สัญญาการใช้บริการโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK และ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูล
คู่สัญญาตกลงให้การใช้บริการตามคําขอ/สัญญาใช้บริการนี้ เป็นไปตามข้อกําหนดและเงื่อนไขดังต่อไปนี้
ก่อนที่ผู้ใช้บริการจะเริ่มใช้บริการโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK (“บริการ”) ผู้ให้บริการได้กำหนดและจัดทำเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ขึ้น (“เงื่อนไขการใช้บริการ”) เป็นข้อตกลงระหว่าง บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จํากัด ในฐานะผู้ให้บริการ (“ผู้ให้บริการ”) และผู้ใช้บริการ (“ผู้ใช้บริการ”) ซึ่งกำหนดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการ
โปรดอ่านเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้โดยละเอียด ทั้งนี้หากผู้ใช้บริการไม่ตกลงตามเงื่อนไขการใช้บริการผู้ใช้บริการไม่สามารถใช้บริการของผู้ให้บริการได้ และเมื่อผู้ใช้บริการตกลงสมัครเปิดบัญชีผู้ใช้งานเพื่อใช้บริการ ผู้ให้บริการจะถือว่า ผู้ใช้บริการยอมรับว่า ได้อ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้แล้ว
1. คำจำกัดความ
เว้นแต่มีการกำหนดเป็นการเฉพาะในเนื้อหาเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ให้คำศัพท์ดังต่อไปนี้มีความหมายตามที่กำหนดไว้ ดังนี้
“ข้อมูลของผู้ใช้บริการ” หมายถึง ข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้บริการนำส่งเข้าในระบบเพื่อการใช้บริการ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลดิบทางบัญชี หลักฐานทางบัญชี เนื้อหา รูปภาพ หรือข้อมูลในรูปแบบอื่นใด
“เงื่อนไขการใช้บริการ” หมายถึง เงื่อนไขการใช้บริการโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ฉบับนี้และเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการอาจแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามแต่ละระยะเวลา
“บริการ” หมายถึง บริการโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK และบริการอื่นที่เกี่ยวเนื่องอื่น ซึ่งผู้ให้บริการตกลงให้แก่ ผู้ใช้บริการ ภายใต้เงื่อนไขการใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการแบบชำระค่าบริการแพ็กเกจหรือไม่
“ผู้ดูแลระบบสูงสุด (Super Admin)” หมายถึง ผู้ใช้บริการที่ (ก) สร้าง “กิจการ” (Create Merchant) เป็นคนแรก รวมถึง (ข) ยอมรับเงื่อนไขการใช้บริการเมื่อสร้าง “กิจการ” ดังกล่าว
“ผู้ใช้งานย่อย” หมายถึง ผู้ใช้บริการที่ได้รับการมอบสิทธิจากผู้ดูแลระบบสูงสุดให้ใช้บริการ ภายใต้สิทธิหลักของผู้ดูแลระบบสูงสุดดังกล่าว ซึ่งผู้ใช้งานย่อยก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้
“ผู้ใช้บริการ” หมายถึง บุคคล ซึ่งอาจเป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่สมัครใช้บริการของผู้ให้บริการ
“ผู้ให้บริการ” หมายถึง บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด
“ระยะเวลาการให้บริการ” หมายถึง ระยะเวลาที่ผู้ใช้บริการเลือกกำหนด เพื่อการใช้บริการตามแพ็กเกจที่ผู้ให้บริการกำหนด ซึ่งกำหนดไว้เป็น 1 เดือน 3 เดือน หรือ 12 เดือน หรือรอบระยะเวลาอื่นที่ผู้ให้บริการอาจประกาศกำหนด และที่ผู้ใช้บริการอาจเลือกใช้
2. การสมัครเพื่อใช้บริการ
2.1. การเปิดบัญชีผู้ใช้บริการ การสมัครใช้บริการนั้นสามารถทำได้โดยส่งคำขอใช้บริการผ่านทางหน้าเว็บไซต์หรือช่องทางการติดต่อที่ผู้ให้บริการกำหนดทั้งนี้ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการปฏิเสธคำขอใช้บริการใดที่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่กำหนดไว้ด้วยดุลพินิจฝ่ายเดียวของผู้ให้บริการ โดยผู้ใช้บริการไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการที่ถูกปฏิเสธการขอใช้บริการดังกล่าว
2.2. ผู้ดูแลระบบสูงสุด (Super Admin) และผู้ใช้งานย่อย (User) ผู้ดูแลระบบสูงสุด จะเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ดังนี้
2.2.1. รับผิดชอบในการให้สิทธิ การตรวจสอบ ทบทวน รวมถึงการยกเลิกสิทธิของผู้ใช้งานย่อยทุกคน ที่ผู้ดูแลระบบสูงสุดกำหนดแต่งตั้งให้สิทธิมาใช้บริการ
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย
2.2.1.1. ผู้ดูแลระบบสูงสุดยอมรับและเข้าใจว่า เมื่อผู้ดูแลระบบสูงสุดให้ข้อมูลของผู้ใช้งานย่อยแก่ผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการจะถือว่า ผู้ดูแลระบบสูงสุดรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน และเหมาะสมในการมอบสิทธิให้แก่ผู้ใช้งานย่อยดังกล่าว โดยผู้ให้บริการไม่มีหน้าที่ในการยืนยันตรวจสอบเกี่ยวกับการให้สิทธิ การทบทวน หรือการยกเลิกสิทธิของผู้ใช้งานย่อยที่ผู้ดูแลระบบสูงสุดเป็นผู้ดำเนินการ และจะไม่รับผิดสำหรับความเสียหายใดที่อาจเกิดขึ้นจากการให้ หรือยกเลิกสิทธิของผู้ใช้งานย่อย หรือการดำเนินการโดยผู้ใช้งานย่อยที่มีผลผูกพันผู้ดูแลระบบสูงสุด
2.2.1.2. กรณีที่ผู้ดูแลระบบสูงสุดเลือกเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานย่อยมากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ในแพ็กเกจเบื้องต้น ผู้ดูแลระบบสูงสุดรับทราบและยอมรับว่า การเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานย่อยดังกล่าว อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ผู้ใช้บริการต้องชำระค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้งานย่อยที่เพิ่มมานั้น และกรณีที่ผู้ใช้บริการไม่ได้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับผู้ใช้งานย่อยที่เพิ่มมา ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการระงับการใช้งาน หรือลบ ผู้ใช้งานย่อยในจำนวนที่เพิ่มมาจากแพ็กเกจปกติได้ โดยใช้ดุลพินิจฝ่ายเดียวของผู้ให้บริการ
2.2.2. รับประกันการปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้บริการโดยผู้ใช้งานย่อยทั้งหมดที่ตนให้สิทธิ โดยผู้ดูแลระบบสูงสุดต้องรับทราบว่า การดำเนินการใดโดยผู้ใช้งานย่อยจะมีผลผูกพันผู้ดูแลระบบสูงสุด และผู้ใช้งานย่อยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
2.2.3. แก้ไขข้อพิพาทหรือข้อโต้แย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้บริการของบริษัทระหว่างผู้ใช้งานย่อย โดยต้องรับผิดชอบโดยตรงในการทำความตกลงแก้ไขข้อพิพาทโต้แย้งดังกล่าวเพียงฝ่ายเดียว โดยผู้ให้บริการไม่มีหน้าที่ในการแทรกแซงในการแก้ไขข้อพิพาทที่ผู้ใช้บริการอาจตกลงระหว่างกันนั้น
กรณีที่ผู้ใช้บริการไม่สามารถติดต่อผู้ดูแลระบบสูงสุดได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ผู้ใช้บริการต้องดำเนินการติดตามและทำความตกลงกับผู้ดูแลระบบสูงสุดโดยตรงให้เรียบร้อย จากนั้นหากจะมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิทธิของผู้ดูแลระบบสูงสุด ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อมายังผู้ให้บริการพร้อมกับให้ข้อมูลเพื่อการยืนยันตัวตน และแจ้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้ให้บริการพิจารณาตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขสิทธิให้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบยืนยัน และใช้ดุลพินิจเพียงฝ่ายเดียวในการบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้ให้บริการจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยผู้ให้บริการจะเพียงดำเนินการตามหลักฐานการตกลงระหว่างผู้ใช้บริการ และผู้ดูแลระบบสูงสุดที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ผู้ใช้บริการส่งมาให้แก่ผู้ให้บริการเท่านั้น
2.3. หน้าที่การรักษาข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน ผู้ใช้บริการต้องรับประกันความถูกต้องของข้อมูลที่ผู้ใช้บริการให้แก่ผู้ให้บริการสำหรับการเปิดบัญชีผู้ใช้งาน และต้องรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลบัญชีผู้ใช้งาน (User Account) และรหัสผ่าน (Password) ของผู้ใช้บริการจากการถูกขโมยหรือใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต และกรณีที่มีการใช้ข้อมูล User Account / Password ของผู้ใช้บริการเพื่อใช้บริการของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการจะถือว่า ทุกการกระทำที่ดำเนินการด้วยข้อมูล User Account ดังกล่าวเป็นการกระทำโดยผู้ใช้บริการทั้งหมด เว้นแต่ผู้ให้บริการจะได้รับการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ใช้บริการเกี่ยวกับการเข้าถึงบัญชีดังกล่าวโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในกรณีได้รับแจ้ง ทางผู้ให้บริการจะดำเนินช่วยเหลือ แต่ในกรณีเกิดความเสียหายใดขึ้น ผู้ให้บริการไม่มีความรับผิดใดต่อผู้ใช้บริการอันเกิดจากการกระทำดังกล่าว
2.4. การโอนสิทธิของผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการจะต้องใช้บริการ เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้บริการเองโดยตรงเท่านั้น และจะต้องไม่โอนสิทธิในการใช้บริการไปให้แก่บุคคลอื่น (Reselling) เว้นเฉพาะกรณี ดังต่อไปนี้
2.4.1. กรณีการโอนสิทธิผู้ดูแลระบบสูงสุดจากสำนักงานบัญชีซึ่งสมัครใช้บริการเพื่อและแทนลูกค้าของตน ที่จะดำเนินการโอนสิทธิการเป็นผู้ดูแลระบบสูงสุดให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเป็นผู้ดูแลระบบสูงสุดด้วยตนเอง ทั้งนี้ในกรณีดังกล่าว
2.4.1.1. หากผู้ดูแลระบบสูงสุดเป็นสำนักงานบัญชีพันธมิตรของผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการแนะนำให้สำนักงานบัญชีดังกล่าวดำเนินการโดยสอดคล้องกับ “ข้อกำหนดจริยธรรมของสำนักงานบัญชีพันธมิตรของ PEAK” หรือ “Code of Conduct for Accounting Firm” ที่ผู้ให้บริการจัดทำเป็นแนวทางในการบริหารจัดการสิทธิดังกล่าว และ
2.4.1.2. หากผู้ดูแลระบบสูงสุดเป็นสำนักงานบัญชีอื่น ผู้ให้บริการแนะนำให้ผู้ใช้บริการทั้งหมดตกลงเกี่ยวกับสิทธิระหว่างกันให้เรียบร้อย ก่อนแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรมายังผู้ให้บริการ โดยผู้ให้บริการจะดำเนินการโอนสิทธิผู้ดูแลระบบสูงสุดให้ตามข้อตกลงลายลักษณ์อักษรที่ผู้ใช้บริการนำส่งให้แก่ผู้ให้บริการ
2.4.2. กรณีการโอนสิทธิในการใช้บริการที่ผู้ใช้บริการได้แจ้งมายังผู้ให้บริการเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งในกรณีดังกล่าวผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบเอกสาร และหลักฐานทั้งหมดที่ผู้ให้บริการพิจารณาด้วยดุลพินิจฝ่ายเดียวว่าเหมาะสม
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย กรณีเกิดข้อพิพาทระหว่างกันเกี่ยวกับการสิทธิของผู้ดูแลระบบสูงสุด หรือสิทธิในการใช้บริการ ผู้ใช้บริการมีหน้าที่โดยตรงในการแก้ไขข้อพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย ผู้ให้บริการไม่มีหน้าที่เข้าแทรกแซงหรือดำเนินการใดเกี่ยวเนื่องกับการแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าว และผู้ให้บริการจะไม่รับผิดสำหรับความเสียหายใดที่อาจเกิดขึ้นจากข้อพิพาท โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโอนสิทธิดังกล่าว
3. การให้บริการของผู้ให้บริการ
3.1. การให้บริการ ผู้ให้บริการให้สิทธิแก่ ผู้ใช้บริการในการใช้บริการผ่านทางเว็บไซต์ และ/หรือแพลตฟอร์มอื่นที่ผู้ให้บริการอาจกำหนด โดยเป็นการให้สิทธิที่ไม่ใช่สิทธิแต่เพียงผู้เดียว (Non-Exclusive) แก่ผู้ใช้บริการในการเข้าใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ตามแพ็กเกจการให้บริการที่ผู้ให้บริการกำหนดและที่ผู้ใช้บริการเลือกใช้ ภายใต้เงื่อนไข ข้อ 3.4. ข้อจำกัดการให้บริการ และ 8. ข้อจำกัดความรับผิดผู้ให้บริการ ที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้
3.2. การแนะนำสำนักงานบัญชี ส่วนหนึ่งของการให้บริการ ผู้ให้บริการอาจนำเสนอและแนะนำจับคู่ผู้ใช้บริการและสำนักงานบัญชีที่เป็นพันธมิตรของผู้ให้บริการ ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมตามที่ผู้ใช้บริการกำหนดตั้งค่า
แต่ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย ในการนำเสนอและแนะนำจับคู่นั้น ผู้ให้บริการไม่ได้รับประกันหรือรับรองความเหมาะสมของสำนักงานบัญชีดังกล่าวในให้บริการวิชาชีพแก่ผู้ใช้บริการ ดังนั้นผู้ให้บริการแนะนำให้ผู้ใช้บริการตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสมของสำนักงานบัญชีอีกครั้งด้วยตนเอง หากพบปัญหาในการใช้บริการของสำนักงานบัญชีใด ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบการดำเนินการใดของสำนักงานบัญชีนั้น และในกรณีมีข้อพิพาทระหว่างผู้ใช้บริการ และสำนักงานบัญชี เป็นเรื่องที่ผู้ใช้บริการและสำนักงานบัญชีดังกล่าวต้องดำเนินการแก้ไขระหว่างกันโดยตรง
3.3. การให้บริการโดยบุคคลภายนอก เนื่องจากผู้ให้บริการไม่อยู่ในวิสัยที่จะควบคุมหรือรับประกันการให้บริการที่ดำเนินการโดยผู้ให้บริการภายนอกที่ผู้ใช้บริการอาจตกลงใช้ ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าวผ่านหน้าแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการด้วยฟังก์ชัน “การเชื่อมต่อระบบภายนอก” ผู้ให้บริการจึงไม่สามารถรับประกันการให้บริการโดยบุคคลดังกล่าวได้ ดังนั้นในการติดต่อใช้บริการระหว่างผู้ใช้บริการ และผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าว ผู้ให้บริการแนะนำให้ผู้ใช้บริการศึกษาและทำความเข้าใจเงื่อนไขการใช้บริการของผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าวแยกต่างหากจากเงื่อนไขฉบับนี้
3.4. ข้อจำกัดการให้บริการ ด้วยการให้บริการภายใต้เงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ ผู้ให้บริการเพียงให้บริการเครื่องมือในการลงบันทึกบัญชีเท่านั้น และการให้บริการของผู้ให้บริการอยู่ภายใต้ข้อจำกัดหลัก ดังนี้
3.4.1. ผู้ให้บริการไม่ได้ให้บริการ หรือให้คำแนะนำใดในฐานะผู้มีวิชาชีพด้านการบัญชี เพื่อรับประกันความถูกต้องสอดคล้องกับกฎหมายและมาตรฐานบัญชีทั้งหมด ผู้ให้บริการแนะนำให้ผู้ใช้บริการปรึกษาผู้มีวิชาชีพ ได้แก่ ผู้ทำบัญชี หรือผู้ตรวจสอบบัญชีอีกครั้ง โดยผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ผู้ใช้บริการอ้างอิงข้อมูลจากบริการของผู้ให้บริการ
3.4.2. การประมวลผลข้อมูลทั้งหมดของผู้ให้บริการ อ้างอิงตามข้อมูลที่ผู้ใช้บริการเป็นผู้ให้ข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นผู้ให้บริการไม่อาจรับประกันความถูกต้อง สมบูรณ์ ครบถ้วนของข้อมูลที่มีอยู่จริงของผู้ใช้บริการได้ และผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการรับประกันความถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ของข้อมูลทางบัญชีทั้งหมดที่แสดงผ่านระบบของผู้ให้บริการซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลที่ผู้ใช้บริการเป็นผู้นำส่งเข้ามาในระบบ
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย ข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้บริการเป็นผู้นำเข้ามาในระบบเพื่อการใช้บริการยังคงเป็นสิทธิแต่เพียงฝ่ายเดียวของผู้ใช้บริการ แต่เมื่อผู้ใช้บริการนำส่งข้อมูลดังกล่าวเข้ามาในระบบแล้ว จะถือว่า ผู้ใช้บริการให้สิทธิในการใช้ ทำสำเนา เก็บรักษา วิเคราะห์ และสำรองข้อมูลดังกล่าวแก่ผู้ให้บริการ เพื่อประโยชน์ในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ และในกรณีที่ข้อมูลดังกล่าวที่ผู้ใช้บริการนำส่งให้ผู้ให้บริการ อาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ให้บริการรับประกันปฏิบัติตาม “นโยบายความเป็นส่วนตัว” ที่ผู้ให้บริการประกาศแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบ
3.4.3. การให้บริการของผู้ให้บริการอาจเกิดเหตุขัดข้อง ในบางกรณี โดยผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์จำกัดความรับผิดในกรณีเกิดเหตุขัดข้องในลักษณะ ดังนี้
3.4.3.1. เหตุขัดข้องจากเหตุสุดวิสัย หรือการใช้บริการที่ไม่ถูกต้อง ผู้ให้บริการจะไม่รับผิดสำหรับเหตุขัดข้อง อันเกิดจากเหตุสุดวิสัย ซึ่งเป็นเหตุที่อยู่เหนือความควบคุมของผู้ให้บริการ หรือเกิดจากกรณีผู้ใช้บริการ ใช้บริการโดยไม่ถูกต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์ และเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ โดยเฉพาะการใช้ที่ขัดกับข้อ 5.4. ข้อห้ามในการใช้บริการ
3.4.3.2. เหตุขัดข้องจากความจำเป็นในการซ่อมบำรุง แม้ผู้ให้บริการจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้การบริการสามารถเข้าถึง และพร้อมใช้งานได้อย่างราบรื่น แต่ในบางกรณีผู้ให้บริการอาจจำเป็นต้องซ่อมบำรุงการให้บริการ และอาจนำไปสู่เหตุขัดข้องในการใช้บริการ ซึ่งผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดกรณีเหตุขัดข้องจากการซ่อมบำรุงดังกล่าว ทั้งนี้กรณีเป็นการซ่อมบำรุงที่วางแผนไว้ล่วงหน้า ผู้ให้บริการจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้าเช่นกัน
3.4.3.3. เหตุขัดข้องเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของข้อมูล ปัญหาข้อมูลสูญหาย หรือเสียหายจากการที่ส่งเข้ามาในระบบออนไลน์เป็นปัญหาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และผู้ให้บริการก็ไม่สามารถให้การรับประกันได้ว่า จะไม่มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเช่นกัน ดังนั้นผู้ให้บริการแนะนำให้ผู้ใช้บริการเก็บสำเนาข้อมูลทั้งหมดที่ผู้ใช้บริการได้นำส่งเข้ามาในระบบการให้บริการของผู้ให้บริการทั้งหมด เพื่อสำรองกรณีเกิดเหตุขัดข้อง ทั้งนี้ผู้ใช้บริการสามารถอ้างอิงคำแนะนำในการเก็บสำเนาของผู้ให้บริการได้ที่ “ขั้นตอนการสำรองข้อมูล (Backup) ด้วยตนเอง”
3.4.3.4. เหตุขัดข้องที่เกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของระบบการให้บริการ แม้ผู้ให้บริการจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดเพียงใดเพื่อรับประกันความปลอดภัยของระบบ ผู้ให้บริการก็ไม่สามารถให้การรับประกันได้อย่างสมบูรณ์ว่า ระบบการให้บริการของผู้ให้บริการจะปลอดภัยโดยสมบูรณ์
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องในการให้บริการ ผู้ให้บริการจะดําเนินการแก้ไขเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้บริการได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด แต่ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการรับผิดชอบในความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุขัดข้องดังกล่าว
3.4.4. การให้บริการของผู้ให้บริการเป็นไปในลักษณะ “ตามที่มีตามที่เป็น As-Is” ผู้ให้บริการไม่ได้ให้การรับประกันเป็นการเฉพาะเจาะจงแก่ผู้ใช้บริการรายใดรายหนึ่งเป็นการเฉพาะ ดังนั้นผู้ให้บริการจึงไม่สามารถรับประกันได้ว่า การใช้บริการของผู้ใช้บริการจะปราศจากข้อบกพร่อง หรือมีประสิทธิภาพตรงตามคาดหมายโดยเฉพาะของผู้ใช้บริการแต่ละท่านทั้งหมด
3.4.5. การให้บริการจะถูกจำกัดตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้เฉพาะสำหรับแต่ละแพ็กเกจการให้บริการ ในการเลือกใช้บริการแต่ละแพ็กเกจ ผู้ใช้บริการต้องรับทราบว่า ผู้ใช้บริการอาจอยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อจำกัดการใช้บริการในบางส่วน ตามที่ผู้ให้บริการได้ประกาศกำหนดชัดเจนสำหรับแต่ละแพ็กเกจ และผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ที่จะปรับปรุงแก้ไขเงื่อนไขสำหรับแต่ละแพ็กเกจดังกล่าว (รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง รายละเอียดฟังก์ชันการใช้บริการ หรืออัตราค่าบริการ ตามแต่ละระยะเวลา)
3.4.6. การระงับบริการชั่วคราว ในกรณีที่มีเหตุจําเป็น ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ระงับการให้บริการชั่วคราวได้ทั้งหมดหรือบางส่วน โดยผู้ให้บริการจะแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบถึงเหตุในการระงับบริการล่วงหน้า ยกเว้นกรณีที่การระงับการให้บริการนั้นมีระยะเวลาไม่เกินกว่า 4 ชั่วโมง หรือกรณีการระงับบริการที่เกิดจากเหตุสุดวิสัยซึ่งผู้ให้บริการไม่สามารถควบคุมและไม่สามารถทราบล่วงหน้าได้
3.5. ระยะเวลาการให้บริการ ระยะเวลาในการใช้บริการของผู้ให้บริการ เป็นไปตามรอบระยะเวลาการให้บริการขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้สำหรับแต่ละแพ็กเกจ ซึ่งผู้ใช้บริการเลือกใช้
3.6. ต่ออายุอัตโนมัติ(ผ่านการผูกบัตรเครดิตหน้าโปรแกรม) หากผู้ใช้บริการไม่แสดงเจตนายกเลิกการใช้บริการเป็นลายลักษณ์อักษรมายังผู้ให้บริการ 30 วันก่อนสิ้นสุดระยะเวลาในการใช้บริการในรอบแพ็กเกจดังกล่าว หรือไม่ได้ดำเนินการกด “ยกเลิกการต่ออายุอัตโนมัติ” ผ่านทางหน้าโปรแกรม ระยะเวลาในการให้บริการจะขยายออกไปโดยอัตโนมัติอีกเท่ากับระยะเวลาตามแพ็กเกจเดิมที่ผู้ใช้บริการเลือกไว้ และผู้ให้บริการจะดำเนินการเรียกชำระค่าบริการสำหรับระยะเวลาที่ได้รับการต่ออายุดังกล่าวในทันที
4. ค่าบริการ
4.1. การใช้บริการแพ็กเกจฟรีหรือการทดลองใช้บริการ ผู้ใช้บริการที่เลือกแพ็กเกจฟรี หรือเลือกที่จะทดลองใช้บริการแบบฟรีก่อน ผู้ใช้บริการดังกล่าวต้องรับทราบว่า การใช้บริการของผู้ใช้บริการจะอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่ผู้ให้บริการกำหนดและแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบ
4.2. การชำระค่าบริการ เพื่อการใช้บริการตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการกำหนด ผู้ใช้บริการตกลงที่จะชําระค่าบริการตามรายละเอียดแต่ละแพ็กเกจที่ผู้ใช้บริการเลือก ภายในเวลาที่กําหนด โดยเป็นการชำระค่าบริการล่วงหน้า ด้วยรูปแบบการชำระเงินที่ผู้ใช้บริการเลือก ได้แก่ การตัดบัตรเครดิต การโอนเงินเข้าบัญชี หรือรูปแบบอื่นตามที่ผู้ให้บริการอาจประกาศกำหนด
4.3. การไม่ชำระค่าบริการ หรือการชำระค่าบริการล่าช้า กรณีที่ผู้ใช้บริการไม่ชำระค่าบริการ หรือชำระค่าบริการล่าช้ากว่ากำหนดระยะเวลา ผู้ให้บริการขอสงวนสิทธิ์ในการ (ก) ระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการชั่วคราวจนกว่าผู้ให้บริการจะได้รับชำระค่าบริการครบถ้วน ทั้งนี้ผู้ให้บริการไม่รับผิดสำหรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการระงับการให้บริการดังกล่าว และ/หรือ (ข) เรียกดอกเบี้ยการชำระค่าบริการล่าช้าจากผู้ใช้บริการในอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย ทั้งนี้การใช้สิทธิดังกล่าวของผู้ให้บริการจะไม่กระทบต่อสิทธิอื่นที่ผู้ให้บริการอาจมีภายใต้กฎหมาย
5. ข้อแนะนำและข้อห้ามสำหรับผู้ใช้บริการ
5.1. รับผิดชอบต่อข้อมูล ผู้ใช้บริการเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงฝ่ายเดียวต่อความถูกต้อง ครบถ้วน และสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายของตน (รวมถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา) ในการนำส่งข้อมูลของผู้ใช้บริการเข้าในระบบเพื่อการใช้บริการ
5.2. ข้อห้ามในการส่งข้อมูล ในการส่งข้อมูลของผู้ใช้บริการเข้ามาเพื่อใช้บริการ ผู้ใช้บริการต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขข้อห้ามนำส่งข้อมูล ดังนี้
5.2.1. ข้อมูลปลอมหรือข้อมูลอันเป็นเท็จไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน
5.2.2. ข้อมูลที่มีแนวโน้มผิดกฎหมายหรือศีลธรรมอันดี โดยเฉพาะข้อมูลหมิ่นประมาท หยาบคาย อนาจาร และ/หรือละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น มีเจตนาแฝงอย่างอื่น
5.2.3. ข้อมูลที่มีไวรัสคอมพิวเตอร์ ชุดคำสั่ง หรือโค้ดคอมพิวเตอร์ ไฟล์หรือโปรแกรมอื่นที่ออกแบบไว้เพื่อทำลาย ทำให้การบริการของผู้ให้บริการได้รับผลกระทบไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
5.2.4. ข้อมูลที่อาจทำให้เชื่อว่า ผู้ใช้บริการนั้นเป็นบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อเจ้าของข้อมูลจริง หรือบุคคลอื่นใด
5.2.5. ข้อมูลใดที่ผู้ใช้บริการไม่มีสิทธิจะใช้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงข้อมูลที่อาจละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลอื่น
5.2.6. ข้อมูลอื่นใดที่อาจสร้างผลกระทบเสียหายต่อผู้ให้บริการหรือบุคคลอื่นใด
5.3. ใช้บริการโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้ใช้บริการต้องใช้บริการโดยสุจริต ชอบด้วยกฎหมาย และโดยสอดคล้องกับเงื่อนไขการใช้บริการเท่านั้น โดยผู้ใช้บริการต้องไม่ใช้บริการในทางที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย และศีลธรรมอันดีของประชาชน และผิดกฎหมาย ข้อบังคับ คําสั่ง ประกาศทางราชการ ทั้งที่มีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน หรือในอนาคต
5.4. ข้อห้ามในการใช้บริการ ผู้ใช้บริการตกลงที่จะไม่ใช้บริการในลักษณะใด ๆ ดังต่อไปนี้
5.4.1. กระทำการไม่ว่าในลักษณะใดที่จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัย และความพร้อมในการให้บริการของผู้ให้บริการ หรือการใช้บริการโดยผู้ใช้บริการอื่น
5.4.2. ปลอมแปลงลอกเลียน ตัดทอน แก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือกระทำการใด ซึ่งมีผลทำให้ข้อความใดในระบบการให้บริการของผู้ให้บริการได้รับการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
5.4.3. ขายต่อหรือโอนสิทธิที่ผู้ใช้บริการได้รับภายใต้ขอบเขตการใช้บริการของผู้ให้บริการ ให้แก่บุคคลอื่น เว้นแต่ได้ดำเนินการโอนสิทธิโดยถูกต้องตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ หรือเว้นแต่มีการตกลงอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรโดยผู้ให้บริการ
5.4.4. ใช้โปรแกรม วิธีการเทคนิคหรือวิธีการอื่นใดเพื่อดึงและรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ในระบบการให้บริการของผู้ให้บริการ (ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง Source Code หรือองค์ประกอบอื่นในระบบ) เพื่อสร้าง ทำสำเนา ลอกเลียนแบบ พัฒนาต่อ หรือถอดแบบข้อมูลดังกล่าว
5.4.5. กระทำอื่นใดที่เป็นการฉ้อฉล ฉ้อโกง หรือกระทำกันอันมีความเสี่ยงเป็นการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย
5.4.6. กระทำอื่นใดในลักษณะที่อาจนำไปสู่ความเสียหายในการให้บริการ หรือเสียชื่อเสียงแก่ผู้ให้บริการ พนักงาน หุ้นส่วนของผู้ให้บริการ หรือผู้ใช้บริการอื่น
5.4.7. กระทำอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบเป็นปฏิปักษ์กับผู้ให้บริการ พนักงานของผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการรายอื่น หรือระบบการการให้บริการโดยทั่วไป
5.5. ให้ความช่วยเหลือและร่วมมือกับผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการตกลงจะให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือแก่ผู้ให้บริการตามเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ ทั้งนี้ภายใต้ขอบเขตที่สามารถบังคับได้ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ความล่าช้าหรือการไม่ให้ความช่วยเหลือ หรือความร่วมมือของผู้ใช้บริการย่อมทําให้ผู้ให้บริการหลุดพ้นจากความรับผิดจากความล่าช้าในการให้การช่วยเหลือหรือการให้บริการ อันเกิดจากการไม่ให้ความช่วยเหลือหรือความร่วมมือของผู้ใช้บริการ
5.6. ความรับผิดของผู้ใช้บริการกรณีไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือข้อห้าม ในกรณีที่ ผู้ใช้บริการบกพร่องในการปฏิบัติตามหน้าที่หรือข้อห้ามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่การเรียกร้องความเสียหายไม่ว่ากรณีใดต่อผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการที่บกพร่องดังกล่าวต้อง (ก) รับผิดชอบฝ่ายเดียวในการแก้ไขปัญหาความบกพร่องดังกล่าว และ (ข) ต้องชดเชยความเสียหายใดที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ให้บริการจากความบกพร่องดังกล่าวเต็มจำนวน
ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัย การใช้สิทธิของผู้ให้บริการในการเรียกให้ผู้ใช้บริการรับผิดภายใต้เงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ จะไม่ตัดสิทธิของผู้ให้บริการในการดำเนินมาตรการอื่น (เช่น การเรียกร้องค่าเสียหาย) ตามที่ผู้ให้บริการอาจมีตามกฎหมายต่อผู้ใช้บริการที่ละเมิดดังกล่าว
5.7. สิทธิในการระงับหรือบอกเลิกสัญญากรณีที่ผู้ใช้บริการบกพร่องต่อหน้าที่ ในกรณีที่ผู้ให้บริการพบว่า ผู้ใช้บริการใดบกพร่องในการทำหน้าที่ หรือปฏิบัติตามข้อห้ามตามที่ระบุไว้ ผู้ให้บริการมีสิทธิเด็ดขาดในการระงับการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการดังกล่าวชั่วคราว หรือมีสิทธิยกเลิกบัญชีผู้ใช้บริการของผู้ใช้บริการที่บกพร่องดังกล่าวได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า และผู้ให้บริการจะไม่คืนค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น
6. ทรัพย์สินทางปัญญา และการรักษาความลับ
6.1. ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการตกลงและยอมรับว่า เครื่องหมายการค้า แนวคิด และรูปแบบในการนําเสนอ ทุกส่วนของโปรแกรมคอมพิวเตอร์ รวมถึง source code และ object code ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการให้บริการทั้งหมดนี้ถือ เป็นงานที่ได้รับความคุ้มครองโดยกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ให้บริการเพียงฝ่ายเดียว
6.2. ข้อห้ามผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการห้ามลอกเลียนแบบ ทําซ้ำ ดัดแปลง หรือดำเนินการในลักษณะใดที่จะส่งผลเป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะบางส่วนหรือทั้งหมด
ทั้งนี้ด้วยการใช้บริการ ผู้ใช้บริการรับทราบและยอมรับว่า ผู้ใช้บริการสามารถใช้ทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ให้บริการได้เฉพาะ เพื่อประกอบการใช้บริการโดยสอดคล้องกับเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้เท่านั้น ห้ามมิให้ผู้ใช้บริการใช้สิทธิดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด และในกรณีที่ผู้ใช้บริการใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ให้บริการไปในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ผู้ใช้บริการตกลงที่จะรับผิดชอบต่อความเสียหายดังกล่าวที่เกิดขึ้นเต็มจํานวน
6.3. หน้าที่ในการรักษาความลับ ในระหว่างการใช้บริการ ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการอาจมีการส่งต่อเปิดเผยและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่อาจมีลักษณะเป็นข้อมูลความลับระหว่างกัน ดังนั้นทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการตกลงที่จะใช้มาตรการอย่างเหมาะสม ในการรักษาข้อมูลอันเป็นความลับของแต่ละฝ่าย โดยจะไม่เปิดเผยข้อมูลความลับของอีกฝ่ายให้แก่บุคคลภายนอก เว้นแต่ (ก) เป็นการเปิดเผยที่จำเป็นสำหรับการใช้หรือการให้บริการ ภายใต้เงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้เท่านั้น ซึ่งการเปิดเผยข้อมูลนั้นจะต้องเป็นไปเท่าที่จำเป็น (ข) เป็นการเปิดเผยที่ได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลความลับดังกล่าวก่อน หรือ (ค) เป็นการเปิดเผยข้อมูลในกรณีที่กฎหมายบังคับ เช่น ตามคำสั่งของหน่วยงานราชการ หรือของศาล ทั้งนี้กรณีที่จำเป็นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ฝ่ายที่เปิดเผยข้อมูลต้องรับประกันการใช้ข้อมูลอย่างถูกต้องโดยผู้ได้รับข้อมูลดังกล่าว
7. การยกเลิกการให้หรือการใช้บริการ
7.1. การสิ้นสุดการใช้บริการตามแพ็กเกจ สิทธิในการเข้าใช้บริการตามแพ็กเกจของผู้ใช้บริการจะสิ้นสุดตามระยะเวลาการให้บริการที่ระบุไว้ ตราบเท่าที่ผู้ใช้บริการได้ชำระค่าบริการที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนแล้ว
7.2. การยกเลิกการใช้บริการโดยผู้ใช้บริการ ผู้ใช้บริการอาจเลือกที่จะยกเลิกการใช้บริการได้ไม่ว่า เวลาใด ระหว่างระยะเวลาการให้บริการ ภายใต้เงื่อนไข ดังนี้
7.2.1. ผู้ใช้บริการสามารถยกเลิกการใช้บริการแพ็กเกจที่ผู้ใช้บริการต้องชำระเงินค่าบริการได้ทันทีภายใน 7 วันนับแต่วันที่ชำระเงินค่าบริการตามแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง เพื่อใช้บริการวันแรก
7.2.2. ผู้ใช้บริการสามารถกดปุ่มเพื่อ “ลบกิจการ” ได้โดยตรงผ่านแพลตฟอร์มการให้บริการ โดยทันทีที่มีการกดปุ่มดังกล่าว ผู้ให้บริการจะลบข้อมูลของผู้ใช้บริการดังกล่าวทั้งหมด และสงวนสิทธิ์ในการที่ดำเนินการเพื่อกู้คืนข้อมูลดังกล่าว เว้นแต่เป็นกรณีเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค (Bug) แต่การกดปุ่ม “ลบกิจการ” ดังกล่าว จะไม่ถือเป็นการยกเลิกการใช้บริการในทันที เว้นแต่จะมีการแจ้งจุดประสงค์การยกเลิกการใช้บริการจากผู้ใช้บริการให้แก่ ผู้ให้บริการเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า 1 เดือน
7.2.3. หากเป็นการยกเลิกการใช้บริการที่ไม่มีค่าบริการ (Free Package) ผู้ใช้บริการสามารถส่งคำขอยกเลิกมาที่ผู้ให้บริการ และการยกเลิกดังกล่าวจะมีผลทันที
7.2.4. หากเป็นการยกเลิกการใช้บริการตามแพ็กเกจที่ได้เลือก และชำระค่าบริการไปแล้ว ผู้ใช้บริการต้องส่งหนังสือแจ้งจุดประสงค์การยกเลิกการใช้บริการเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้า 1 เดือนมายังผู้ให้บริการ
7.3 การขอคืนเงินภายหลังการยกเลิกการใช้บริการ โดยหลักการ ในกรณีที่ผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บริการ ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงินค่าบริการที่ผู้ใช้บริการชำระล่วงหน้า เว้นเป็นการยกเลิกที่ผู้ใช้บริการ โดยสอดคล้องกับเงื่อนไขการให้บริการฉบับนี้ ซึ่งผู้ให้บริการจะดำเนินการเกี่ยวเนื่องกับการคืนเงินดังกล่าว ดังนี้
7.3.1. ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์กำหนดเงื่อนไขเฉพาะสำหรับการคืนเงิน ตามที่ผู้ให้บริการเห็นว่าเหมาะสม และผู้ให้ บริการสงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบเงื่อนไขการใช้บริการ และเงื่อนไขการขอคืนเงินดังกล่าว ด้วยดุลพินิจฝ่ายเดียวเป็นที่สุดของผู้ให้บริการ
7.3.2. ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินค่าบริการเต็มจำนวนที่ผู้ใช้บริการได้จ่ายมา โดยหักลบ (ก) ค่าบริการสำหรับบริการที่ผู้ใช้บริการได้ใช้มาแล้วก่อนการยกเลิก โดยคำนวณจากค่าบริการราคาเต็มต่อเดือนที่มีการใช้บริการ ไม่รวมส่วนลดจากการซื้อแพ็กเกจ และ/หรือ (ข) ค่าธรรมเนียมอื่นสำหรับการดำเนินการคืนเงินดังกล่าว เช่น ค่าธรรมเนียมค่าบัตรเครดิต
เช่น กรณีผู้ใช้บริการซื้อแพ็กเกจราคาพิเศษ สำหรับการใช้งานแพ็กเกจ PROPLUS 4 ปี (48 เดือน) ในราคา 36,000 บาท ลดจากราคาเต็มเดือนละ 1,200 บาท หรือ 57,600 บาท สำหรับ 48 เดือน ต่อมาหากผู้ใช้บริการต้องการยกเลิกการใช้บริการแพ็กเกจดังกล่าวในเดือนที่ 37 ผู้ให้บริการจะคำนวณยอดค่าบริการที่สามารถคืนได้จากราคารายเดือนแพ็กเกจปกติ หรือราคาเดือนละ 1,200 บาท เมื่อคำนวณค่าบริการสำหรับเดือนที่ใช้ไปแล้ว 36 เดือน = 36×1,200 = 43,200 บาท ดังนั้นในกรณีนี้ผู้ใช้บริการจะไม่ได้รับการคืนเงินค่าแพ็กเกจภายหลังการยกเลิกการใช้บริการ
7.3.3. ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการยกเลิกใช้บริการ ในอัตราที่ผู้ให้บริการกำหนด ด้วยดุลพินิจฝ่ายเดียวของผู้ให้บริการ
7.3.4. ผู้ให้บริการจะคืนเงิน (หลังจากค่าธรรมเนียมทั้งหมด) ให้แก่ ผู้ใช้บริการภายใน 30 วันทำการ ภายหลังการตรวจสอบเอกสารและเงื่อนไขครบถ้วน และ
7.3.5. การคืนค่าบริการกรณีนี้ ไม่รวมถึงเครดิตการให้บริการที่ผู้ใช้บริการอาจได้รับนอกเหนือจากการชําระค่าบริการตามปกติ (เช่น เครดิตที่ได้จากการแนะนําต่อ หรือโปรโมชั่นอื่น) ซึ่งผู้ใช้บริการไม่สามารถขอคืนเครดิตดังกล่าวเป็นเงินสดได้
7.4. การยกเลิกการให้บริการเป็นการทั่วไปโดยผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการให้บริการทั้งหมด หรือบางส่วนโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า และไม่มีความรับผิดใดต่อผู้ใช้บริการหรือบุคคลภายนอก
7.5. การยกเลิกการให้บริการเฉพาะผู้ใช้บริการบางรายโดยผู้ให้บริการ ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการให้บริการเฉพาะแก่ผู้ใช้บริการบางรายในกรณี ดังนี้ และสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนค่าบริการที่ผู้ใช้บริการได้ชำระให้แก่ผู้ให้บริการแล้ว
7.5.1. ผู้ให้บริการได้รับการแจ้งหรือตรวจสอบข้อมูล (โดยถือเป็นสิทธิแต่ไม่ถือเป็นหน้าที่) และพบว่า ผู้ใช้บริการถึงแก่ความตาย เป็นบุคคลผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว ล้มละลาย หรือสิ้นสภาพนิติบุคคล
7.5.2. ผู้ใช้บริการละเมิดหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขฉบับนี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการที่ผู้ใช้บริการไม่ชำระค่าบริการ หรือผู้ใช้บริการปฏิบัติผิดหน้าที่หรือข้อห้ามที่กำหนดไว้
7.5.3. ผู้ใช้บริการที่ไม่ได้ใช้บริการ ไม่ได้ชำระค่าบริการ ไม่สามารถติดต่อได้ และ/หรือ ไม่ได้มีการ Log in เข้ามาในระบบเป็นระยะเวลาเกิน 5 ปี
8. ข้อจำกัดความรับผิดของผู้ให้บริการ
ภายใต้ขอบเขตสูงสุดที่สามารถบังคับได้ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ผู้ให้บริการจะไม่รับผิดชอบต่อ
8.1. ความเสียหายใดที่เกิดจากการใช้บริการ ไม่ว่าด้วยเหตุใด เว้นแต่ความเสียหายที่เกิดโดยตรงจากการจงใจหรือความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ให้บริการ
8.2. ความเสียหายที่เกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือการใช้บริการที่ไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขการใช้บริการที่ผู้ให้บริการกำหนดไว้ และ
8.3. ความเสียหายที่ไม่ใช่ความเสียหายทางตรง
ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ให้บริการต้องรับผิดชอบต่อผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการจำกัดความรับผิดต่อค่าเสียหายที่แท้จริงที่เกิดขึ้นสูงสุดไม่เกินอัตราค่าบริการที่ผู้ให้บริการได้รับชำระจากผู้ใช้บริการก่อนเกิดเหตุการณ์ ซึ่งทำให้เกิดค่าเสียหายนั้น
9. ข้อตกลงอื่นๆ
9.1. สิทธิของผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการรับทราบและยอมรับว่า การล่าช้าหรืองดเว้นในการใช้สิทธิของผู้ให้บริการตามกฎหมายหรือตามเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ไม่ถือว่า ผู้ให้บริการสละสิทธิ์ในการเรียกร้องสำหรับความผิดดังกล่าวในภายหลัง และการใช้สิทธิใดก็ตามที่ผู้ให้บริการมีภายใต้เงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้เป็นสิทธิที่เพิ่มเติม ซึ่งไม่กระทบต่อสิทธิอื่นที่ผู้ให้บริการอาจมีภายใต้กฎหมาย และสัญญาอื่นที่อาจมีการจัดทำขึ้นระหว่างผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ
9.2. ผลบังคับใช้ของเงื่อนไขการใช้บริการ หากมีข้อกำหนด หรือข้อความใดในเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้เป็นโมฆะ หรือใช้บังคับไม่ได้ตามกฎหมาย ให้ถือว่าข้อกำหนดหรือข้อความที่ตกเป็นโมฆะหรือใช้บังคับไม่ได้นั้นไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์หรือการบังคับใช้ข้อกำหนดอื่น
9.3. ภาษา ผู้ให้บริการจัดทำเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้เป็นภาษาไทย แต่อาจมีกรณีที่มีการแปลเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้เป็นภาษาอื่น ในกรณีที่มีความแตกต่างระหว่างเงื่อนไขฉบับนี้ ที่เป็นฉบับภาษาไทยและฉบับคำแปล ฉบับภาษาไทยจะมีผลบังคับเหนือภาษาอื่น
9.4. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ ด้วยการใช้บริการภายใต้เงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ ผู้ใช้บริการเข้าใจว่า ไม่ได้มีการสร้างความสัมพันธ์ในลักษณะของหุ้นส่วน นายจ้างลูกจ้าง หรือตัวแทนระหว่างผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ
9.5. การแก้ไขเงื่อนไข ผู้ให้บริการสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้บริการแพ็กเกจ ตลอดจนอัตราค่าบริการ ไม่ว่าเวลาใด โดยถือว่าการเปลี่ยนแปลงมีผลทันที เมื่อผู้ให้บริการแจ้งการแก้ไขผ่านช่องทางการสื่อสารอื่นที่ผู้ให้บริการมีกับผู้ใช้บริการ แต่ผู้ให้บริการไม่ต้องแจ้งให้ผู้ใช้บริการทราบล่วงหน้า ดังนั้นผู้ให้บริการแนะนำให้ผู้ใช้บริการอ่านและทำความเข้าใจเงื่อนไขการใช้บริการล่าสุดเสมอ เนื่องจากการที่ผู้ใช้บริการยังคงใช้บริการอยู่ ผู้ให้บริการจะถือว่า ผู้ใช้บริการยอมรับที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ผู้ให้บริการแก้ไขเสมอ
เงื่อนไขการใช้บริการฉบับนี้ต้องได้รับการตีความและบังคับใช้ภายใต้กฎหมายของประเทศไทย และกรณีมีข้อโต้แย้งใด ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อมายังผู้ให้บริการได้เสมอ แต่หากไม่สามารถแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าวได้ ผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการตกลงที่จะนำเสนอข้อพิพาทดังกล่าวเพื่อการพิจารณาต่อศาลประเทศไทย
ข้อกำหนดจริยธรรมของสำนักงานบัญชีพันธมิตรของ PEAK
ข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้ (“ข้อกำหนดจริยธรรม”) ได้รับการพัฒนาขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์คือ
(ก) กำหนดกรอบเพื่อช่วยให้สำนักงานบัญชีพันธมิตรของ PEAK ใช้อ้างอิงในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า ในการให้บริการแพลตฟอร์มบัญชีของ PEAK ผ่านระบบคลาวด์ได้อย่างเหมาะสม และ
(ข) ช่วยหลีกเลี่ยงหรือบริหารจัดการความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างสำนักงานบัญชีและลูกค้า หรือพนักงานของตนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการแพลตฟอร์มบัญชีของ PEAK
ข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะตอบทุกคำถาม หรือบริหารจัดการทุกปัญหาที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจาก PEAK ตระหนักดีว่า สำนักงานบัญชีแต่ละแห่งล้วนมีหน้าที่ต้องดำเนินการเพื่อประโยชน์ของลูกค้าของตน และอาจอยู่ภายใต้มาตรฐานวิชาชีพเป็นการเฉพาะ ซึ่งสำนักงานบัญชีดังกล่าวต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับหลักดังกล่าว
1. ขอบเขตการใช้ของข้อกำหนดจริยธรรม
1.1. ข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้ใช้บังคับกับนักบัญชี ผู้ลงบันทึกบัญชี ผู้ให้คำปรึกษาหรือผู้ให้บริการอิสระทางด้านการเงินและการบัญชี ซึ่งยอมรับที่จะปฏิบัติตาม สัญญาการเป็นสำนักงานบัญชีพันธมิตร ในโครงการ PEAK Family Partner (“สำนักงานบัญชีพันธมิตร”)
1.2. นอกเหนือจากจุดประสงค์ในการช่วยสำนักงานบัญชีพันธมิตรในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้าแล้ว ข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้มีจุดประสงค์ในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบริหารจัดการข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการใช้แพลตฟอร์ม PEAK ซึ่งอาจรวมถึง
1.2.1. ข้อพิพาทเกี่ยวกับค่าบริการระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตร และลูกค้าของตน (“ลูกค้า”) ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิทธิในการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ของกิจการที่ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว
1.2.2. ข้อพิพาทเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของสิทธิในการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK หรือข้อพิพาทเกี่ยวกับการเข้าใช้งานระบบอื่น ซึ่งอาจรวมถึงข้อพิพาทระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้า ระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและพนักงานหรือตัวแทนของสำนักงานดังกล่าว หรือระหว่างบุคคลสองคน หรือมากกว่าสองคนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของสำนักงานบัญชีพันธมิตร
1.3. PEAK คาดหวังให้สำนักงานบัญชีพันธมิตรปฏิบัติตามข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้ ด้วยความคาดหมายว่า หากสำนักงานบัญชีพันธมิตรทำตามข้อกำหนดจริยธรรมนี้ สำนักงานบัญชีพันธมิตรจะสามารถบริหารจัดการข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นกับลูกค้าเกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์ม PEAK ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1.4. กรณีที่ PEAK รับทราบถึงข้อพิพาทที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้า PEAK คาดหวังว่า ในเกือบทุกกรณี คู่กรณีที่เกี่ยวข้องจะสามารถแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าวกันได้ด้วยตนเองโดยตรง (โดยเฉพาะหากคู่กรณีทั้งหมดดำเนินการตามคำแนะนำในข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้) ซึ่งการแก้ไขข้อพิพาทนั้นอาจรวมถึงการแก้ไขข้อพิพาทในช่องทางอื่น หรือการแก้ไขข้อพิพาทอย่างเป็นทางการผ่านกระบวนการยุติธรรม
1.5. PEAK จะพยายามดำเนินการสนับสนุนผลการแก้ไขข้อพิพาทที่คู่กรณีทั้งหมดตกลงกัน ภายใต้เงื่อนไขว่า ผลการแก้ไขดังกล่าวเหมาะสมและสอดคล้องกับการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK โดยเฉพาะสอดคล้องกับเงื่อนไขการให้บริการของ PEAK ทั้งนี้กรณีที่คู่กรณีไม่สามารถแก้ไขข้อพิพาทดังกล่าวกันได้โดยตรงระหว่างกันเอง PEAK จะปฏิบัติตามคำสั่งจากศาลที่มีเขตอำนาจในการพิจารณาเรื่องดังกล่าว ตามที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขการให้บริการของ PEAK ซึ่งในบางกรณี PEAK อาจไม่สามารถดำเนินการใดได้โดยปราศจากคำสั่งศาล หรือข้อตกลงแก้ไขข้อพิพาทที่ตกลงกันได้ระหว่างคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง
2. การแจ้งลูกค้าเกี่ยวกับ PEAK
2.1. สำนักงานบัญชีพันธมิตรมีบทบาทสำคัญในการสร้างความเข้าใจกับลูกค้าเกี่ยวกับทางเลือกของลูกค้าในการสร้างกิจการของตนบนแพลตฟอร์ม PEAK ดังนั้นสำนักงานบัญชีพันธมิตรควรปรึกษาหารือและจัดทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรกับลูกค้าว่า บุคคลใดระหว่างลูกค้าหรือสำนักงานบัญชีพันธมิตรจะเป็นผู้ใช้บริการหลัก และผู้ดูแลระบบสูงสุด (Super Admin) ซึ่งจะเป็นผู้มีสิทธิสูงสุดในการควบคุมสิทธิการใช้งานแพลตฟอร์ม PEAK ทั้งหมดรวมถึงเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบในการจ่ายค่าใช้บริการ PEAK โดยสอดคล้องกับเงื่อนไขการให้บริการของ PEAK
2.2. สำนักงานบัญชีพันธมิตรควรให้ข้อมูลดังต่อไปนี้แก่ลูกค้า โดยควรรวมเป็นส่วนหนึ่งในเอกสารหนังสือแต่งตั้งเป็นสำนักงานบัญชี หรือเอกสารอื่น
2.2.1. คำอธิบายอย่างย่อว่า การใช้บริการคำนวณบัญชีผ่านระบบคลาวด์ จะเป็นการใช้บริการเก็บรักษาข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ทางไกล ซึ่งดำเนินการบริหารจัดการโดยบุคคลภายนอก
2.2.2. คำอธิบายว่า ลูกค้าสามารถทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบสูงสุดเพื่อควบคุมการใช้งานแพลตฟอร์ม PEAK ได้ด้วยตนเอง และลูกค้าสามารถ “เชิญ” สำนักงานบัญชีพันธมิตรมาใช้บริการภายใต้กิจการของลูกค้าได้ในฐานะ “ผู้ใช้งานย่อยที่ได้รับการกำหนดให้สิทธิ” แทนที่จะเป็นกรณีที่สำนักงานบัญชีพันธมิตรจะทำหน้าที่ผู้ดูแลระบบสูงสุดดังกล่าว
2.2.3. คำอธิบายเกี่ยวกับ “สิทธิผู้ใช้งาน” แต่ละประเภทตามที่มีการกำหนดตั้งค่าบนแพลตฟอร์ม PEAK และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำอธิบายเกี่ยวกับสิทธิของผู้ดูแลระบบสูงสุด ที่มีสิทธิในการควบคุมการให้สิทธิเข้ามาใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ของผู้ใช้งานย่อยอื่นทั้งหมด
2.2.4. ถ้าสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้า ตกลงกันให้สำนักงานบัญชีพันธมิตร หรือบุคคลอื่นนอกเหนือจากลูกค้าเป็นผู้ดูแลระบบสูงสุด:
2.2.4.1. ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการที่ลูกค้าจะสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกิจการของตนบนแพลตฟอร์ม PEAK ได้ แม้ในกรณีที่ความสัมพันธ์ระหว่าง สำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้าสิ้นสุดลง หรือกรณีมีข้อพิพาทระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้าก็ตาม
2.2.4.2. ต้องให้ข้อมูลว่า ลูกค้าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพื่อให้สำนักงานบัญชีพันธมิตรดำเนินการเปลี่ยนแปลงสิทธิของการเป็นผู้ดูแลระบบสูงสุดในการใช้แพลตฟอร์มของ PEAK ให้สำนักงานบัญชีหรือบุคคลอื่นสามารถมาเป็นผู้ให้บริการรายใหม่ของลูกค้าได้
2.2.4.3. ต้องให้ข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการในการแก้ไขข้อพิพาทที่สำนักงานบัญชีพันธมิตรกำหนดไว้ และวิธีการรักษาไว้ซึ่งสิทธิในการเข้าใช้แพลตฟอร์ม PEAK แม้ในระหว่างระยะเวลาที่เกิดข้อพิพาทระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้ารายนั้น (ทั้งนี้ข้อพิพาทอาจรวมถึง ข้อพิพาทเกี่ยวกับการไม่จ่ายค่าบริการระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้า)
2.3. สำนักงานบัญชีพันธมิตรควรดำเนินการทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อรับประกันว่า พนักงาน ตัวแทนและลูกค้าของตนดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวปฏิบัติเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางเทคโนโลยีที่เหมาะสม
2.4. ข้อกำหนดในข้อ 2 ของข้อกำหนดจริยธรรมฉบับนี้ไม่ได้รวมเอาทุกเรื่องที่สำนักงานบัญชีพันธมิตรควรต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบ ดังนั้นสำนักงานบัญชีพันธมิตรควรขอรับคำแนะนำเพิ่มเติมจากสมาคมวิชาชีพเฉพาะที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของข้อมูลเพิ่มเติมที่ต้องแจ้งในกระบวนการประสานงานกับลูกค้า
3. ข้อแนะนำเกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขข้อพิพาท
กรณีที่สำนักงานบัญชีพันธมิตรทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลระบบสูงสุดในการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK เพื่อและแทนลูกค้าของตน
3.1. สำนักงานบัญชีพันธมิตรยอมรับและตกลงว่า การกระทำใดที่ขัดขวางหรือจำกัดสิทธิในการเข้าถึงการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ไม่ว่าในลักษณะใด จะสร้างผลกระทบให้เกิดการระงับหรือการสูญเสียในการดำเนินกิจการตามปกติของลูกค้าได้
3.2. สำนักงานบัญชีพันธมิตรยอมรับและตกลงว่า การกระทำใดที่นำไปสู่การระงับหรือการสูญเสียในการดำเนินกิจการตามปกติของลูกค้าตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3.1 (กล่าวคือ การจำกัดหรือปฏิเสธการเข้าถึงแพลตฟอร์ม PEAK ของลูกค้า) ต้องไม่ถูกใช้เป็นวิธีการที่สำนักงานบัญชีพันธมิตรจะใช้เพื่อเรียกให้ลูกค้าชำระค่าบริการ หรือการทวงถามติดตามหนี้อื่น
3.3. สำนักงานบัญชีพันธมิตรต้องหลีกเว้นจากการกระทำการใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ที่จะสร้างผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องของลูกค้า (เช่น การใช้บริการเพื่อการออกใบเรียกเก็บเงิน การจ่ายเงินเดือน การกระทบยอดบัญชี การนำส่งภาษี เป็นต้น) แม้ว่าจะยังมีข้อพิพาทระหว่างสำนักงานบัญชีและลูกค้าดังกล่าวที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งนี้สำนักงานบัญชีพันธมิตรสามารถดำเนินการเพื่อการให้สิทธิลูกค้าในการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ต่อเนื่อง แม้อยู่ระหว่างระยะเวลาข้อพิพาทได้ตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3.4
3.4. ข้อกำหนดในข้อนี้ไม่ได้บังคับให้สำนักงานบัญชีพันธมิตรต้องชำระค่าบริการแก่ PEAK ต่อเนื่องอย่างไม่มีระยะเวลาสิ้นสุด ระหว่างระยะเวลาที่เกิดข้อพิพาทระหว่างสำนักงานบัญชีพันธมิตรและลูกค้าเกี่ยวกับการใช้แพลตฟอร์ม PEAK แต่ทั้งนี้กรณีลูกค้าต้องการมีสิทธิในการเข้าใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ต่อเนื่องไปอีกในสถานการณ์ข้อพิพาทดังกล่าว สำนักงานบัญชีพันธมิตรอาจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้:
3.4.1. กำหนดให้ลูกค้าชำระค่าบริการการใช้แพลตฟอร์ม PEAK ที่เกิดขึ้น (เฉพาะค่าบริการใช้แพลตฟอร์มเท่านั้น) ซึ่งจำเป็นต้องมีการชำระให้แก่ตนได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการระงับสิทธิการเข้าใช้แพลตฟอร์ม PEAK
3.4.2. โอนสิทธิในการเข้าใช้แพลตฟอร์ม PEAK (รวมถึงหน้าที่ในการชำระเงินแพลตฟอร์ม PEAK นับจากวันที่การโอนดังกล่าวมีผลบังคับใช้) ให้แก่ลูกค้า (หรือบุคคลภายนอกอื่นที่ลูกค้ากำหนดแต่งตั้ง) โดยสอดคล้องกับกระบวนการโอนสิทธิมาตรฐานที่ PEAK กำหนด
4. การให้การสนับสนุนการโอนสิทธิและการให้บริการไปยังผู้ให้บริการรายใหม่
4.1. สำนักงานบัญชีพันธมิตรต้องดำเนินการตามที่เหมาะสมเพื่อให้ความร่วมมือกับลูกค้าที่ต้องการโอนการใช้บริการไปยังสำนักงานบัญชีพันธมิตรใหม่ หรือไปที่สำนักงานบัญชีที่ใช้แพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่ PEAK ซึ่งในการให้ความร่วมมือดังกล่าว อาจรวมถึงการให้หรือการรักษาสิทธิในการเข้าถึงบริการแพลตฟอร์ม PEAK หรือการโอนสิทธิในการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ตามที่จำเป็นทั้งหมดให้แก่ ผู้ให้บริการรายใหม่เพื่อให้การโอนบริการดังกล่าวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4.2. อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนที่แนะนำให้ดำเนินการในส่วนนี้ของข้อกำหนดจริยธรรม ไม่รวมถึงการกำหนดให้สำนักงานบัญชีพันธมิตรต้องจัดเตรียมรายงานหรือดำเนินการทางบัญชีอื่นบนแพลตฟอร์ม PEAK เพื่อประโยชน์ของลูกค้าโดยไม่เรียกเก็บค่าบริการ
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
ของการใช้งานแพลตฟอร์ม PEAK
คำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”) นี้จัดทำขึ้นเพื่อให้คุณซึ่งเป็นผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม PEAK (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ เรียกว่า “กิจกรรมการประมวลผล”) ได้ทราบและเข้าใจรูปแบบการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย (“ประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ อาจเรียกแทนว่า “บริษัท” หรือ “เรา”) ดำเนินการ ในฐานะ ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ในข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจากผู้ใช้บริการ (ซึ่งต่อไปในประกาศนี้ อาจเรียกแทนว่า “คุณ” หรือ “ท่าน”) เพื่อการดำเนินการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้
ทางบริษัทได้พัฒนาแพลตฟอร์ม PEAK เพื่อเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการให้บริการบัญชีออนไลน์ ให้แก่ผู้ที่ต้องการใช้บริการดังกล่าว โดยทางบริษัท ได้มีการดำเนินการ พัฒนา และกำหนดแนวทางต่าง ๆ เพื่อความสะดวกในการใช้บริการ และความปลอดภัยในการใช้บริการ ให้แก่ผู้ใช้บริการทุกท่าน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ใช้บริการทุกท่านจะได้รับความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการใช้งานแพลตฟอร์ม PEAK และเพื่อการให้บริการที่สะดวกสบายและปลอดภัยดังกล่าว ทางบริษัทจึงจำเป็นต้องขอเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีแนวทางในการดำเนินการดังกล่าวดังต่อไปนี้
1. ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
2. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมและใช้
4. สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562
5. การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังต่างประเทศ
6. ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
7. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
8. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
9. ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
10. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
11. การติดต่อสอบถาม
-
ฐานกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
- ความจำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญา จากการยอมรับและตกลงปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้บริการแพลตฟอร์ม PEAK ในการที่เราจะให้บริการแก่คุณในการใช้ระบบบัญชีออนไลน์ ซึ่งไม่จำกัดเฉพาะการยืนยันตัวผู้ใช้งาน การใช้บริการ หรือการเก็บข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย ในกรณีที่เราไม่สามารถระบุตัวตนผู้เข้าถึงข้อมูล จะทำให้เราไม่สามารถให้บริการตามความต้องการของบริการตามระดับการให้บริการที่ท่านเลือกไว้เมื่อท่านชำระเงินได้
- ความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ได้แก่ การจัดเตรียมเอกสารเพื่อนำส่งข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้บริการให้กับหน่วยงานกำกับดูแล เช่น สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อแสดงข้อมูลตามที่พระราชกฤษฎีกาการประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ต้องแจ้งให้ทราบ พ.ศ. 2565 กำหนด เป็นต้น
- ความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเรา โดยการพิจารณาถึงประโยชน์ดังกล่าว ทางเราจะพิจารณาถึงความจำเป็นในการจัดเก็บข้อมูลที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล ดังนี้ เช่น เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังการใช้งานที่ผิดปกติของผู้ใช้บริการ ซึ่งอาจนำไปสู่การพยายามดำเนินการบางประการที่ทำให้เกิดความเสียหายกับแพลตฟอร์ม PEAK หรือข้อมูลในการชำระค่าใช้บริการที่ทางบริษัทจำเป็นต้องทราบข้อมูลและเก็บข้อมูลของคุณเพื่อป้องกันการคิดค่าบริการซ้ำซ้อน เป็นต้น
- เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรา 26 เพื่อวัตถุประสงค์ในการแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่คุณอาจสนใจโดยทางเราจะมีการขอความยินยอมจากคุณโดยชัดแจ้งก่อนการดำเนินการใด ๆ ข้างต้น
- เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณภายใต้ฐาน ดังต่อไปนี้
-
วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
เราดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเพื่อวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
- เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนของผู้เข้าใช้บริการ เนื่องจากผู้ใช้บริการของแพลตฟอร์ม PEAK มีจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดสิทธิในการเข้าใช้งานตามแต่ละบุคคลที่ได้มีการสมัครใช้งาน เพื่อให้ทางเราสามารถจำแนกตัวตนของคุณได้ เราจึงจำเป็นต้องเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเข้ากับบัญชีผู้ใช้ของคุณ
- เพื่อใช้ในการประสานงานกับคุณ เนื่องจากในกรณีที่คุณพบปัญหาจากการใช้งาน หรือมีข้อสงสัยใด ๆ ในการใช้งาน ทางเรามีช่องทางในการติดต่อกับคุณ แต่เพื่อให้ทางเราหรือพนักงานที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำให้คุณทราบว่าคุณเป็นใครเพื่อให้คำแนะนำหรือประสานงานกับคุณได้ครบถ้วน ทางเราจึงจำเป็นต้องมีข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนของคุณได้ เพื่อใช้ในการประสานงานกับคุณ
- เพื่อใช้ในการกำหนดสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการตามระดับของบริการที่คุณได้เลือก เนื่องจากแพลตฟอร์ม PEAK เรามีระดับของบริการ หรือประเภทของบริการที่คุณสามารถเลือกรับบริการได้อย่างหลากหลาย ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดในการให้บริการ ทางเราจึงจำเป็นต้องเชื่อมโยงข้อมูลของคุณกับบริการที่คุณเลือก เพื่อให้เราสามารถให้บริการกับคุณได้อย่างถูกต้อง
- เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลบางประการเกี่ยวกับการใช้บริการของคุณเพื่อแสดงข้อมูลดังกล่าวให้คุณได้ทราบ เนื่องจากในการให้บริการของแพลตฟอร์ม PEAK จะมีการสรุปข้อมูลหลาย ๆ อย่างให้คุณได้ทราบ เช่น จำนวนของการออกเอกสารให้กับลูกค้าของคุณ หรือสรุปยอดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ซึ่งการประมวลผลดังกล่าวนั้น จะมีการอ้างอิงข้อมูลซึ่งอาจเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณได้ให้ไว้กับระบบ เพื่อให้การประมวลผลนั้นทำได้โดยสมบูรณ์
-
ข้อมูลส่วนบุคคลที่เราเก็บรวบรวมและใช้
เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่ได้แจ้งในข้อ 2. เราเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณดังรายการต่อไปนี้
-
แหล่งข้อมูลและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม มีดังนี้
แหล่ง/วิธีการเก็บรวบรวม รายการข้อมูลส่วนบุคคล 1. เก็บข้อมูลจากท่านโดยตรงผ่านการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณเมื่อท่านลงทะเบียนใช้งานแพลตฟอร์ม
- ชื่อ
- นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- อีเมล
- รูปภาพ
- ที่อยู่
- ลายเซ็น
2. เก็บข้อมูลเพื่อ ติดตามพฤติกรรมการใช้งานของคุณและ เพื่อปรับปรุงโปรแกรมให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
- Cookie data
- IP address
- Logging
-
จุดประสงค์การใช้งานข้อมูลส่วนบุคคล
จุดประสงค์ในการใช้ข้อมูล รายการข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้ 1. เพื่อลงทะเบียนและยืนยันตัวตนผู้ใช้งาน (User) แพลตฟอร์ม PEAK - ชื่อ
- นามสกุล
- อีเมล
- เบอร์ติดต่อ
- ตำแหน่ง
- รูปภาพ
2. เพื่อการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนในการสร้างกิจการ - ชื่อ
- นามสกุล
- ที่อยู่
- เลขประจำตัวประชาชน
3. เพื่อดำเนินการ KYC (Know Your Customer) กับผู้สร้างกิจการให้ทราบว่า ผู้สร้างกิจการดังกล่าวมีสิทธิในกิจการดังกล่าวจริง - ชื่อ
- นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- อีเมล
- ข้อมูลที่ปรากฏตามสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
4. เพื่อกำหนดบุคคลผู้ติดต่อประสานงานของกิจการกับเรา ในแพลตฟอร์ม PEAK - ชื่อ
- นามสกุล
- ที่อยู่
- เลขประจำตัวประชาชน
5. เพื่อการแจ้งความประสงค์ในการขอใช้บริการพิเศษที่ทางเราจัดเตรียมไว้ให้แก่ท่าน เช่น การจัดเตรียมเอกสารหรือเนื้อหาของเอกสารตามความต้องการของผู้ใช้งาน (User) (บริการ Customize Document) หรือ การเชื่อมต่อโปรแกรมประยุกต์ (Application Programing Interface) (API) - ชื่อ
- นามสกุล
- อีเมล
- เบอร์โทรศัพท์
6. เพื่อใช้ในการปรับแต่งหรือตั้งค่ารูปตัวตน (Profile) และลายเซ็นของผู้ใช้งาน (User) - รูปภาพ
- ลายเซ็น
7. เพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลของพนักงานของกิจการ สำหรับการใช้บริการ PEAK Payroll - ชื่อ
- นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- เลขประจำตัวประชาชน
- ข้อมูลคำนำหน้าชื่อ
- อีเมล
- ที่อยู่
- รูปบุคคล
- เลขที่บัญชีธนาคาร
8. เพื่อใช้ยืนยันตัวตนของผู้ออกคำสั่งอย่างเป็นทางการของกิจการผ่านทางระบบ แช็ตบ็อกซ์ (Chat Box) ในแพลตฟอร์ม PEAK - ชื่อ
- นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์
- ลายเซ็น
- ข้อมูลที่ปรากฏในบัตรประจำตัวประชาชน
- อีเมล
9. เพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลสำรองรับจ่ายและบัญชีธนาคารของกิจการ
- ชื่อบัญชี
- เลขบัญชีธนาคาร
- ชื่อเจ้าของบัญชี
- ชื่อ (พนักงานที่เป็นเจ้าของช่องทางการเงิน)
- นามสกุล (พนักงานที่เป็นเจ้าของช่องทางการเงิน)
10. เพื่อใช้ในการบันทึกการชำระสินค้าหรือบริการที่ชำระเงินให้เรา
- ชื่อ
- นามสกุล
- อีเมล
11. เพื่อใช้ในการบันทึกข้อมูลผู้ประสานงานของท่านที่ติดต่อผ่านทางไลน์หรืออีเมล - ชื่อ
- นามสกุล
- อีเมล
- เบอร์โทรศัพท์
-
แหล่งข้อมูลและรายการข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม มีดังนี้
-
สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 ของท่าน
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอยู่ในความควบคุมของคุณได้มากขึ้น
โดยคุณสามารถใช้สิทธิตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบทบัญญัติในส่วนที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับ
ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- สิทธิในการเข้าถึงรับสำเนาและขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่เราเก็บรวบรวมอยู่ เว้นแต่กรณีที่เรามีสิทธิปฏิเสธคำขอของคุณตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของคุณจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
- สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมที่คุณเคยได้ให้ไว้
-
สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณในกรณีหนึ่งกรณีใดดังต่อไปนี้
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เราทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของท่านให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
- ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของคุณหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์เราได้แจ้งไว้ในการเก็บรวบรวม แต่คุณประสงค์ให้เราเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมายของท่าน
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เรากำลังพิสูจน์ให้คุณเห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่คุณได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
- สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ เว้นแต่กรณีที่เรามีเหตุในการปฏิเสธคำขอของคุณโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น เราสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะตามภารกิจของเรา)
- สิทธิในการขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
-
การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังต่างประเทศ
เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไปยังต่างประเทศเพื่อให้คุณสามารถใช้บริการในการประมวลผลข้อมูลตามที่คุณต้องการ หรือเป็นการสั่งการของคุณ โดยเราได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์การให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปยังต่างประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด เว้นแต่กรณีดังต่อไปนี้
- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้เราจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
- เราได้แจ้งให้คุณทราบและได้รับความยินยอมจากคุณในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้เป็นไปตามรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของคุณหรือของบุคคลอื่น เมื่อคุณไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้ หรือ เพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
-
ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
เราเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นระยะเวลา 10 ปีนับจากวันที่คุณได้แจ้งเลิกใช้บริการ หรือนับจากวันที่มีการเข้าใช้งานครั้งสุดท้าย แล้วแต่กรณีใดจะเกิดขึ้นหลังสุด โดยเราจะทำการลบข้อมูลเมื่อไม่ได้มีการเข้าใช้งานในกิจการนั้น ๆ เกิน 10 ปี
ระยะเวลาดังกล่าว เป็นไปตามอายุความในคดีแพ่งที่ทางเราจำเป็นต้องบันทึกข้อมูลที่ชัดเจนไว้เพื่อใช้ในกรณีที่มีการฟ้องร้อง หรือดำเนินคดีทั้งในคดีแพ่ง และคดีอาญา ทั้งโดยตรงต่อเรา หรือสำหรับคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับเรา
ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวเราจะทำการ ลบ ทำลายเมื่อหมดความจำเป็นในการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น หรือ ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณไม่สามารถระบุตัวตนได้เพื่อการใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น การวิเคราะห์ทางสถิติ การปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน หรือประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
-
การรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคล
เรามีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอย่างเหมาะสม ทั้งในเชิงเทคนิคและการบริหารจัดการ เพื่อป้องกันมิให้ข้อมูลสูญหาย หรือมีการเข้าถึง ทำลาย ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ (Information Security Policy) ของเรา
นอกจากนี้ เราได้กำหนดให้มีนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลขึ้นโดยประกาศให้ทราบกันโดยทั่วทั้งองค์กร พร้อมแนวทางปฏิบัติเพื่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยธำรงไว้ซึ่งความเป็นความลับ (Confidentiality) ความถูกต้องครบถ้วน (Integrity) และสภาพพร้อมใช้งาน (Availability) ของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเราได้จัดให้มีการทบทวนนโยบายดังกล่าวรวมถึงประกาศนี้ในระยะเวลาตามที่เหมาะสม
-
การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
เราอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก็ต่อเมื่อได้รับคำร้องขอจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้อนุบาลหรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมาย โดยส่งคำร้องขอผ่าน ทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Email) ตามอีเมลที่ทางบริษัทแจ้งไว้ในส่วนการติดต่อสอบถาม
ในกรณีที่เจ้าของข้อมูล ผู้สืบสิทธิ ทายาท ผู้แทนโดยชอบธรรม หรือผู้พิทักษ์ตามกฎหมายมีการคัดค้านการจัดเก็บ ความถูกต้อง หรือการกระทำใด ๆ เช่น การแจ้งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล เราจะดำเนินการบันทึกหลักฐานคำคัดค้านดังกล่าวไว้เป็นหลักฐานด้วย
ทั้งนี้ เราอาจปฏิเสธสิทธิตามวรรคสองได้ตามกรณีที่มีกฎหมายกำหนด หรือในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกทำให้ไม่ปรากฏชื่อหรือสิ่งบอกลักษณะอันสามารถระบุตัวคุณได้
-
ความรับผิดชอบของบุคคลซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เราได้กำหนดให้เจ้าหน้าที่เฉพาะผู้ที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องในการจัดเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของกิจกรรมการประมวลผลนี้เท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้ โดยเราจะดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามประกาศนี้อย่างเคร่งครัด
-
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว
ในการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงประกาศนี้ เราอาจพิจารณาแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้คุณทราบผ่านช่องทาง เว็บไซต์ หรือช่องทางอื่นใดซึ่งทางบริษัทจะแจ้งแก้คุณให้ทราบ โดยมีวันที่ของเวอร์ชันล่าสุดกำกับอยู่ตอนท้าย อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำให้คุณโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบประกาศฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะก่อนที่คุณจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่เรา
โดยในการเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการภายใต้กิจกรรมการประมวลผลนี้ของคุณ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในประกาศนี้ ทั้งนี้ โปรดหยุดการใช้งานหากคุณไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงในประกาศฉบับนี้ หากคุณยังคงใช้งานต่อไปภายหลังจากที่ประกาศนี้มีการแก้ไขและนำขึ้นประกาศในช่องทางข้างต้นแล้ว จะถือว่าคุณได้รับทราบและยอมรับเนื้อหาของประกาศที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวแล้ว
-
การติดต่อสอบถาม
-
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)
- ชื่อ: บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด
- สถานที่ติดต่อ: อาคาร ฟอร์จูน ทาวน์ (ซีพี ทาวเวอร์ 2) ชั้น 14 โซน D เลขที่ 1 ถนนรัชดาภิเษก แขวง ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
- ช่องทางการติดต่อ:โทร 1485
- อีเมล: [email protected]
-
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)
- ชื่อ: นายสุทัศน์พันธุ์ วินทุพราหมณกุล
- สถานที่ติดต่อ: อาคาร ฟอร์จูน ทาวน์ (ซีพี ทาวเวอร์ 2) ชั้น 14 โซน D เลขที่ 1 ถนนรัชดาภิเษก แขวง ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร 10400
- ช่องทางการติดต่อ:โทร 1485
- อีเมล: [email protected]
-
ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data Controller)