใจรูปแบบและองค์ประกอบของเอกสารทั้งสองประเภทได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองจินตนาการถึงโครงสร้างพื้นฐานดังนี้: ตัวอย่างโครงสร้างใบขอซื้อ PR ตัวอย่างใบขอซื้อ PO สรุปท้ายบทความ การมีระบบเอกสารการสั่งซื้อที่แข็งแกร่ง ไม่เพียงช่วยควบคุมค่าใช้จ่าย ป้องกันการทุจริต และสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อขององค์กรได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการบริหารจัดการธุรกิจในภาพรวม เจ้าของธุรกิจจึงควรเข้าใจและใช้ประโยชน์จากใบสั่งซื้อ PO อย่างเต็มที่ สำหรับธุรกิจยุคใหม่ การพึ่งพาระบบมือหรือเอกสารกระดาษอาจไม่เพียงพออีกต่อไป PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ เข้ามาตอบโจทย์ตรงนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยฟังก์ชันที่รองรับการสร้างใบสั่งซื้อ (PO) ได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถจัดการคำสั่งซื้อจากผู้จัดจำหน่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ PEAK ช่วยให้คุณบันทึกและติดตามข้อมูลการสั่งซื้อ สินค้า บันทึกซื้อสินค้า และเงื่อนไขการชำระเงินได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งสามารถ เชื่อมโยงข้อมูลกับใบส่งสินค้าและใบแจ้งหนี้ได้ทันที ทำให้การจัดการบัญชีตั้งแต่การสั่งซื้อ การรับสินค้า ไปจนถึงการชำระเงินเป็นไปอย่างราบรื่น มีระบบ และแม่นยำมากยิ่งขึ้น ลดข้อผิดพลาด ประหยัดเวลา และช่วยให้คุณมีข้อมูลเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจทางธุรกิจที่ดีขึ้นเสมอ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท คลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย) PEAK Call Center : 1485 LINE : @peakaccount สอบถามเพิ่มเติม คลิก

15 Jun 2025

PEAK Account

9 min

วิธีดูงบการเงินออนไลน์ และ การคัดงบการเงิน

รู้ไหมว่า…งบการเงินของธุรกิจเราไม่ใช่ความลับ ?งบการเงิน คือ รายงานที่สรุปรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไร ขาดทุน และทรัพย์สินของธุรกิจ ช่วยให้เจ้าของกิจการรู้สถานะทางการเงินของตัวเอง และใช้วางแผนหรือเปรียบเทียบกับคู่แข่งได้ ถ้าผู้ประกอบการเข้าใจและอ่านงบการเงินเป็นก็สามารถวางกลยุทธ์ของธุรกิจคุณได้แล้วครับ ไม่ว่าเราจะเปิดบริษัทเอง หรือกำลังจับตาคู่แข่งอยู่ ข้อมูลสำคัญอย่าง “ งบการเงิน ” นั้นถูกจัดเก็บแบบสาธารณะที่สามารถเข้าไปดูได้ เพียงแค่รู้ช่องทางและรู้วิธี เช่นเดียวกับบริษัทมหาชนที่งบการเงินเปิดเผยอยู่บนเว็บไซต์ให้โหลดได้ฟรี การค้นหางบของคู่แข่งหรือพาร์ตเนอร์ธุรกิจก็เป็นไปได้เช่นกัน แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเท่ากันทุกกรณี แต่ถ้าเรารู้ว่าจะดูจากที่ไหนและดูอะไรบ้าง ก็ช่วยให้ตัดสินใจทางธุรกิจได้ดีขึ้นอย่างมาก วิธี ดูงบการเงิน แบบออนไลน์ การ “ดูงบการเงินออนไลน์” คือการเข้าถึงข้อมูลงบการเงินของธุรกิจต่างๆ ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องไปขอเอกสารฉบับจริงให้ยุ่งยาก ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) ได้จัดทำระบบที่ชื่อว่า DBD DataWarehouse+ ให้ประชาชนทั่วไปสามารถค้นหาข้อมูลงบการเงินของนิติบุคคลในประเทศไทยได้ง่ายๆ เพียงแค่มี เลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ซึ่งเราสามารถใช้ระบบนี้เพื่อดูภาพรวมของธุรกิจ เช่น รายได้ กำไร หนี้สิน หรือสถานะทางการเงินของคู่แข่ง พาร์ตเนอร์ หรือแม้แต่ของตัวเราเอง โดยเฉพาะในกรณีที่เราจะวิเคราะห์คู่แข่ง ขอสินเชื่อ หรือจะรับลูกค้าใหม่เข้าระบบ ก็สามารถใช้ข้อมูลจากงบการเงินออนไลน์ประกอบการตัดสินใจได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งสามารถทำตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. เข้าเว็บไซต์ และกรอกเลขนิติบุคคล 13 หลัก 2. ระบบจะแสดงข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับนิติบุคคล เช่น ชื่อ ทุนจดทะเบียน วันก่อตั้ง ที่อยู่ รายชื่อกรรมการ และประเภทธุรกิจ 3. เลือกแท็บ ‘ข้อมูลทางการเงิน’ และเลือกหัวข้อย่อย ‘ งบการเงิน ’ 4. ระบบจะเข้าสู่หน้างบฐานะการเงิน ซึ่งสามารถเลือกดูงบกำไรขาดทุนหรืออัตราส่วนการเงินที่ตัวเลือกด้านขวาของหน้าจอได้ จากรูปภาพจะเห็นว่าข้อมูลจะเป็นงบการเงินแบบย่อที่แสดงข้อมูลโดยสรุปจากงบการเงินฉบับเต็ม ซึ่งก็มีข้อมูลสำคัญที่เราสามารถนำไปวิเคราะห์ต่อได้  วิธี คัดงบการเงิน ฉบับเต็ม ถ้าดู งบการเงิน ออนไลน์แล้วรู้สึกว่ายังไม่ละเอียดพอ โดยเราอยากเห็นข้อมูลเชิงลึกบางอย่าง เช่น หมายเหตุประกอบงบการเงิน หรือรายละเอียดสินทรัพย์ หนี้สินแบบแยกรายการ ดังนั้นการ “คัดงบ” หมายถึง การยื่นคำขอรับสำเนาเอกสารงบการเงินอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะได้เอกสารที่เหมือนกับงบที่บริษัทส่งตรวจสอบจริง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนหน้า เราสามารถ “ คัดงบการเงินฉบับเต็ม ” ผ่านระบบออนไลน์ของ DBD ที่สามารถชำระเงินและดาวน์โหลดไฟล์ได้ทันที ดังนี้ 1. เข้าเว็บไซต์ และกดปุ่มเลือกเอกสารด้วยตนเอง 2. ค้นหานิติบุคคลที่สนใจด้วยเลขนิติบุคคล 13 หลัก และสามารถเลือกได้มากกว่า 1 นิติบุคคล จากนั้นกดปุ่ม ‘ถัดไป’ 3. จากนั้นกดปุ่ม ‘เลือกเอกสาร’ 4. ในหน้านี้ให้เลือกหัวข้อ ‘ถ่ายเอกสาร (ไม่รับรอง)’ และเลือกประเภทเอกสาร ‘งบการเงิน/บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น’ และให้เลือกติ๊กเอกสารที่ต้องการคัดลอก เช่น แบบนำส่งงบการเงิน รายงานผู้สอบฯ และงบการเงิน จากนั้นให้กดปุ่ม ‘เพิ่มไปยังตระกร้า’ จะได้ผลลัพธ์ตามรูปภาพ และกด ‘ยืนยันการเลือกเอกสาร’ 5. ตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง โดยค่าใช้จ่ายมี 2 รายการ ได้แก่ จากนั้นกด ‘ยืนยันรายการ’ และกด ‘ถัดไป’ 6. เลือกวิธีการระบุชื่อผู้รับเงินบนใบเสร็จรับเงินตามต้องการ 7. สำหรับข้อมูลผู้ทำขอ สามารถเลือกกรอกโดยการเข้าสู่ระบบDBD (ระบบจะขึ้นข้อมูลส่วนตัวให้อัตโนมัติ) หรือเลือกแบบไม่มีบัญชี (ต้องกรอกข้อมูลเอง) ก็ได้ เมื่อกรอกแล้วให้กด ‘ถัดไป’ 8. เลือกช่องทางการจัดส่งเอกสารจะเลือกผ่านวิธีการจัดส่ง (มีค่าใช้จ่าย) หรือไปรับเองที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ไม่เสียค่าใช้จ่าย) ก็ได้ กรณีเลือกการจัดส่งต้องกรอกที่อยู่เพื่อการจัดส่งเพิ่มเติม 9. กดยอมรับเงื่อนไขการชำระเงิน และกดปุ่ม ‘ยืนยัน’ 10. จากนั้นให้พิมพ์ใบนำชำระเงิน เพื่อไปชำระตาม 4 ธนาคารที่กำหนด หรือชำระผ่าน QR Code ในเอกสารดังกล่าวได้ หลังจากนั้นถือว่าขั้นตอนคัดลอกเสร็จสิ้นและรอรับเอกสาร โดยทั่วไปจะได้รับเอกสารภายใน 1 อาทิตย์ แต่เร็วที่สุดที่เคยได้รับคือภายในวันถัดไป หลังจากที่ได้รับงบการเงินแล้ว สามารถจะนำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อได้ทันที เพราะงบการเงินจะเป็นแบบเต็มรูปแบบ ไม่ใช่แบบย่อเหมือนใน DBD Warehouse+ สรุปท้ายบทความ อยากรู้สถานะการเงินของธุรกิจ ไม่ยากเลย! แค่ใช้ระบบ DBD DataWarehouse+ ก็สามารถดูงบการเงินเบื้องต้นได้ฟรี เช่น รายได้ กำไร หนี้สิน ฯลฯ แต่ถ้าอยากเจาะลึกมากขึ้น ก็สามารถคัดงบฉบับเต็มโดยมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อยหากคุณมีงบอยู่ในมือแล้วแต่ยังไม่แน่ใจว่าอ่านตรงไหนก่อน แนะนำอ่านบทความ “ขั้นตอนอ่านงบการเงินง่ายๆ ฉบับผู้ประกอบการมือใหม่” ต่อได้เลย ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ภาษี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับภาษี

อ่านบทความเพิ่มเติม

25 Mar 2025

PEAK Account

7 min

จัดการการส่ง e-Tax Invoice & e-Receipt ได้ง่ายขึ้นด้วย INET x PEAK

ในยุคที่การทำธุรกิจต้องการความรวดเร็วและความถูกต้องแม่นยำ การจัดการเอกสารทางภาษี เช่น e-Tax Invoice & e-Receipt กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระงานเอกสาร และสร้างความโปร่งใสให้กับกระบวนการทางบัญชี INET x PEAK คือตัวช่วยที่ช่วยให้การส่ง e-Tax Invoice และ e-Receipt เป็นเรื่องง่าย ด้วยระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดข้อผิดพลาด รองรับมาตรฐานของกรมสรรพากร และช่วยให้ธุรกิจดำเนินงานได้อย่างคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำไม e-Tax Invoice & e-Receipt ถึงสำคัญสำหรับธุรกิจ? การเปลี่ยนผ่านสู่เอกสารอิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นโอกาสในการยกระดับกระบวนการทำงาน โดยเฉพาะกับธุรกิจที่ต้องออกเอกสารจำนวนมากเป็นประจำ“เอกสารที่ถูกต้อง โปร่งใส และส่งได้ทันที คือกุญแจสำคัญสู่ความน่าเชื่อถือของธุรกิจ”ด้วยระบบที่เชื่อมต่อระหว่าง INET และ PEAK คุณจะสามารถจัดการเอกสาร e-Tax Invoice & e-Receipt ได้ในคลิกเดียว พร้อมลดความผิดพลาดที่มักเกิดจากการกรอกข้อมูลซ้ำหรือผิดพลาด ข้อดีของการใช้ e-Tax Invoice & e-Receipt การจัดการ e-Tax Invoice & e-Receipt ด้วยระบบที่เชื่อมต่อระหว่าง INET และ PEAK มอบข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่สำคัญ ดังนี้ สิทธิประโยชน์จากกรมสรรพากรที่ SME ไม่ควรพลาด กรมสรรพากรได้ออกมาตรการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลด้วย e-Tax Invoice & e-Receipt โดยมีสิทธิประโยชน์สำคัญที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบทางธุรกิจ เชื่อม INET x PEAK ตัวช่วยที่ตอบโจทย์ธุรกิจดิจิทัล INET x PEAK คือความร่วมมือระหว่างบริษัท Internet Thailand Public Company Limited (INET) และโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์บัญชีออนไลน์ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับการทำบัญชีและการบริหารจัดการธุรกิจของผู้ประกอบการและสำนักงานบัญชีไทยให้มีความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น INET และ PEAK ทำงานร่วมกันอย่างไร? เริ่มต้นใช้งานใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ ทำไมต้องใช้ INET x PEAK? โปรโมชั่นพิเศษจาก INET พิเศษ! สมัคร INET วันนี้ รับฟรี e-Tax Invoice & e-Receipt จำนวน 200 ใบต่อปี เพิ่มความคุ้มค่าให้กับธุรกิจของคุณและลดต้นทุนในการจัดการเอกสาร หากคุณต้องการระบบจัดการ e-Tax Invoice & e-Receipt ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สมัครและเชื่อมต่อ INET กับ PEAK วันนี้ พร้อมรับประโยชน์สูงสุดจากมาตรการสนับสนุนของกรมสรรพากร เริ่มต้นใช้งานฟรีวันนี้ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

ธุรกิจ

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

18 Jul 2025

PEAK Account

6 min

5 เคล็ดลับ สร้างเว็ปไซต์ ให้ขายดีแบบมือโปร!

เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเว็บขายของของเราถึงขายไม่ได้หรือขายได้น้อย ทั้ง ๆ ที่เว็บอื่น ๆ ก็ขายเหมือนกับเรา เขามีเทคนิคเรียกลูกค้ายังไงกันนะ? ปัญหานี้แก้ไม่ยาก เพียงแค่ลองกลับมาเช็คเว็บขายของของตัวเองดูก่อนว่าเว็บไซต์ของเราพร้อมเปิดขายให้ลูกค้าแล้วหรือยัง ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญมีครบหรือไม่ โดยทำตาม 5 เทคนิคที่เราจะบอกในบทความนี้ หากอยากรู้เพิ่มเติมว่าเว็บไซต์ธุรกิจที่ดีควรมีอะไรบ้าง และวิธีสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้น อ่านต่อได้ในบทความ👉 ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญ👉 6 ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่! 5 เทคนิค สร้างเว็บขายของให้ขายดี! 1. รูปภาพต้องคมชัดและมีหลายมุม เมื่อจะขายของ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ รูปภาพสินค้า ซึ่งจะต้องมีความคมชัด ภาพไม่แตกหรือเบลอ เพราะสินค้าบางประเภทอาจมีรายละเอียดที่ต้องโฟกัสและอาจเป็นจุดขายของสินค้านั้นเลยก็ได้ เช่น ลายสินค้า พื้นผิววัสดุ ลายของผ้า  เราแนะนำว่า รูปภาพสินค้าบนเว็บไซต์ควรมีความละเอียด 75 PPI และกว้าง 1000 Pixels ขึ้นไป สำหรับรูปภาพสินค้าที่ต้องมีหลายมุม ก็เพื่อเป็นการนำเสนอรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าทั้งหมด หรือบอกถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของสินค้า เช่น ปุ่มกด ด้ามจับ วิธีเปิดใช้งาน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเข้าใจตัวสินค้ามากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน 2. ตั้งชื่อสินค้า ให้จำง่ายที่สุด หากเราใช้ชื่อสินค้าสุดยูนีคที่คิดขึ้นมาเอง อาจทำให้สินค้าของเราถูกเสิร์ชเจอได้ยากขึ้น ดังนั้น เราควรตั้งชื่อสินค้าด้วยชื่อมาตราฐาน และควรมีรายละเอียดสั้น ๆ ของสินค้า เพื่อบอกถึงคุณสมบัติคร่าว ๆ ของสินค้าได้ 3. ใส่ข้อมูลสินค้าบนเว็บให้ครบและเข้าใจง่าย ข้อมูลที่ครบถ้วนคือข้อมูลที่พร้อมขายได้ด้วยตัวเอง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องโทรมาถามให้เสียเวลา เจ้าของเว็บไซต์จึงควรใส่ข้อมูลสำคัญของสินค้าไปให้ครบถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด คุณสมบัติ ราคา วิธีการใช้งาน และเงื่อนไขการรับประกันสินค้า  4. ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าได้ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องค้นหา (Search) หรือเปิดตัวกรองสินค้า (Product Filter) ไว้บนเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะกรองด้วยแบรนด์ ไซส์ สี หรือราคา เมื่อลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ไว เราก็ขายได้เร็วขึ้นด้วย   5. เว็บขายของต้องจ่ายง่ายและปลอดภัย การมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุมทุกการสะดวกจ่ายของลูกค้า มี QR Promtpay สแกนผ่านแอปธนาคารได้โดยง่าย ใครที่อยากสะสมพ้อยท์บัตรเครดิตก็เลือกจะจ่ายแบบตัดบัตรได้เลย หรือหากสะดวกเก็บเงินปลายทางก็มีให้ มากกว่านั้นหากเว็บขายของนั้นขายสินค้าราคาสูง ก็มีตัวเลือกให้ผ่อนชำระได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นแบบเท่าตัวเลยล่ะค่ะ สรุปท้ายบทความ : จัดการเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพกับ MakeWebEasy การออกแบบเว็บไซต์ขายของให้ดี อาจไม่ใช่แค่การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เว็บไซต์ให้มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างครบถ้วนและซื้อได้ง่ายที่สุด อยากให้เจ้าของร้านค้าลองนึกถึงประโยชน์และความสะดวกสบายของลูกค้ามาก่อนความสบายของเจ้าของร้านอย่างตัวเราเอง ไม่เพียงแค่จะทำให้ธุกิจของเราน่าเชื่อถือ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้ธุรกิจของเราไปต่อได้อย่างราบรื่นอีกด้วย  อยากทำเว็บไซต์ขายของให้ขายดี มาเริ่มเปิดเว็บไซต์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ MakeWebEasy.com ได้เลยค่ะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy   Add Line : 40xsm5339b  

18 Jul 2025

PEAK Account

9 min

6 ขั้นตอน สร้างเว็บไซต์ ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่

ยุคนี้ อะไร ๆ ก็ง่ายและสะดวกไปหมด ไม่เว้นแม้แต่การทำเว็บไซต์ ที่หากเรามองย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนอาจจะดูยุ่งยาก ซับซ้อน ทั้งในเรื่องระบบ การเขียนโค้ด การออกแบบและค่าใช้จ่ายที่แพงเกินเอื้อม แต่ตอนนี้ เรามีระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปเกิดขึ้นมา ทำให้การสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั้นดูง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก  บทความนี้จะเป็นการแนะนำวิธีสร้างเว็บไซต์ฟรี ด้วยระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy รับรองว่าถ้าคุณทำตามวิธีนี้ คุณจะได้เว็บไซต์ฟรีที่ใช้งานได้จริงและขยายธุรกิจบนออนไลน์ได้แน่นอน เริ่มสร้างเว็บไซต์ฟรีกับ MakeWebEasy  สมัครสร้างเว็บไซต์ฟรี คลิก 1. วางข้อมูลและทำแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) ก่อนจะเริ่มสร้างเว็บไซต์ เราต้องจัดเตรียมข้อมูลก่อนว่าเว็บไซต์ของคุณจะมีกี่หน้า? มีหน้าอะไรบ้าง? ด้วยการทำ Sitemap หรือสร้างแผนผังเว็บไซต์ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมด จากนั้นลองวางโครงสร้างหน้าเพจ วาด Layout ใส่รายละเอียดคร่าวๆ ว่าแต่ละหน้าเพจที่จะทำนั้นมีข้อมูลอะไรอยู่ในหน้านั้นบ้าง อาจดูตัวอย่างการจัดวางเนื้อหาจากเว็บไซต์คู่แข่งว่าเขามีบริการอะไรที่แตกต่างจากเราบ้าง และนำมาปรับใช้กับเว็บไซต์ของเรา หรือจะเข้าไปดูตัวอย่างเว็บไซต์จากแหล่งรวบรวมไอเดียสร้างเว็บไซต์ก็ได้ 2. สมัครสร้างเว็บไซต์ฟรี  ระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปในปัจจุบันมีให้เลือกเยอะมาก แต่หากต้องการใช้ฟรี มีฟีเจอร์พื้นฐานหลัก ๆ ที่ครบครัน ระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ตอบโจทย์ที่สุด  ซึ่งคุณสามารถสมัครใช้งานได้จาก Email หรือ Facebook พร้อมใส่ชื่อโดเมนเว็บไซต์ (www.) ที่ต้องการได้เลย โดยระบบจะแจ้งเตือนหากใช้ชื่อซ้ำ และจะให้เลือกเทมเพลตเว็บไซต์ก่อนเข้าสู่การใช้งานจริง 3. ปรับแต่งหน้าแรกของเว็บไซต์ (Home Page) หน้าแรกถือเป็น First Impression สำหรับลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เลย ซึ่งเราควรเลือกข้อมูลที่สำคัญจริง ๆ และใช้คำ รูปภาพที่ดึงดูดใจลูกค้ามากที่สุดไว้ในส่วนบน และใน 1 หน้าเว็บไซต์ไม่ควรยาวจนเกินไป แนะนำว่ามีสัก 4 – 6 sections ก็เพียงพอแล้วค่ะ จุดสำคัญที่ควรใส่ใจมากที่สุดบนหน้า Home Page คือส่วนบน (Header) และส่วนล่าง (Footer) เพราะเป็นส่วนที่จะอยู่ในทุกหน้าของเว็บไซต์ ควรตรวจสอบให้ดีว่ามีโลโก้ ช่องทางการติดต่อครบและถูกต้องหรือไม่ เพราะหากผิดพลาดไป อาจทำให้คุณเสียลูกค้าไปได้เลย สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเว็บไซต์มีอะไรบ้าง คลิกอ่านที่นี่เลย 4. ใส่ข้อมูลให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ อยากให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับมากขึ้น อยากให้คนเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น การลงบทความบนเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอด้วยการค้นคีย์เวิร์ด เว็บไซต์ E-commerce จะขาดสินค้าไปไม่ได้เลย ซึ่งคุณควรใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถอ่านรายละเอียดและตัดสินใจซื้อได้เลยบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น SKU ชื่อรุ่น คุณสมบัติเฉพาะต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วยการใส่รูปหลากหลายมุมและคลิปวิดิโอยิ่งดี ลงข้อมูลสินค้าพร้อมช้อปแล้ว ก็อย่าลืมเปิดใช้งานบัญชีรับเงินด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร QR Promptpay หรือรับชำระผ่านบัตรเครดิต ในระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy นอกจากเราจะเลือกผู้ให้บริการขนส่งได้หลากหลายแล้ว ยังกำหนดค่าบริการตาม จำนวน, ราคา และน้ำหนักของสินค้าได้อีกด้วย 5. ปรับแต่ง SEO เว็บไซต์ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้ เพิ่มจำนวนคนที่รู้จักได้ มีลูกค้าเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องยิงโฆษณา ซึ่งการตั้งค่า SEO หลัก ๆ จะอยู่ที่ การทำเนื้อหาเว็บไซต์ การจัดวางโครงสร้างเนื้อหา และการเลือกใช้ Keyword บนเว็บไซต์ค่ะ 6. ติดตั้ง Google Analytics สุดยอดเครื่องมือที่นักการตลาดออนไลน์ทุกคนต้องใช้  เพราะ Google Analytics สามารถวัดผลลัพธ์ของเว็บไซต์ และการทำการตลาดได้มากมาย เช็คจำนวนผู้ชมเว็บไซต์ว่าเป็นใคร มาจากช่องทางไหน เข้ามาทำอะไรบ้างในเว็บไซต์ นับเป็นเครื่องมือวัดผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากที่สุดเลยค่ะ สรุปท้ายบทความ : สร้างเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพ หากคุณทำธุรกิจแล้วอยากขยายช่องทาง เพิ่มรายได้ให้มากขึ้น มาสร้างเว็บไซต์เองได้ง่ายๆ เพื่อต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEO หรือ Google Ads เพื่อเพิ่มโอกาสการขายให้มากขึ้น ธุรกิจของคุณก็จะเติบโตได้แบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว และคุณสามารถเรียนรู้ 5 เคล็ดลับในการสร้างเว็ปไซต์แบบมือโปรได้ในบทความนี้ คลิก ลองสร้างเว็บไซต์ฟรีมากดมาเล่นกันดูได้ที่ MakeWebEasy.com นะคะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b

อ่านบทความเพิ่มเติม

การใช้โปรแกรม

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน PEAK

อ่านบทความเพิ่มเติม

8 Jul 2025

PEAK Account

3 min

Update Function PEAK 08/07/2025

🚀 Revamped User Permission System! Professional-level team control — more flexible and accurate than ever 📢 The latest user permission management system is designed for growing businesses that need clarity, flexibility, and maximum security in managing system users.This new permission system allows you to…✅ Systematically manage employee permissions in your organization✅ Precisely control each person’s role✅ Reduce errors when inviting users✅ Enhanced security with notifications via email and in-app alerts every time a user is added, a new permission is granted, or an existing permission is modified The system now includes the following updates: For existing users, don’t worry — PEAK will automatically migrate your roles to the new structure with clear naming, ensuring seamless operation and easier tracking. 📘 User permission setup guide:  ???‍🏫 User Rights Setup Training SeminarTuesday, July 15, 2025 | 10:00–11:00 AMJoin instantly — no pre-registration needed (passcode: peak)🔗 🚀 transforms your payment-side accounting experience — more accurate bookkeeping, even when payment is made before the document date 📢 The system now allows payment dates to be recorded earlier than the document issue date. This helps reduce accounting errors and ensures documents reflect actual transactions more accurately. Here’s how the system has been adjusted: Summary of the article Summary of the monthly function updates for July 2025, Round 1 with new features to allow users to experience accounting more conveniently and accurately. PEAK is ready to develop features to better meet your work needs in terms of accuracy, security, and flexibility so that every business can grow confidently in every step of accounting. You can follow the news and public relations information through the company’s channels. Try PEAK accounting program for free! 30 days, value 1,200 bahtClick  Call Center: 1485LINE: @peakaccountFor more information, click 

8 Jul 2025

PEAK Account

5 min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 08/07/2025

อัปเดต 2 ฟีเจอร์ใหม่ ช่วยให้ทำงานสะดวกขึ้นกว่าเดิม 🚀 ยกเครื่องระบบสิทธิ์ผู้ใช้งานใหม่!  ควบคุมทีมได้ระดับโปร ยืดหยุ่น และแม่นยำยิ่งกว่าเดิม 📢การจัดการสิทธิ์การใช้งานใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาเพื่อธุรกิจที่เติบโต ต้องการความชัดเจน ยืดหยุ่น และปลอดภัยสูงสุดในการจัดการผู้ใช้งานในระบบ สิทธิ์การใช้งานรูปแบบใหม่นี้จะช่วยให้คุณ… ✅ จัดการสิทธิ์พนักงานในองค์กรอย่างเป็นระบบ✅ ควบคุมบทบาทแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ✅ ลดข้อผิดพลาดในการเชิญผู้ใช้งาน✅ ปลอดภัยขึ้นด้วยระบบแจ้งเตือนที่อีเมลและกระดิ่งหน้าโปรแกรมทุกครั้ง เมื่อมีการเพิ่มผู้ใช้งาน เพิ่มสิทธิ์การใช้งานใหม่หรือแก้ไขสิทธิ์  โดยระบบได้มีการปรับ ดังนี้ สำหรับผู้ใช้งานเดิม ไม่ต้องกังวล โดย PEAK จะโอนย้ายสิทธิ์ของคุณให้อัตโนมัติตามโครงสร้างใหม่ พร้อมตั้งชื่อให้ชัดเจน เพื่อความต่อเนื่องในการทำงาน และง่ายต่อการตรวจสอบ คู่มือการตั้งค่าสิทธิ์ใช้งาน 🧑‍🏫 สัมมนาสอนการใช้งาน วันอังคารที่ 15 ก.ค. 68 เวลา 10.00-11.00 น.เข้าร่วมได้เลย ไม่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า (passcode: peak)Link nbsp; 🚀 อัปเกรด พลิกประสบการณ์การทำบัญชีฝั่งจ่าย บันทึกบัญชีแม่นยำขึ้น แม้ชำระเงินก่อนวันออกเอกสาร 📢 ระบบเปิดให้สามารถบันทึกวันที่จ่ายชำระเงินก่อนวันที่ออกเอกสารได้ เพื่อลดข้อผิดพลาดด้านบัญชี และทำให้เอกสารสอดคล้องกับธุรกรรมจริงมากยิ่งขึ้น โดยระบบปรับข้อมูล ดังนี้ สรุปท้ายบทความ สรุปการอัปเดตฟังก์ชันประจำเดือน กรกฎาคม 2568 รอบที่ 1 กับฟีเจอร์ใหม่เผื่อให้ผู้ใช้งานสามารถสัมผัสประสบการณ์การทำบัญชีได้อย่าง สะดวกแม่นยำขึ้น PEAK พร้อมพัฒนาฟีเจอร์ให้ตอบโจทย์การทำงานของคุณยิ่งขึ้น ทั้งด้านความแม่นยำ ความปลอดภัย และความยืดหยุ่น เพื่อให้ทุกธุรกิจสามารถเติบโตได้อย่างมั่นใจในทุกขั้นตอนการทำบัญชีสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางของบริษัท ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข่าวสาร

อัปเดตข่าวประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่น และเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

4 Jul 2025

PEAK Account

5 min

สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เปิดเว็บกับ MakeWebEasy ลดสูงสุด 20%

สำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจที่ใช้ PEAK อยู่แล้ว และกำลังมองหาช่องทางออนไลน์ในการเริ่มโปรโมทธุรกิจ หรือขยายธุรกิจบนออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงมีประสิทธิภาพและสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดี วันนี้ PEAK ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MakeWebEasy แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปของไทย ที่ทำให้ทุกธุรกิจเติบโตบนออนไลน์มามากกว่า 9,000 ธุรกิจ ขอมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ออกแบบมาให้ธุรกิจของคุณสามารถขยายตลาดบนออนไลน์ได้แบบครบครัน เลือกได้เลยตามความต้องการของคุณเอง 3 โปรโมชันเด็ด เฉพาะ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เท่านั้น! สิทธิพิเศษแรก รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ของ MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นมีเว็บไซต์อย่างรวดเร็วด้วยเทมเพลตเว็บไซต์ที่เรามีให้ สร้างสรรค์เว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง พร้อมฟีเจอร์ที่ทุกธุรกิจต้องการ เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ระบบบทความ รองรับโค้ดสำหรับการทำโฆษณาในทุกช่องทาง     อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-package  สิทธิพิเศษที่สอง รับส่วนลด 15% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ และบริการเสริมจาก MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการมากกว่าเว็บไซต์พื้นฐาน โดยคุณสามารถเลือกรับบริการเสริม 1 บริการ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว สวยงาม และใช้งานง่าย ทีมออกแบบมืออาชีพของ MakeWebEasy จะช่วยสร้างสรรค์เว็บไซต์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณได้อย่างโดดเด่น ทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-design  สำหรับผู้ที่ต้องการให้เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นผ่านการทำการตลาด โดยโปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Google หรือการทำโฆษณาออนไลน์อย่าง Google Ads เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและสร้างยอดขายได้ทันที อ่านรายละเอียดบริการ SEO : www.makewebeasy.com/th/seo-suggestion  อ่านรายละเอียดบริการ Google : www.makewebeasy.com/th/google-adwords  สิทธิพิเศษที่สาม รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ บริการออกแบบเว็บไซต์ + การตลาดออนไลน์ จาก MakeWebEasy แพ็กเกจที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชั่นทางธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจร  เริ่มตั้งแต่การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์จากทีมดีไซน์เนอร์ ไปจนถึงการทำการตลาดออนไลน์ผ่านการวางโครงสร้างที่ถูกหลัก SEO และยิงโฆษณาให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายด้วย Google Ads  ________________________________ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK จาก MakeWebEasy หากคุณกำลังจะสร้างเว็บไซต์ใหม่ เวลานี้คุ้มที่สุด เพราะเราพร้อมมอบสิทธิพิเศษในการใช้บริการเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ในราคาที่พิเศษกว่าใคร วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 เท่านั้น สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่  ________________________________ สอบถามรายละเอียดบริการสร้างเว็บไซต์กับ MakeWebEasy Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b  Call : 022177999 

24 May 2025

PEAK Account

9 min

อบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา ปูพื้นฐานสู่นักบัญชีมืออาชีพด้วย PEAK

การเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาเข้าสู่สายงานบัญชีในโลกยุคดิจิทัลไม่ใช่แค่การเรียนในห้องเรียน แต่ต้องเสริมด้วยประสบการณ์และเครื่องมือที่ตอบโจทย์โลกธุรกิจจริง โครงการ “อบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา PEAK Advisor Basic Level” ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-21 กุมภาพันธ์ 2568 คือก้าวสำคัญในการพัฒนาทักษะบัญชีเชิงปฏิบัติให้กับนักศึกษาทั่วประเทศ ทำไมการอบรมบัญชี สำหรับนักศึกษาจึงสำคัญ? ในยุคที่ระบบบัญชีเปลี่ยนผ่านเข้าสู่โลกออนไลน์ ความสามารถในการใช้ซอฟต์แวร์บัญชีหรือโปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงกลายเป็น “ทักษะพื้นฐาน” ที่สำคัญสำหรับนักบัญชียุคใหม่ การเรียนรู้ผ่านการอบรมเชิงปฏิบัติจะช่วยให้นักศึกษาเข้าใจการจัดการเอกสารทางบัญชีจริง ฝึกวิเคราะห์ข้อมูลการเงินด้วยระบบที่ใช้ในภาคธุรกิจจริงและเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานในองค์กรที่ใช้โปรแกรมบัญชีอย่างแพร่หลาย PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบเพื่อการเรียนรู้และใช้งานจริง PEAK คือโปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้นักบัญชีทำงานได้สะดวก รวดเร็ว และมีความถูกต้องในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจัดการเอกสารรายรับ-รายจ่าย ไปจนถึงการจัดทำรายงานและแบบภาษี ด้วยระบบอัตโนมัติและ AI อัจฉริยะของ PEAK นักบัญชีสามารถ ด้วยความสามารถเหล่านี้ PEAK จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้อย่างเป็นระบบ ถูกต้อง และพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกบัญชียุคใหม่ พัฒนาทักษะโปรแกรมบัญชีในยุคดิจิทัลสำหรับนักศึกษาด้วย โครงการอบรม PEAK Advisor Basic Level โครงการอบรม PEAK Advisor Basic Level คือ หลักสูตรอบรมที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับทักษะของผู้ให้บริการทางบัญชี ให้สามารถปรับตัวเข้าสู่โลกของการทำบัญชีดิจิทัลได้อย่างมั่นใจ พร้อมทั้งเพิ่มความสามารถในการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ไฮไลต์จากโครงการอบรม PEAK Advisor Basic Level อบรมฟรี พร้อมแนวทางการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการทำบัญชี ตลอดระยะเวลา 18 วัน นักศึกษาที่เข้าร่วมได้รับการอบรมเนื้อหาครอบคลุมทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ โดยมีการใช้งานระบบ PEAK จริงผ่านเคสธุรกิจเสมือน วัดผลด้วยระบบการสอบออนไลน์ผ่าน FROG GENIUS LMS: ทันสมัย โปร่งใส มีประสิทธิภาพ การร่วมมือกับ FROG GENIUS แพลตฟอร์ม Learning Management System (LMS) เป็นอีกหนึ่ง Key Success Factor พันธมิตรที่ทำให้เกิดความสำเร็จ ที่ทางเราได้ใช้ FROG GENIUS LMS เป็นศูนย์กลางการสอบออนไลน์ในหลักสูตร ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ดังต่อไปนี้ ประโยชน์ที่สถาบันการศึกษาได้รับจากโครงการอบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา 1. เพิ่มโอกาสให้นักศึกษาสัมผัสเครื่องมือระดับมืออาชีพ การนำระบบ PEAK และ FROG GENIUS มาใช้ร่วมกัน ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง ทั้งการออกใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน การจัดการภาษี และการใช้งานระบบสอบแบบมืออาชีพ 2. สร้างภาพลักษณ์สถาบันที่ทันสมัย การเข้าร่วมโครงการกับ PEAK จะช่วยเสริมจุดแข็งของสถาบันในด้านการพัฒนานักศึกษาสู่สายอาชีพ พร้อมกับเพิ่มความน่าสนใจของหลักสูตรในสายบัญชีและบริหารธุรกิจ 3. สนับสนุนการเรียนรู้แบบ Active Learning จากการจัดอบรมที่เน้นลงมือทำจริง นักศึกษาไม่เพียงเรียนรู้แค่ในบทเรียน แต่ยังได้ฝึกวิเคราะห์และแก้ปัญหาเชิงบัญชีด้วยตนเอง ตัวอย่างหัวข้อที่อบรมภายใต้หลักสูตร PEAK Advisor Basic Level สำหรับสถาบันการศึกษาที่สนใจเข้าร่วมอบรมบัญชีสำหรับนักศึกษา หากสถาบันของคุณต้องการส่งเสริมทักษะด้านบัญชีให้กับนักศึกษา หรือจัดสอบและอบรมออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถติดต่อร่วมโครงการกับ PEAK ได้ทันที คลิกลงทะเบียนที่นี่ หรือ ติดต่อประสานงานโครงการ  คุณณัฐชา คำมี โทร. 063-910-4222 หรือ โทร. 1485 ได้เลย! เตรียมพร้อมทักษะบัญชีสำหรับมือใหม่สู่นักบัญชีสายอาชีพบัญชี การอบรมบัญชีสำหรับนักศึกษาไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่คือการ “สร้างอนาคต” ให้กับผู้เรียน โครงการ PEAK Advisor Basic Level คือหนึ่งในโครงการที่สะท้อนถึงความตั้งใจในการขับเคลื่อนวงการบัญชีไทยด้วยเครื่องมือดิจิทัล  สำหรับใครที่กำลังมองหา โอกาสในการเริ่มต้นสายงานบัญชี ไม่ว่าจะเป็นการสมัครงาน การฝึกงาน หรือเตรียมตัวสอบวิชาชีพ โปรแกรมนี้คือก้าวแรกที่ควรเริ่ม! คุณจะได้ทั้ง ทักษะที่ตลาดงานต้องการจริง เช่น การใช้งานโปรแกรมบัญชีคลาวด์ การจัดทำรายงานการเงิน การยื่นภาษี และความเข้าใจในระบบบัญชีที่สอดคล้องกับการทำงานจริงในองค์กรทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม