ภาพรวมของโปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ ช่วยวิเคราะห์ผลประกอบการณ์ รู้กำไรขาดทุน

ตัวช่วยวิเคราะห์ข้อมูลบัญชี เห็นผลกำไร ขาดทุน บริหารธุรกิจได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ระบบวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพออนไลน์ PEAK Board เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการบริหารธุรกิจภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยสามารถเก็บข้อมูลของรายการซื้อขายเสนอราคามาวิเคราะห์กำไรขาดทุนรายสาขา โครงการ หรือหน่วยธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีรายงานสำหรับผู้บริหารที่สามารถรายงานผลของกิจการตามอัตราส่วนทางการเงินเป็นรายเดือน ไตรมาส หรือรายปีเหมือนกับเรามีนักวิเคราะห์ด้านการเงินมืออาชีพอยู่ในกิจการ

24,000 บริษัท
วางใจใช้งาน PEAK

30,000

บริษัท

วางใจใช้งาน PEAK

1,400 พันธมิตรสำนักงานบัญชี

1,400

พันธมิตร

PEAK Family Partner

4  ล้านธุรกรรมต่อเดือน บน PEAK

4

ล้านธุรกรรม/เดือน

ธุรกรรมบน PEAK ต่อเดือน

40,000 ล้าน บาท/เดือน

40,000

ล้าน บาท/เดือน

มูลค่ารายการค้าต่อเดือน

จุดเด่นและฟังก์ชันของ PEAK Board โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพ

เปรียบเทียบกำไร - ขาดทุน

เปรียบเทียบกำไร – ขาดทุน

สามารถรู้กำไรเป็นราย โครงการ สาขา หน่วยธุรกิจ บริหารต้นทุน ค่าใช้จ่าย แต่ละโครงการได้

รายงานสำหรับผู้บริหาร

รายงานสำหรับผู้บริหาร

รายงานสรุปข้อมูลที่สำคัญในการทำธุรกิจ เหมือนมีนักวิเคราะห์ด้านการเงินมืออาชีพอยู่ในกิจการ

ปรับแต่งข้อมูลรายงานได้

ปรับแต่งข้อมูลรายงานได้

ปรับแต่งรายงานได้อยากอิสระตามความต้องการ เช่น รายงานยอดขายตามพนักงาน สินค้า ช่องทางการขาย

PEAK Board เหมาะกับใคร?
ระบบวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด

ผู้ประกอบการใช้ PEAK board วิเคราะห์ธุรกิจ SME

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเครื่องมือด้านการวิเคราะห์ธุรกิจ

รับรู้กำไรขาดทุนในแต่ละสาขา โครงการ หน่วยงาน รู้ยอดขายตามแผนก พนักงานขายรายบุคคล หรือภูมิภาค มีรายงานสรุปตัวเลขที่สำหรับสำหรับธุรกิจ

PEAK board ใช้สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลพนักงานโดยฝ่ายบุคคลและนักบัญชี

ตัวช่วยในการวิเคราะห์ธุรกิจ สำหรับผู้จัดการการเงินและนักบัญชี

สร้างรายงานได้ตรงตามความต้องการของผู้บริหารวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงินให้อัตโนมัติปรับแต่งรายงานได้หลากหลายรูปแบบ

มารู้จัก PEAK Payroll โปรแกรมเงินเดือน
ออนไลน์ภายใน 3 นาที

มาเรียนรู้และเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมคำนวณเงินเดือน
ออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพด้วยวิดีโอสอนการใช้งาน
ครบทุกเมนู เพื่อให้คุณเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมเงินเดือน
ออนไลน์ PEAK Payroll ได้อย่างมืออาชีพ

บริหารธุรกิจได้ดีกว่าเดิม วิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างตรงจุด เมื่อเชื่อมต่อระบบ PEAK Board กับ PEAK Account

วิเคราะห์ข้อมูลบัญชี รายงานการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ PEAK Board

บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน
และจัดการเงินเดือนได้ครบวงจร

เริ่มต้นเพียง 1,200 บาท/เดือน

รู้จัก PEAK Board โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ ใน 3 นาที

วิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจด้วย Dashboard โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ - PEAK Board

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ PEAK Board

การสร้างกลุ่มจัดประเภทเพื่อให้เหมาะกับกิจการบนโปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพนั้น (PEAK Board) ไม่ใช่เรื่องสำหรับมือใหม่ เพียงแค่คุณมีกลุ่มที่ต้องต้องการแยกรายได้ ค่าใช้จ่ายของกิจการในใจแล้วเช่น ต้องการแยกรายได้ ค่าใช้จ่าย ตามแผนก คุณสามารถ List รายชื่อแผนกต่างๆของบริษัทออกมาก่อนจากนั้นนำรายชื่อแผนกไปสร้างกลุ่มจัดประเภทตามคู่มือนี้ได้เลย 

เมื่อสร้างเรียบร้อยแล้ว ก็จะสามารถแยกเอกสารรายรับ รายจ่ายตามแผนกที่ต้องการได้เลยค่ะ นอกจากแผนกแล้วคุณยังสามารถแยกกลุ่มได้หลากหลายตามมุมมองที่กิจการต้องการมองเห็นผ่าน โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพนั้น (PEAK Board) เช่น โครงการ , ยอดขายรายสาขา หรืออื่นๆ 

PEAK Board คืออะไรและช่วยธุรกิจคุณได้อย่างอย่างไรคลิกอ่านที่นี่

เมื่อคุณได้มีการสร้างกลุ่มจัดประเภทตามมุมมองที่กิจการต้องการแล้ว สามารถนำกลุ่มจัดประเภทมาระบุบนเอกสารตามคู่มือนี้ได้เลย  เมื่อติดกลุ่มจัดประเภทบนเอกสารเรียบร้อยแล้วท่านจะสามารถเข้าไปดูตัวเลขของแต่ละกลุ่มผ่านโปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพนั้น (PEAK Board) เพื่อให้ประกอบการตัดสินใจด้านธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว

วิธีการดูรายงานผ่านโปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจอย่างมืออาชีพนั้น (PEAK Board)จะแบ่งเป็น 2 รายการคือ

  1. รายงานที่ดึงข้อมูลจากการหน้าเอกสารรายรับ-รายจ่าย ที่มีการระบุกลุ่มจัดประเภทเอาไว้ วิธีการพิมพ์รายงานคลิกอ่านที่นี่  (รายงานนี้จะดึงข้อมูลมาแสดงเฉพาะเอกสารที่มีการบันทึกบัญชีรายได้หมวด4 และค่าใช้จ่ายหมวด5)
  2. รายงานวิเคราะห์ธุรกิจสำหรับผู้บริหาร / Executive Summary วิธีการพิมพ์รายงานคลิกอ่านที่นี่

การระบุกลุ่มจัดประเภทในเอกสารจะไม่มีผลกระทบต่อบัญชีแยกประเภท (GL) ของกิจการ โดยใช้เพื่อแสดงผลเฉพาะในโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลทางธุรกิจ (PEAK Board) เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือน

PEAK Account

13

min

รวม 6 เรื่องที่ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือน

สลิปเงินเดือน นับว่าเป็นหนึ่งในเอกสารที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องออกให้พนักงานที่ได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกสิ้นเดือน หลังจากที่มีการจ่ายเงินเดือนเรียบร้อยแล้วเพื่อเป็นหลักฐาน ด้วยเหตุนี้เจ้าของธุรกิจควรต้องเข้าใจถึงความสำคัญ และรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารประเภทนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือน สำหรับเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะ สลิปเงินเดือนคืออะไร? สลิปเงินเดือน คือ เอกสารใบเสร็จที่บริษัทจำเป็นต้องออกให้พนักงานทุกครั้งเมื่อมีการจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานในแต่ละเดือน ซึ่งสลิปเงินเดือนสามารถออกโดยฝ่าย HR, บัญชี, หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ ซึ่งข้อมูลภายในสลิปเงินเดือนประกอบไปด้วยข้อมูลของเงินเดือนที่พนักงานได้รับในเดือนนั้น ๆ โดยจะมีการแจงรายละเอียดของเงินได้ เช่น เงินเดือน, เงินค่าเดินทาง, ค่าทำ OT, รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ได้ทำการหักออกจากเงินเดือนอย่างเช่น เงินประกันสังคมนั่นเอง ซึ่งวิธีการออกสลิปเงินเดือนบางบริษัทใช้เป็นสลิปเงินเดือนแบบออนไลน์ส่งให้ทางอีเมลเพียงอย่างเดียว แต่บางที่ก็มีทั้งสลิปแบบคาร์บอนเป็นซองปิดผนึกให้พนักงาน และมีสลิปเงินเดือนส่งให้ทางออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้รับผิดชอบ แต่อย่างน้อยในแต่ละเดือนจำเป็นต้องมีการส่งมอบเอกสารนี้ให้พนักงานด้วย 1. สลิปเงินเดือนต้องออกเมื่อไร? โดยทั่วไปแล้วฝ่ายบุคคลจะส่งเอกสารสลิปเงินเดือนให้พนักงานหลังจากที่ทำการโอนเงินเรียบร้อยภายในวันเดียวกันหรือส่งให้หลังจากนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เงินเดือนเข้าบัญชีพนักงานช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 31 พนักงานควรจะได้รับเอกสารเมื่อถึงช่วงเวลาทำงานในวันนั้น ทั้งนี้ใน SME บางบริษัทที่จำนวนพนักงานไม่เยอะมากยังใช้วิธีการโอนเงินด้วยตัวเองอยู่ อาจมีการส่งสลิปเงินเดือนให้ตามหลังขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทแต่ละที่ อย่างไรก็ตามหากไม่ได้รับตามกำหนด สามารถขอกับแผนกที่เกี่ยวข้องได้ 2. ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีในสลิปเงินเดือน ภายในสลิปเงินเดือน นอกเหนือจากที่เราเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าจำเป็นต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือนที่พนักงานได้รับในเดือนดังกล่าว ที่ซึ่งต้องแจกแจงทั้งเงินเดือนตามแต่ละรูปแบบ รวมไปถึงจำนวนเงินที่ได้ทำการหักออก ในสลิปเงินเดือนยังจำเป็นต้องมีข้อมูลบริษัท, ผู้รับเงิน, วันที่ระบุชัดเจน และการสรุปรายได้ของเดือนดังกล่าวระบุไว้อย่างครบถ้วน สำหรับข้อมูลที่ต้องมีในสลิปเงินเดือนประกอบไปด้วย 8 ส่วนสำคัญดังนี้ หรืออาจมีการเพิ่มข้อมูลรายได้สะสม หรือจำนวนเงินหักประกันสังคมสะสม เพื่อเพิ่มรายละเอียดให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น 3. สลิปเงินเดือนคาร์บอน vs สลิปเงินเดือนออนไลน์ ปกติสลิปเงินเดือนจะมีให้พนักงานสองรูปแบบด้วยกัน โดยมีทั้งสลิปเงินเดือนแบบคาร์บอนปิดผนึกที่หลายบริษัทอาจคุ้นเคยกัน โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมานาน และใช้สลิปคาร์บอนมาโดยตลอด ซึ่งสลิปแบบคาร์บอนจะมีการปิดผนึก และลายน้ำของบริษัท ทำให้มีความน่าเชื่อถือ  แต่ในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมีการปรับใช้ระบบออนไลน์กันมากขึ้น หลายบริษัทจึงเริ่มหันมาใช้สลิปเงินเดือนรูปแบบออนไลน์ที่จะส่งให้พนักงานผ่านทางอีเมลบริษัท โดยจะเป็นไฟล์ที่ใส่รหัสเพื่อเป็นการป้องกันข้อมูลเงินเดือนของพนักงานคล้ายกับการปิดผนึกสลิปเงินเดือนคาร์บอนนั่นเอง โดยรูปแบบออนไลน์จะมีความสะดวกในการออกเอกสาร จัดเก็บ และจัดส่งได้คล่องตัวมากกว่าแบบกระดาษคาร์บอน ทั้งนี้อาจมีข้อจำกัดเล็กน้อย เพราะจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ในการเปิดเอกสาร หรือบางบริษัทที่มีผู้สูงอายุอยู่เยอะ ไม่ถนัดกับการใช้ระบบอีเมล การส่งเอกสารออนไลน์ 100% อาจไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ในหลายที่จึงเลือกส่งให้พนักงานทั้ง 2 แบบ 4. สลิปเงินเดือน ใช้ทำอะไรได้บ้าง? สำหรับผู้ประกอบการสลิปเงินเดือนอาจมีไว้เพียงเพื่อเป็นหลักฐานการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน แต่สำหรับพนักงานแล้วสลิปเงินเดือนสามารถนำไปใช้เป็นเอกสารประกอบการทำธุรกรรมด้านการเงินได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำบัตรเครดิต หรือการขอสินเชื่อกับทางธนาคาร ซึ่งสลิปเงินเดือนจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของธนาคารว่า พนักงานคนดังกล่าวมีเงินเดือนชัดเจน และสามารถจ่ายค่าบัตร หรือจ่ายสินเชื่อไหว รวมไปถึงจำนวนวงเงินที่ธนาคารจะอนุมัติให้ก็มักมีการดูสลิปเงินเดือนประกอบการพิจารณาเช่นกัน นอกจากนี้อาจมีบางกรณีที่เอกสารสลิปเงินเดือนจำเป็นต้องใช้ในการประกอบการยื่นภาษีของพนักงาน เพื่อเป็นข้อมูลที่มาของรายได้ ในกรณีที่สรรพากรเรียกขอเอกสารเพิ่มเติม 5. พนักงานสัญญาจ้างก็ออกสลิปเงินเดือนได้ บางบริษัทมีการจ้างพนักงานแบบสัญญาจ้าง หรือจ้างฟรีแลนซ์ตามแต่ละโปรเจกต์ ซึ่งการจ้างพนักงานรูปแบบดังกล่าวก็สามารถออกสลิปเงินเดือนให้ได้เช่นกัน แต่บางบริษัทอาจไม่ได้มีการทำเอกสารตรงนี้ให้เป็นปกติเหมือนกับพนักงานประจำที่ได้รับเงินเดือน อย่างไรก็ตามพนักงานสัญญาจ้างสามารถขอเอกสารสลิปเงินเดือนหลังจากมีการจ่ายเงินเมื่อเสร็จงานได้ โดยผู้ออกเอกสารอาจระบุระยะเวลาวันที่ในรอบการจ่ายเงินเดือนตามวันที่ทำงานได้เช่นกัน หรืออาจระบุเพิ่มเติมในหมายเหตุ 6. เหตุผลที่ผู้ประกอบการควรใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ หลายภาคส่วนไม่ว่าเอกชนหรือภาครัฐหันมาใช้ระบบออนไลน์กันทั้งสิ้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการธุรกรรมต่าง ๆ ให้ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการส่งสลิปเงินเดือนออนไลน์ให้พนักงานก็สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่ต้องดำเนินการส่วนนี้ หรือบางธุรกิจที่ผู้ประกอบการเป็นคนทำเงินเดือนเอง การออกสลิปเงินเดือนออนไลน์ก็จะช่วยลดภาระงานลงไปได้บางส่วนส่วน เช่น การปริ้นท์เอกสาร การจัดเก็บเอกสาร หรือการค้นหาเอกสาร ที่อาจเป็นงานจุกจิกและยุ่งยาก ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจได้เต็มที่ หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ได้ทำเอกสารด้วยตัวเอง การใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์ก็ช่วยลดรายจ่ายแฝงจากการที่ต้องจัดเก็บเอกสาร และลดความยุ่งยากในการทำงานเอกสารของพนักงานลงไปได้ คำแนะนำของเราอาจเลือกใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์เป็นมาตรฐานที่ส่งให้พนักงานเป็นประจำทุกเดือน แต่หากพนักงานอยากได้สลิปเงินเดือนแบบคาร์บอน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการนำไปใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ สามารถขอล่วงหน้ากับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการออกเอกสารในเดือนดังกล่าวได้ แบบนี้ก็สามารถช่วยลดความยุ่งยากในการทำงานลงไปได้พอสมควรเลยทีเดียว ออกสลิปเงินเดือนออนไลน์ด้วย PEAK ผู้ประกอบการท่านไหนที่อยากปรับเปลี่ยนมาใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็สามารถออกเอกสารส่วนนี้ให้พนักงานได้ ซึ่งเรามาพร้อมกับโปรแกรม PEAK Payroll ช่วยดูแลเรื่องการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน เพิ่มความสะดวก ลดเวลาทำงาน ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด สามารถปรับใช้ภายในบริษัทได้ง่าย มาพร้อมคู่มือการใช้งานทำตามได้ทันที ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้บัญชี

สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้ก่อนจด ภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์

PEAK Account

13

min

สิ่งที่ผู้ประกอบการควรรู้ก่อนจด ภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์

เมื่อทำธุรกิจมาถึงจุดหนึ่งแล้ว ผู้ประกอบการหลายท่านมักเริ่มต้นตัดสินใจเกี่ยวกับการจดภาษีมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ ที่ในปัจจุบันสามารถทำได้ง่ายมากขึ้นผ่านการจด ภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ ของทางกรมสรรพากร ซึ่งในบทความนี้เราจะมาแนะนำว่าสามารถจดรูปแบบใดได้บ้าง พร้อมวิธีการประเมินตัวเองว่าควรจดภาษีมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของเราเองหรือยัง ภาษีมูลค่าเพิ่มคืออะไร? ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT (Value Added Tax) คือภาษีที่กรมสรรพากรเก็บจากธุรกิจที่มีการขายสินค้าหรือบริการ ซึ่งธุรกิจดังกล่าวต้องอยู่ในระบบภาษีของกรมสรรพากร หรือก็คือธุรกิจที่ทำการจดภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วนั่นเอง โดยภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีกำหนดชำระทุกเดือน โดยธุรกิจต้องทำการยื่นเอกสารพร้อมชำระภาษีภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป สามารถยื่นได้ทั้งรูปแบบออนไลน์ และที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ซึ่งหลังจากจดทะเบียน VAT แล้ว ผู้ประกอบการจะต้องเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% จากลูกค้าที่ทำการซื้อขายสินค้าหรือบริการ ข้อบังคับในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เกือบทุกธุรกิจสามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้นับตั้งแต่วันที่เริ่มธุรกิจ แต่จะมีธุรกิจบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มถึง 28 รายการ สามารถดูรายละเอียดของแต่ละรายการได้ที่บทความ “กิจการไหนได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามกฎหมาย” ทั้งนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในรายการกิจการดังกล่าว ก็สามารถจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ แต่จะจำกัดเฉพาะที่กฎหมายกำหนด เช่น ธุรกิจที่ยังมีรายได้ต่อปีไม่ถึง 1.8 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ถ้าหากต้องการจดทันที สามารถทำเรื่องยื่นขอจดทะเบียนเป็นกรณีพิเศษได้ ทั้งนี้ในทางกฎหมายหากธุรกิจของคุณเข้าข่ายเงื่อนไขใดข้อใดข้อหนึ่งที่ต้องจดภาษีมูลค่าเพิ่มจำนวน 2 ข้อต่อไปนี้ ยกเว้นกรณีที่เป็นกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องรีบดำเนินการจดภายในระยะเวลาที่กำหนดมิเช่นนั้นอาจโดนบทลงโทษทางกฎหมายได้ โดยเงื่อนไขแต่ละข้อมีรายละเอียดดังนี้ หากต้องการดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สามารถรถดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ หรือเดินทางไปจดทะเบียนที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ได้ทันที เพราะหากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนดจะมีความผิดถึง 5 ข้อด้วยกัน วิธีการจดภาษีมูลค่าเพิ่มมีกี่รูปแบบ ในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มปัจจุบัน ทางกรมสรรพากรได้อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการด้วยการเปิดระบบการจดภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ โดยสามารถทำได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากร ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงหน่วยงาน ก็สามารถกรอกเอกสารสำหรับการยื่นได้อย่างง่ายดาย สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์อย่างละเอียดได้ที่บทความ “รวมขั้นตอนการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม และวิธีคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ที่ควรรู้”  ส่วนผู้ประกอบการท่านไหนที่อาจไม่ถนัดการใช้ระบบมากนัก หรืออยากปรึกษาเพิ่มเติมกับทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเงื่อนไขต่าง ๆ สามารถเดินทางจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ที่สถานประกอบการตั้งอยู่ ทั้งนี้ในกรณีที่ธุรกิจมีหลายสาขาให้เลือกจดทะเบียนที่สำนักงานสรรพากรที่สาขาสำนักงานใหญ่ของธุรกิจเราตั้งอยู่ จดภาษีมูลค่าเพิ่มแล้วได้อะไรบ้าง? ไม่ว่าจะจดภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ หรือเดินทางไปจดถึงสำนักงานสรรพากร แน่นอนว่าต้องส่งผลดีธุรกิจในหลายแง่มุม ไม่ว่าจะเป็นด้านความน่าเชื่อถือ เพราะในการทำข้อตกลงด้านธุรกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ทำธุรกิจกับธุรกิจด้วยกันเอง B2B (Business-to-Business) ที่ต้องมีการติดต่อค้าขายกับองค์กรหลายรูปแบบเสมอ การจด VAT ก็ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้  หรือแม้กระทั่งธุรกิจแบบขายให้ลูกค้าโดยตรง ก็อาจเพิ่มโอกาสปิดยอดขายจากการที่บริษัทอยู่ในระบบ VAT เช่นเดียวกัน โดยเป็นผลจากนโยบายของภาครัฐที่ลูกค้าสามารถนำใบกำกับภาษีจากการซื้อสินค้าหรือเข้ารับบริการไปยื่นเพื่อขอลดหย่อนภาษีได้นั่นเอง หากลูกค้ามีตัวเลือกต้องซื้อกับธุรกิจที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับไม่จดทะเบียน ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจเลือกเราได้ง่ายกว่าแน่นอน นอกจากนี้มุมของธุรกิจเอง เมื่อมีการซื้อสินค้ากับบริษัทที่มีการจดทะเบียนเช่นเดียวกัน ก็สามารถนำภาษีที่เราโดนเรียกเก็บจากบริษัทผู้ขายไปขอคืนได้เช่นกัน คำถามประเมินตัวเองก่อนจด ภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ ในกรณีที่ธุรกิจของคุณยังไม่ได้เข้าข่ายข้อบังคับในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม เรามีคำถามสำหรับประเมินตัวเองสั้น ๆ 4 ข้อ เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรต้องเริ่มต้นจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ 1. มีการค้าขายระหว่างบริษัทเป็นประจำหรือไม่? ความน่าเชื่อถือมีความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะธุรกิจ B2B เพราะฉะนั้นถ้าธุรกิจของคุณต้องติดต่อกับบริษัทอื่นเป็นประจำ การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้ มีโอกาสที่ธุรกิจอื่นจะอยากทำงานร่วมกันมากยิ่งขึ้น 2. มีความต้องการจัดการบัญชีให้เป็นระบบเรียบร้อยมากขึ้นหรือไม่? หนึ่งในข้อดีสำคัญหลังจากที่ทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์แล้ว การทำงานบัญชีจะมีความเป็นระเบียบมากขึ้นโดยอัตโนมัติ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีความจำเป็นต้องทำรายงานภาษีทั้งภาษีซื้อ และภาษีขายทุกเดือน ถ้าปัจจุบันมองว่าอยากเพิ่มการจัดการบัญชีให้เป็นระบบอีกขั้นหนึ่ง การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็อาจเป็นตัวเลือกที่ดี 3. มีความพร้อมที่จะยื่นเอกสารทุกเดือนหรือไม่? เมื่อจดภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการจำเป็นต้องยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน บางธุรกิจที่ยังไม่มีพนักงานบัญชีดูแลส่วนนี้เป็นหลักอาจมีปัญหายุ่งยากเล็กน้อย แต่หลังจากที่กรมสรรพากรมีระบบตั้งแต่การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ และการยื่นภาษีออนไลน์ ก็ทำให้การจัดการเหล่านี้ง่ายมากยิ่งขึ้น ยิ่งผู้ประกอบการท่านไหนใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ควบคู่ไปด้วย จะทำให้การยื่นสะดวกขึ้นแน่นอน 4. สัดส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มที่เสียจากต้นทุนในการดำเนินธุรกิจมีสูงหรือไม่? บางธุรกิจที่มีต้นทุนต้องซื้อสินค้าหรือวัตถุดิบจำนวนเยอะ และต้องมีการค้าขายกับธุรกิจอื่นที่จดภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นประจำ ทำให้สัดส่วนของต้นทุนเรามี ภาษีมูลค่าเพิ่ม อยู่ในนั้นด้วย การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มก็สามารถนำส่วนที่เสียไปนั้นไปยื่นขอคืนกับทางกรมสรรพากรได้ จัดการภาษีได้ง่ายขึ้นด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ จากบริการต่าง ๆ ของกรมสรรพากรเห็นได้เลยว่ามีนโยบายที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการ ทั้งระบบการเปิดรับยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มออนไลน์ การยื่นภาษี รวมไปถึงบริการที่เกี่ยวข้อง ในฝั่งของผู้ประกอบการเอง การปรับใช้ระบบบัญชีออนไลน์ก็ช่วยให้การจัดการภาษีเป็นเรื่องง่ายขึ้น ซึ่งโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็มาพร้อมฟีเจอร์การใช้งานที่ตอบโจทย์ ครอบคลุมการใช้งานทั้งด้านภาษีและด้านการจัดการบัญชี มาพร้อมคู่มือการใช้งานอย่างละเอียด เริ่มต้นปรับใช้ได้ง่ายกว่าที่คิด ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ภาษี

ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือน

PEAK Account

13

min

รวม 6 เรื่องที่ผู้ประกอบการควรรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือน

สลิปเงินเดือน นับว่าเป็นหนึ่งในเอกสารที่เจ้าของธุรกิจจำเป็นต้องออกให้พนักงานที่ได้รับเงินเดือนเป็นประจำทุกสิ้นเดือน หลังจากที่มีการจ่ายเงินเดือนเรียบร้อยแล้วเพื่อเป็นหลักฐาน ด้วยเหตุนี้เจ้าของธุรกิจควรต้องเข้าใจถึงความสำคัญ และรายละเอียดเกี่ยวกับเอกสารประเภทนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ในบทความนี้เราจึงได้รวบรวมความรู้เกี่ยวกับสลิปเงินเดือน สำหรับเจ้าของธุรกิจโดยเฉพาะ สลิปเงินเดือนคืออะไร? สลิปเงินเดือน คือ เอกสารใบเสร็จที่บริษัทจำเป็นต้องออกให้พนักงานทุกครั้งเมื่อมีการจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานในแต่ละเดือน ซึ่งสลิปเงินเดือนสามารถออกโดยฝ่าย HR, บัญชี, หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจ ซึ่งข้อมูลภายในสลิปเงินเดือนประกอบไปด้วยข้อมูลของเงินเดือนที่พนักงานได้รับในเดือนนั้น ๆ โดยจะมีการแจงรายละเอียดของเงินได้ เช่น เงินเดือน, เงินค่าเดินทาง, ค่าทำ OT, รวมไปถึงค่าใช้จ่ายที่ได้ทำการหักออกจากเงินเดือนอย่างเช่น เงินประกันสังคมนั่นเอง ซึ่งวิธีการออกสลิปเงินเดือนบางบริษัทใช้เป็นสลิปเงินเดือนแบบออนไลน์ส่งให้ทางอีเมลเพียงอย่างเดียว แต่บางที่ก็มีทั้งสลิปแบบคาร์บอนเป็นซองปิดผนึกให้พนักงาน และมีสลิปเงินเดือนส่งให้ทางออนไลน์ด้วยเช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้รับผิดชอบ แต่อย่างน้อยในแต่ละเดือนจำเป็นต้องมีการส่งมอบเอกสารนี้ให้พนักงานด้วย 1. สลิปเงินเดือนต้องออกเมื่อไร? โดยทั่วไปแล้วฝ่ายบุคคลจะส่งเอกสารสลิปเงินเดือนให้พนักงานหลังจากที่ทำการโอนเงินเรียบร้อยภายในวันเดียวกันหรือส่งให้หลังจากนั้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เงินเดือนเข้าบัญชีพนักงานช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 31 พนักงานควรจะได้รับเอกสารเมื่อถึงช่วงเวลาทำงานในวันนั้น ทั้งนี้ใน SME บางบริษัทที่จำนวนพนักงานไม่เยอะมากยังใช้วิธีการโอนเงินด้วยตัวเองอยู่ อาจมีการส่งสลิปเงินเดือนให้ตามหลังขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทแต่ละที่ อย่างไรก็ตามหากไม่ได้รับตามกำหนด สามารถขอกับแผนกที่เกี่ยวข้องได้ 2. ข้อมูลสำคัญที่ต้องมีในสลิปเงินเดือน ภายในสลิปเงินเดือน นอกเหนือจากที่เราเกริ่นไปก่อนหน้านี้ว่าจำเป็นต้องมีรายละเอียดเกี่ยวกับเงินเดือนที่พนักงานได้รับในเดือนดังกล่าว ที่ซึ่งต้องแจกแจงทั้งเงินเดือนตามแต่ละรูปแบบ รวมไปถึงจำนวนเงินที่ได้ทำการหักออก ในสลิปเงินเดือนยังจำเป็นต้องมีข้อมูลบริษัท, ผู้รับเงิน, วันที่ระบุชัดเจน และการสรุปรายได้ของเดือนดังกล่าวระบุไว้อย่างครบถ้วน สำหรับข้อมูลที่ต้องมีในสลิปเงินเดือนประกอบไปด้วย 8 ส่วนสำคัญดังนี้ หรืออาจมีการเพิ่มข้อมูลรายได้สะสม หรือจำนวนเงินหักประกันสังคมสะสม เพื่อเพิ่มรายละเอียดให้ครบถ้วนมากยิ่งขึ้น 3. สลิปเงินเดือนคาร์บอน vs สลิปเงินเดือนออนไลน์ ปกติสลิปเงินเดือนจะมีให้พนักงานสองรูปแบบด้วยกัน โดยมีทั้งสลิปเงินเดือนแบบคาร์บอนปิดผนึกที่หลายบริษัทอาจคุ้นเคยกัน โดยเฉพาะบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมานาน และใช้สลิปคาร์บอนมาโดยตลอด ซึ่งสลิปแบบคาร์บอนจะมีการปิดผนึก และลายน้ำของบริษัท ทำให้มีความน่าเชื่อถือ  แต่ในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมีการปรับใช้ระบบออนไลน์กันมากขึ้น หลายบริษัทจึงเริ่มหันมาใช้สลิปเงินเดือนรูปแบบออนไลน์ที่จะส่งให้พนักงานผ่านทางอีเมลบริษัท โดยจะเป็นไฟล์ที่ใส่รหัสเพื่อเป็นการป้องกันข้อมูลเงินเดือนของพนักงานคล้ายกับการปิดผนึกสลิปเงินเดือนคาร์บอนนั่นเอง โดยรูปแบบออนไลน์จะมีความสะดวกในการออกเอกสาร จัดเก็บ และจัดส่งได้คล่องตัวมากกว่าแบบกระดาษคาร์บอน ทั้งนี้อาจมีข้อจำกัดเล็กน้อย เพราะจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ หรือคอมพิวเตอร์ในการเปิดเอกสาร หรือบางบริษัทที่มีผู้สูงอายุอยู่เยอะ ไม่ถนัดกับการใช้ระบบอีเมล การส่งเอกสารออนไลน์ 100% อาจไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ในหลายที่จึงเลือกส่งให้พนักงานทั้ง 2 แบบ 4. สลิปเงินเดือน ใช้ทำอะไรได้บ้าง? สำหรับผู้ประกอบการสลิปเงินเดือนอาจมีไว้เพียงเพื่อเป็นหลักฐานการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน แต่สำหรับพนักงานแล้วสลิปเงินเดือนสามารถนำไปใช้เป็นเอกสารประกอบการทำธุรกรรมด้านการเงินได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการทำบัตรเครดิต หรือการขอสินเชื่อกับทางธนาคาร ซึ่งสลิปเงินเดือนจะใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของธนาคารว่า พนักงานคนดังกล่าวมีเงินเดือนชัดเจน และสามารถจ่ายค่าบัตร หรือจ่ายสินเชื่อไหว รวมไปถึงจำนวนวงเงินที่ธนาคารจะอนุมัติให้ก็มักมีการดูสลิปเงินเดือนประกอบการพิจารณาเช่นกัน นอกจากนี้อาจมีบางกรณีที่เอกสารสลิปเงินเดือนจำเป็นต้องใช้ในการประกอบการยื่นภาษีของพนักงาน เพื่อเป็นข้อมูลที่มาของรายได้ ในกรณีที่สรรพากรเรียกขอเอกสารเพิ่มเติม 5. พนักงานสัญญาจ้างก็ออกสลิปเงินเดือนได้ บางบริษัทมีการจ้างพนักงานแบบสัญญาจ้าง หรือจ้างฟรีแลนซ์ตามแต่ละโปรเจกต์ ซึ่งการจ้างพนักงานรูปแบบดังกล่าวก็สามารถออกสลิปเงินเดือนให้ได้เช่นกัน แต่บางบริษัทอาจไม่ได้มีการทำเอกสารตรงนี้ให้เป็นปกติเหมือนกับพนักงานประจำที่ได้รับเงินเดือน อย่างไรก็ตามพนักงานสัญญาจ้างสามารถขอเอกสารสลิปเงินเดือนหลังจากมีการจ่ายเงินเมื่อเสร็จงานได้ โดยผู้ออกเอกสารอาจระบุระยะเวลาวันที่ในรอบการจ่ายเงินเดือนตามวันที่ทำงานได้เช่นกัน หรืออาจระบุเพิ่มเติมในหมายเหตุ 6. เหตุผลที่ผู้ประกอบการควรใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้ หลายภาคส่วนไม่ว่าเอกชนหรือภาครัฐหันมาใช้ระบบออนไลน์กันทั้งสิ้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการดำเนินการธุรกรรมต่าง ๆ ให้ทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งการส่งสลิปเงินเดือนออนไลน์ให้พนักงานก็สามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพนักงานที่ต้องดำเนินการส่วนนี้ หรือบางธุรกิจที่ผู้ประกอบการเป็นคนทำเงินเดือนเอง การออกสลิปเงินเดือนออนไลน์ก็จะช่วยลดภาระงานลงไปได้บางส่วนส่วน เช่น การปริ้นท์เอกสาร การจัดเก็บเอกสาร หรือการค้นหาเอกสาร ที่อาจเป็นงานจุกจิกและยุ่งยาก ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถโฟกัสกับการพัฒนาธุรกิจได้เต็มที่ หรือในกรณีที่ผู้ประกอบการไม่ได้ทำเอกสารด้วยตัวเอง การใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์ก็ช่วยลดรายจ่ายแฝงจากการที่ต้องจัดเก็บเอกสาร และลดความยุ่งยากในการทำงานเอกสารของพนักงานลงไปได้ คำแนะนำของเราอาจเลือกใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์เป็นมาตรฐานที่ส่งให้พนักงานเป็นประจำทุกเดือน แต่หากพนักงานอยากได้สลิปเงินเดือนแบบคาร์บอน เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการนำไปใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ สามารถขอล่วงหน้ากับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการออกเอกสารในเดือนดังกล่าวได้ แบบนี้ก็สามารถช่วยลดความยุ่งยากในการทำงานลงไปได้พอสมควรเลยทีเดียว ออกสลิปเงินเดือนออนไลน์ด้วย PEAK ผู้ประกอบการท่านไหนที่อยากปรับเปลี่ยนมาใช้สลิปเงินเดือนออนไลน์ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็สามารถออกเอกสารส่วนนี้ให้พนักงานได้ ซึ่งเรามาพร้อมกับโปรแกรม PEAK Payroll ช่วยดูแลเรื่องการจ่ายเงินเดือนให้พนักงาน เพิ่มความสะดวก ลดเวลาทำงาน ลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาด สามารถปรับใช้ภายในบริษัทได้ง่าย มาพร้อมคู่มือการใช้งานทำตามได้ทันที ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้บัญชี