จัดการสินทรัพย์ แยกประเภท เป็นเครื่องมือที่ช่วยใน การบริหารจัดการสินทรัพย์ภาย

จัดการสินทรัพย์ออนไลน์ สะดวกช่วยผู้บริหารทำงานง่ายขึ้น

โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ PEAK Asset เป็นเครื่องมือที่ช่วยใน การบริหารจัดการสินทรัพย์ภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเก็บข้อมูลของสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลชื่อ รูปภาพ หมวดหมู่ อายุการใช้งาน ช่วยให้สามารถติดตาม ตรวจเช็ค ตรวจสอบสินทรัพย์ได้และระบบยังสามารถคำนวณค่าเสื่อมราคาพร้อมกับลงบัญชีให้อัตโนมัติ ช่วยลดระยะเวลาการทำงานบัญชีของพนักงานบัญชีลงเป็นอย่างมาก

24,000 บริษัท
วางใจใช้งาน PEAK

30,000

บริษัท

วางใจใช้งาน PEAK

1,400 พันธมิตรสำนักงานบัญชี

1,400

พันธมิตร

PEAK Family Partner

4  ล้านธุรกรรมต่อเดือน บน PEAK

4

ล้านธุรกรรม/เดือน

ธุรกรรมบน PEAK ต่อเดือน

40,000 ล้าน บาท/เดือน

40,000

ล้าน บาท/เดือน

มูลค่ารายการค้าต่อเดือน

จุดเด่นและฟังก์ชันของ PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ออนไลน์ที่ใช้งานง่ายที่สุด

คำนวณค่าเสื่อมราคา

คำนวณค่าเสื่อมราคา

คำนวณค่าเสื่อมราคาให้อัตโนมัติ

คำนวณกำไรขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ให้อัตโนมัติ

การบริหารจัดการสินทรัพย์

การบริหารจัดการสินทรัพย์

มีการจัดหมวดหมู่ให้สินทรัพย์

สามารถอัปโหลดรูปภาพทำให้ติดตามได้ง่าย

รายงานข้อมูลตามความต้องการ

รายงานข้อมูลตามความต้องการ

มีรายงานมากกว่า 4 รูปแบบ สามารถเลือกได้ตามการใช้งาน

ระบุช่วงเวลาของรายงานได้ละเอียดที่สุดได้เป็นรายวัน

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ

บันทึกบัญชีอัตโนมัติ

ลงบัญชีให้อัตโนมัติทุกขั้นตอนในการซื้อขายและใช้งานสินทรัพย์

ลดเวลาในการทำงาน การจัดการบัญชี และป้องกันข้อมูลตกหล่น

PEAK Asset เหมาะกับใคร?
ระบบบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ตอบโจทย์ธุรกิจมากที่สุด

PEAK Asset สำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในธุรกิจ SME

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการเครื่องมือด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์

แยกหมวดหมู่และติดตามสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพช่วยให้การบริหารสินทรัพย์เป็นเรื่องง่าย

PEAK Asset สำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ในฝ่ายบุคคลและบัญชี

ตัวช่วยในการจัดการสินทรัพย์สำหรับผู้ดูแลสินทรัพย์และนักบัญชี

ระบบนั้นทำการคำนวณค่าเสื่อมราคา คำนวณกำไร – ขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ พร้อมทั้งยังลงบัญชีเกี่ยวกับสินทรัพย์อัตโนมัติทุกรายการ

peakasset-peakaccount

บริหารจัดการสินทรัพย์ได้ดีกว่าเดิมเมื่อเชื่อมต่อระบบ PEAK Asset เข้ากับ PEAK Account

บันทึกบัญชีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ทุกอย่างโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินทรัพย์ การขายสินทรัพย์การคำนวณค่าเสื่อมราคา รวมไปถึงสามารถคำนวณกำไรขาดทุนจากการขายสินทรัพย์ได้อีกด้วย

ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ PEAK Asset

บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน
และจัดการเงินเดือนได้ครบวงจร

เริ่มต้นเพียง 1,200 บาท/เดือน

รู้จัก PEAK Asset โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ ใน 3 นาที

จัดการสินทรัพย์ได้ง่ายๆ ด้วย โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ - PEAK Asset

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ PEAK Asset

โปรแกรมบริการจัดการสินทรัพย์ สามารถบันทึกขายสินทรัพย์ออกจากกิจการได้ ซึ่งสามารถเลือกสร้างเอกสารขายสินทรัพย์ได้ตามคู่มือนี้ได้เลย 

การพิมพ์รายงานสินทรัพย์ในโปรแกรมบริการจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset)  สามารถพิมพ์ได้ทั้ง 2 รูปแบบ

1.แบบสินทรัพย์แบบกลุ่มเพื่อดูภาพรวมของสินทรัพย์ทั้งหมดในกิจการ วิธีการพิมพ์รายงานคลิกอ่านที่นี่ 

2. รายงานสินทรัพย์รายตัวเพื่อดูความเคลื่อนไหวรายการซื้อ ขาย ยกมาของสินทรัพย์แบบลงรายละเอียด วิธีการพิมพ์รายงานคลิกอ่านที่นี่

โปรแกรมบริการจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset) คำนวนค่าเสื่อมราคาด้วยวิธีเส้นตรง  โดยจะคำนวนเมื่อบันทึกซื้อสินทรัพย์ หรือบันทึกสินทรัพย์ยกมา ซึ่งในกรณีที่บันทึกสินทรัพย์ยกมาจะสามารถกำหนดวันที่เริ่มให้ PEAK คิดค่าเสื่อมราคาได้

สูตรการคิดค่าเสื่อมราคาวิธีเส้นตรง

ค่าเสื่อมราคาต่อปี= (ราคาทุน-ราคาซาก)/ อายุการใช้งาน(จำนวนวัน)

ค่าเสื่อมราคาคืออะไร สำคัญกับกิจการอย่างไรคลิกอ่านเพิ่มที่นี่

วิธีการดูตารางการคำนวนค่าเสื่อมของสินทรัพย์รายตัว

โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset) จะคำนวนค่าเสื่อมรายเดือนให้อัตโนมัติ และจะมีการสร้างสมุดบัญชีสำหรับการบันทึกค่าเสื่อมราคาให้ หากท่านมีการสร้างกลุ่มสินทรัพย์และเลือกให้ระบบคำนวนค่าเสื่อมราคา การคำนวนค่าเสื่อมราคาในโปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset)  จะแบ่งเป็น 2 ประเภท

  1. เมื่อมีการบันทึกซื้อสินทรัพย์เข้ามาระบบจะเริ่มคิดค่าเสื่อมให้ตั้งแต่วันที่ซื้อสินทรัพย์เข้ามา วิธีการบันทึกซื้อสินทรัพย์คลิกอ่านที่นี่
  2. เมื่อมีการบันทึกสินทรัพย์ยกมา ซึ่งเป็นการนำข้อมูลจากโปรแกรมบัญชีเดิมก่อนจะย้ายมาใช้ PEAK  ระบบจะสามารถให้เลือกได้ว่าจะโปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์ (PEAK Asset) เริ่มคิดค่าเสื่อมเมื่อวันที่เท่าไหร่ วิธีการบันทึกสินทรัพย์ยกมาคลิกอ่านที่นี่

ซึ่งฟังก์ชันนี้เพื่อช่วยลดขั้นตอนในการทำงานของกิจการ

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

วิธีถอด VAT คำนวณด้วยเครื่องคิดเลขง่าย ๆ

PEAK Account

6

min

ถอด VAT คืออะไร? ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้วิธีคำนวณนี้

การถอด VAT เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องเจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อมีการขายสินค้าที่เราต้องออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้า หรือการถอด VAT จากสินค้าที่ซื้อมาเพื่อที่ช่วยให้เราทราบราคาต้นทุนที่แท้จริงของสิ่งนั้น นอกจากนี้ การถอด VAT ยังช่วยให้นักบัญชีของกิจการจัดการภาษีได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย ซึ่งมีทั้งการถอด VAT 3% และ 7% ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้วิธีการ ถอด VAT เรามีวิธีคำนวณมาฝากกัน ก่อนถอด VAT ควรรู้จัก VAT คืออะไร  VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) คือ ภาษีประเภทหนึ่งที่จัดเก็บจากมูลค่าสินค้าหรือบริการที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจำหน่าย ไม่ว่าสินค้านั้นจะผลิตที่ประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท ต่อปี จากการผลิตและขายสินค้านั้น จะต้องเป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ และต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องทำภายใน 30 วัน  วิธีถอด VAT คำนวณด้วยเครื่องคิดเลขง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน การถอด VAT เป็นการถอดเพื่อให้เราทราบราคาที่แท้จริงของสินค้าก่อนคิด VAT ว่ามีราคาเท่าไหร่ และสามารถคำนวณภาษีที่ต้องนำส่งได้อย่างถูกต้อง โดยมีวิธีการคำนวณที่แตกต่างกันตามอัตราภาษี ดังนี้  วิธีถอด VAT 3% VAT 3% มักใช้กับธุรกิจที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก กิจการที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี  การจ้างทำของ หรือทำงานต่าง ๆ โดยวิธีการคำนวณนั้นจะทำได้โดยการนำราคาสินค้าที่รวม VAT แล้ว มาหารด้วย 1.03 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นราคาที่ไม่รวม VAT ส่วนต่างระหว่างราคารวมกับราคาที่ไม่รวม VAT คือจำนวนภาษีที่ต้องนำส่ง ตัวอย่างการคำนวณ : สมมติว่าเรามีสินค้าราคารวม VAT อยู่ที่ 10,300 บาท  วิธีถอด VAT 7% การถอด VAT 7% เป็นการคำนวณที่ใช้กับธุรกิจทั่วไปที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยการคำนวณคล้ายกับการถอด VAT 3% แต่ใช้ตัวหารเป็น 1.07 แทน การถอด VAT ที่ถูกต้อง จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจคำนวณต้นทุน กำไร และภาษีที่ต้องนำส่งได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างการคำนวณ สมมติว่าเรามีสินค้าราคารวม VAT อยู่ที่ 10,700 บาท การเสียภาษี VAT ถ้าธุรกิจของเราเป็นทั้งผู้ขายสินค้าและซื้อสินค้ามา เราต้องมีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องจ่าย โดยนำภาษีขายที่เก็บจากลูกค้าตลอดเดือนภาษี มาลบด้วยภาษีซื้อที่จ่ายให้ซัพพลายเออร์ในเดือนเดียวกัน หากผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าภาษีขายสูงกว่าภาษีซื้อ เจ้าของธุรกิจจ่ายส่วนต่างให้กรมสรรพากร แต่หากภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย เจ้าของธุรกิจสามารถเลือกได้ว่าจะรับภาษีส่วนเกินคืน หรือเก็บไว้เป็นเครดิตภาษีสำหรับการคำนวณในรอบเดือนถัดไปได้เลย  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ขายสินค้าหรือซื้อสินค้า การถอด VAT ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้เราทราบต้นทุนที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การลดต้นทุนและบริหารจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มเงินทุนให้สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้อีก นอกจากการคำนวณ VAT ด้วยเครื่องคิดเลขแล้ว การใช้ PEAK Tax ยังช่วยให้การคำนวณภาษีและการออกเอกสารใบกำกับภาษีเป็นเรื่องง่าย พร้อมรองรับการจัดการภาษีและบัญชีอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเติบโตไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้ภาษี

6 กลยุทธ์การวางแผนภาษี ธุรกิจ SMEs ปี 2568

PEAK Account

9

min

เพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ด้วย 6 กลยุทธ์การวางแผนภาษีธุรกิจ SMEs

การบริหารภาษีอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถเพิ่มกำไรและบริหารเงินสดได้อย่างเหมาะสม การวางแผนภาษีไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเสียภาษีเกินความจำเป็น แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับธุรกิจอีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้กลยุทธ์การวางแผนภาษีธุรกิจ SMEที่สามารถนำไปใช้ได้จริงกัน! 6 กลยุทธ์การวางแผนภาษีธุรกิจ SMEs ปี 2568 1. รู้จักประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้อง การเริ่มต้นวางแผนภาษีสำหรับธุรกิจ SME นั้น ควรเริ่มจากการทำความเข้าใจประเภทของภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ ภาษีแต่ละประเภทจะมีวิธีการคำนวณและข้อกำหนดที่แตกต่างกัน ซึ่งการรู้จักประเภทของภาษีจะช่วยให้การวางแผนภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และป้องกันการเสียภาษีเกินกว่าที่ควรจะเป็น 1.1 ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีที่คิดจากกำไรสุทธิของธุรกิจ ซึ่งธุรกิจทุกประเภทที่มีการดำเนินการในรูปแบบของนิติบุคคลต้องเสียภาษีนี้ การคำนวณและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลจำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดต่าง ๆ อย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดในการคำนวณภาษี 1.2 ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)  เป็นภาษีที่คิดจากการขายสินค้าหรือบริการในบางกรณี การเสียภาษีประเภทนี้ขึ้นอยู่กับการดำเนินการทางธุรกิจของคุณ หากคุณขายสินค้าหรือบริการที่ต้องเสีย VAT ก็จำเป็นต้องคำนวณและยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้อง 1.3 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย  ภาษีที่ถูกหักออกจากเงินได้บางประเภทที่ธุรกิจจ่ายให้กับผู้รับบริการ เช่น ค่าจ้าง ค่าบริการ หรือเงินได้บางประเภท การหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเพื่อให้การดำเนินงานของธุรกิจไม่เกิดปัญหาในอนาคต การรู้ว่าภาษีแต่ละประเภทมีการคำนวณและยื่นเอกสารอย่างไร จะช่วยให้ธุรกิจปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายและหลีกเลี่ยงค่าปรับที่ไม่จำเป็น 2. วางระบบบัญชีที่โปร่งใส การจัดการบัญชีที่เป็นระบบและโปร่งใสถือเป็นหัวใจสำคัญในการวางแผนภาษีธุรกิจ SME ที่มีประสิทธิภาพ การทำบัญชีให้ถูกต้องและมีระเบียบไม่เพียงแต่ช่วยในการจัดการภาษีให้เหมาะสม แต่ยังทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถมองเห็นภาพรวมทางการเงินของธุรกิจได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจในอนาคต โดยคุณสามารถทำได้ ดังนี้ 2.1 การใช้โปรแกรมบัญชี ช่วยจัดการงานบัญชี การใช้โปรแกรมบัญชี ที่สามารถบันทึกรายรับและรายจ่ายอย่างถูกต้อง และสามารถติดตามธุรกรรมต่าง ๆ ได้แบบเรียลไทม์ โปรแกรม PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถจัดการภาษีได้ง่ายขึ้น ด้วยฟังก์ชันที่รองรับ e-Tax Invoice ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ การแยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัวจะช่วยลดความยุ่งยากในการคำนวณภาษีและการรายงานทางการเงิน 2.2 การเก็บเอกสารหลักฐาน  ไม่ว่าจะเป็นใบเสร็จ ใบกำกับภาษี และเอกสารทางการเงินต่าง ๆ จะช่วยให้การตรวจสอบการยื่นภาษีทำได้สะดวกและง่ายขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกตรวจสอบโดยสรรพากรได้ เช่น PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์แบบครบวงจรที่สามารถเก็บเอกสารออนไลน์ได้ 3. ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี อีกหนึ่งการวางแผนภาษีธุรกิจ SME ที่ดีคือการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อลดภาระภาษีได้ ดังนี้ 4. วางแผนรายรับและรายจ่าย การจัดการรายรับและรายจ่ายอย่างมีแบบแผนช่วยให้ธุรกิจสามารถลดภาระภาษีได้ ดังนี้ 4.1 เลื่อนรายรับ หากอยู่ในช่วงปลายปีและรายได้เกินเป้าหมาย อาจเลื่อนการรับเงินไปต้นปีถัดไปเพื่อกระจายรายได้ในหลายปี 4.2 เร่งรายจ่าย  ซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นหรือชำระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าในช่วงปลายปี เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายและลดกำไรสุทธิ 5. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี ผู้ประกอบการควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีหรือผู้ทำบัญชีที่มีความรู้ในด้านกฎหมายภาษีที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าธุรกิจได้รับคำแนะนำที่เหมาะสมและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้อง 6. ติดตามข่าวสารภาษีอย่างต่อเนื่อง ภาษีเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้ตามกฎหมายและสถานการณ์เศรษฐกิจ การตรวจสอบและปรับปรุงแผนภาษีอย่างสม่ำเสมอช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวได้อย่างเหมาะสมและลดความเสี่ยงในการเสียค่าปรับ การวางแผนภาษีธุรกิจ SME ที่ดีไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กสามารถลดภาระภาษีและเพิ่มกำไรได้ แต่ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของคู่ค้าและนักลงทุนอีกด้วย เริ่มต้นวางแผนภาษีตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจคุณ ด้วย PEAK Tax โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์ ที่จะช่วยในการบริหารจัดการภาษีภายในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้ภาษี

PEAK Account

4

min

Update Function 15/01/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency. ✨ 1. Added deduction options in PEAK Payroll to improve the accuracy of employee tax calculations. 📢 For businesses using PEAK Payroll, the system now allows users to add other deduction items in the withholding tax calculation section for each employee’s profile. This enhancement ensures more accurate and convenient tax calculations. Additionally, the system displays estimated monthly withholding tax information on the payroll document page, helping businesses manage deductions and calculate employee withholding tax more efficiently. Note: This function doesn’t yet support specifying deductions when importing employee data. Thank you for your suggestions. K.Panisara,  Eung Tong Kee Co., Ltd. ✨ 2. Enhanced PEAK Tax with new functions for faster and more detailed tax management and verification. ✨ 2.1 Added a check button and notifications on the tax filing selection page. 📢 The system has added a check button on the tax filing selection page and enhanced the display for identifying irregularities. Flags in two colors will be shown as follows: In the tax information review details, the system will notify users of the number of items requiring attention under each flag. This helps users gain a clearer understanding of the specific details that need review. ✨ 2.2 Added settings to enable/disable the automatic data retrieval feature. 📢 Users can enable or disable the automatic data retrieval feature as needed. When creating a document, the system will automatically pull sales and purchase tax items into PEAK Tax immediately. Additionally, tax data will be updated automatically whenever a document is edited or deleted. This ensures that the data in PEAK Tax aligns with the PEAK system, reducing errors and making tax management smoother and more efficient. ✨ 3. Enabled batch printing of withholding tax certificates and envelopes for up to 20 items at a time, improving convenience and document management efficiency. 📢 For users who need to manage documents quickly, this feature allows printing of withholding tax certificates and envelopes for up to 20 items at a time. This makes handling large volumes of documents easier, reduces processing time, and enhances convenience in daily tasks. Thank you for your suggestions. K.Panadda, ONE EN ONE Co., Ltd. ✨ 4. Added a page displaying API usage information connected to PEAK, making it easier to track and monitor integrations in detail. 📢 For users utilizing APIs, this feature adds a page to display API usage information for partners using PEAK’s Open API. Users can view:   The system will display API data sent to PEAK from the following systems:   This enhancement helps users easily access API connection data, providing transparency and improving data management efficiency. ✨ 5. Added options for mapping purchase and sales accounts to products/services, providing more flexibility for businesses. 📢 For businesses that need to adjust accounting entries to match their operations, the system has been developed to allow more flexible configuration of the chart of accounts for product/service purchases. This feature helps businesses configure and manage their accounting policies according to their needs, enhancing both efficiency and accuracy in managing product and service accounts in the PEAK system. Thank you for the suggestions from 168 Accounting and Tax Co., Ltd. Example of service account linking configuration: ✨ 6. Adjusted notifications for journal cancellation to make it more convenient to review information before cancellation. 📢 When a user clicks to cancel a journal entry, the system will notify them before proceeding with the cancellation. The notification will include an explanation to help users understand the impact of canceling the journal entry. Additionally, a checkbox will be added, allowing users to select whether to cancel the documents related to the journal entry. By default, when the user clicks to cancel the journal entry, the checkbox will be automatically selected. This feature enhances convenience, accuracy, and control in the journal cancellation process.

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน

วิธีถอด VAT คำนวณด้วยเครื่องคิดเลขง่าย ๆ

PEAK Account

6

min

ถอด VAT คืออะไร? ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้วิธีคำนวณนี้

การถอด VAT เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องเจอในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่อมีการขายสินค้าที่เราต้องออกใบกำกับภาษีให้ลูกค้า หรือการถอด VAT จากสินค้าที่ซื้อมาเพื่อที่ช่วยให้เราทราบราคาต้นทุนที่แท้จริงของสิ่งนั้น นอกจากนี้ การถอด VAT ยังช่วยให้นักบัญชีของกิจการจัดการภาษีได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย ซึ่งมีทั้งการถอด VAT 3% และ 7% ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้วิธีการ ถอด VAT เรามีวิธีคำนวณมาฝากกัน ก่อนถอด VAT ควรรู้จัก VAT คืออะไร  VAT หรือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax) คือ ภาษีประเภทหนึ่งที่จัดเก็บจากมูลค่าสินค้าหรือบริการที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่การผลิตจนถึงการจำหน่าย ไม่ว่าสินค้านั้นจะผลิตที่ประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยผู้ที่มีรายได้เกินกว่า 1.8 ล้านบาท ต่อปี จากการผลิตและขายสินค้านั้น จะต้องเป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ และต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มต้องทำภายใน 30 วัน  วิธีถอด VAT คำนวณด้วยเครื่องคิดเลขง่าย ๆ ในไม่กี่ขั้นตอน การถอด VAT เป็นการถอดเพื่อให้เราทราบราคาที่แท้จริงของสินค้าก่อนคิด VAT ว่ามีราคาเท่าไหร่ และสามารถคำนวณภาษีที่ต้องนำส่งได้อย่างถูกต้อง โดยมีวิธีการคำนวณที่แตกต่างกันตามอัตราภาษี ดังนี้  วิธีถอด VAT 3% VAT 3% มักใช้กับธุรกิจที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ธุรกิจขนาดเล็ก กิจการที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี  การจ้างทำของ หรือทำงานต่าง ๆ โดยวิธีการคำนวณนั้นจะทำได้โดยการนำราคาสินค้าที่รวม VAT แล้ว มาหารด้วย 1.03 ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นราคาที่ไม่รวม VAT ส่วนต่างระหว่างราคารวมกับราคาที่ไม่รวม VAT คือจำนวนภาษีที่ต้องนำส่ง ตัวอย่างการคำนวณ : สมมติว่าเรามีสินค้าราคารวม VAT อยู่ที่ 10,300 บาท  วิธีถอด VAT 7% การถอด VAT 7% เป็นการคำนวณที่ใช้กับธุรกิจทั่วไปที่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยการคำนวณคล้ายกับการถอด VAT 3% แต่ใช้ตัวหารเป็น 1.07 แทน การถอด VAT ที่ถูกต้อง จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจคำนวณต้นทุน กำไร และภาษีที่ต้องนำส่งได้อย่างแม่นยำ ตัวอย่างการคำนวณ สมมติว่าเรามีสินค้าราคารวม VAT อยู่ที่ 10,700 บาท การเสียภาษี VAT ถ้าธุรกิจของเราเป็นทั้งผู้ขายสินค้าและซื้อสินค้ามา เราต้องมีการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องจ่าย โดยนำภาษีขายที่เก็บจากลูกค้าตลอดเดือนภาษี มาลบด้วยภาษีซื้อที่จ่ายให้ซัพพลายเออร์ในเดือนเดียวกัน หากผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าภาษีขายสูงกว่าภาษีซื้อ เจ้าของธุรกิจจ่ายส่วนต่างให้กรมสรรพากร แต่หากภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย เจ้าของธุรกิจสามารถเลือกได้ว่าจะรับภาษีส่วนเกินคืน หรือเก็บไว้เป็นเครดิตภาษีสำหรับการคำนวณในรอบเดือนถัดไปได้เลย  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ขายสินค้าหรือซื้อสินค้า การถอด VAT ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้เราทราบต้นทุนที่แท้จริง เพื่อนำไปสู่การลดต้นทุนและบริหารจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มเงินทุนให้สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจได้อีก นอกจากการคำนวณ VAT ด้วยเครื่องคิดเลขแล้ว การใช้ PEAK Tax ยังช่วยให้การคำนวณภาษีและการออกเอกสารใบกำกับภาษีเป็นเรื่องง่าย พร้อมรองรับการจัดการภาษีและบัญชีอย่างถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ช่วยให้ผู้ประกอบการบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเติบโตไปสู่ความสำเร็จอย่างมั่นคง ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

ความรู้ธุรกิจความรู้ภาษี