คลังความรู้บัญชี ภาษี และโปรแกรมบัญชีออนไลน์

ติดตามข้อมูลข่าวสาร บทความน่ารู้ด้านบัญชี ภาษี การเงิน และธุรกิจที่เป็นประโยชน์ สำหรับผู้ประกอบการและนักบัญชี

ทั้งหมด

บัญชี

ภาษี

ธุรกิจ

การใช้งานโปรแกรม

ข่าวสาร

ล่าสุด

26 Nov 2025

PEAK Account

4 min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 26/11/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. เพิ่มการนำเข้าไฟล์ TTB Business One รูปแบบ PDF เวอร์ชันภาษาไทย เพื่อกระทบยอดธนาคาร ช่วยให้ผู้ใช้งานนำเข้าไฟล์เพื่อกระทบยอดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานแพ็กเกจ PRO ขึ้นไป ที่ต้องการนำเข้าไฟล์ธนาคารเพื่อกระทบยอดHighlight : ระบบรองรับการนำเข้าไฟล์รายการเดินบัญชีของธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เวอร์ชันภาษาไทย (PDF) ได้แล้ว โดยระบบจะอ่านข้อมูลสำคัญ (วันที่ทำรายการ รายละเอียดการทำธุรกรรม ยอดเงินเข้า–ออก) และจับคู่รายการให้อัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานเลือกวิธีนำเข้าแบบ “แนะนำกระทบยอดด้วย AI” ช่วยให้ผู้ใช้งานนำเข้าไฟล์เพื่อกระทบยอดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 2. ลดขั้นตอนในการแก้ไขเอกสาร โดยสามารถกดแก้ไข (Easy Edit) และอัปเดตการหัก ณ ที่จ่าย ใน PEAK Tax ทันที เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานหรือนักบัญชีที่มีการยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายด้วยตนเองHighlight : เมื่อมีการกดแก้ไข (Easy Edit) ที่เอกสารและบันทึกในระบบ PEAK หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่อยู่ใน PEAK Tax จะอัปเดตตามให้ทันที ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดเวลาในการทำงานมากยิ่งขึ้นหมายเหตุการแก้ไขจะส่งผลกับเอกสารที่อยู่ในสถานะ “รอยื่นภาษี” เท่านั้น 3. เพิ่มปุ่มเปิด/ปิดการแสดงผลเลขที่เอกสารหัก ณ ที่จ่าย ที่หน้าเอกสารรายจ่าย (Online View) ช่วยให้ผู้ใช้งานกำหนดการแสดงผลข้อมูลตามต้องการได้ เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกแพ็กเกจที่มีการใช้งานเอกสารหัก ณ ที่จ่ายHighlight : ระบบเพิ่มปุ่มเปิด-ปิดให้ควบคุมการแสดงผล “เลขที่เอกสารถูกหัก ณ ที่จ่าย” บน Online View ของเอกสารรายจ่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกได้เองว่าต้องการเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ 4. เพิ่มตัวเลือกเปิด-ปิดการใช้งาน Old PEAK ที่เมนูตั้งค่า เหมาะสำหรับ : สำหรับกิจการที่ไม่ได้ใช้งาน Old PEAK แล้ว หรือไม่ต้องการให้ทีมงานย้อนกลับไปใช้งานระบบเดิมHighlight : ระบบเพิ่มตัวเลือกตั้งค่าการแสดงผลที่เมนูตั้งค่าองค์กร เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิดการใช้งาน Old PEAK ได้ โดยผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีการใช้งานหรือไม่ต้องการใช้งาน Old PEAK สามารถปิดการใช้งานได้ ช่วยลดความสับสน และทำให้ทุกคนทำงานบนระบบเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหมายเหตุ– กิจการที่ถูกสร้าง ก่อนวันที่ 26/11/2025 หากต้องการปิดการใช้งาน Old PEAK จะต้องเข้าไปตั้งค่าปิดด้วยตนเอง– กิจการที่สร้าง หลังวันที่ 26/11/2025 ระบบจะไม่แสดงเมนู Old PEAK ในศูนย์รวมแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ

26 Nov 2025

PEAK Account

2 min

Update Function PEAK 26/11/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency. 1. Added support for importing TTB Business One PDF files (Thai version) for bank reconciliation, making it easier for users to upload files and reconcile transactions. Suitable for: Package PRO and above, who need to import bank files for reconciliation Highlight: The system now supports importing Thai-language PDF bank statements from TMBThanachart Bank (TTB). PEAK will read key information (transaction dates, descriptions, credit/debit amounts) and auto-match items when users select the “AI suggested reconcile” method — making reconciliation easier and faster. 2. Made Easy Edit documents with withholding tax automatically update to PEAK Tax, reducing steps required when adjusting withholding tax documents. Suitable for: Users or accountants who file withholding tax manually Highlight: When a document is edited via Easy Edit and saved in PEAK, the corresponding withholding tax certificate in PEAK Tax will update automatically. This helps users save time and avoid duplicate work. Note: 3. Added a toggle button to show/not show withholding tax document numbers in the Online View, giving users more control over what information is displayed. Suitable for: All users who work with withholding tax documents Highlight: A new toggle button allows users to control whether the withheld tax number is displayed on the Online View of expense documents — making it easy to choose what information you want to show or keep hidden. 4. Added an option to Turn on/Turn off Old PEAK in the organization settings. Suitable for: Businesses that no longer use Old PEAK or want to prevent team members from switching back to the old system Highlight: A new display setting has been added to the Organization Settings, allowing users to Turn on/Turn off access to Old PEAK. Businesses that no longer need Old PEAK can now turn it off to reduce confusion and ensure everyone works efficiently on the same platform.

26 Nov 2025

PEAK Account

12 min

10 กฏเหล็กพิชิตเกมธุรกิจ SMEs : ข้อที่ 1 การแยกบัญชีส่วนตัวกับธุรกิจให้ชัดเจน

หนึ่งในปัญหาทางการเงินที่พบมากที่สุดในธุรกิจ คือ เจ้าของกิจการไม่แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ ทั้งที่การแยก บัญชีธุรกิจ เป็นกฎพื้นฐานสำคัญด้านการเงินของผู้ประกอบการ เพราะบัญชีธุรกิจควรใช้เฉพาะสำหรับรายได้และค่าใช้จ่ายของกิจการเท่านั้น การนำเงินส่วนตัวมาปะปน อาจทำให้ตัวเลขบัญชีคลาดเคลื่อน บริหารกระแสเงินสดผิดพลาด และไม่เห็นผลการดำเนินงานที่แท้จริง ซึ่งล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงินระยะยาวของธุรกิจ บัญชีธุรกิจ คืออะไร? โดยทั่วไป บัญชีธุรกิจ มักถูกตีความในทางปฏิบัติว่าเป็น บัญชีเงินฝากธนาคารที่เปิดในนามของกิจการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการรับรายได้และจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกิจการโดยเฉพาะ กล่าวอีกนัยหนึ่ง บัญชีนี้ถือเป็น “เงินของกิจการ” ซึ่งไม่ควรจะถูกนำมาใช้ปะปนกับบัญชีส่วนตัวของเจ้าของกิจการอย่างเด็ดขาด ตัวอย่างการแยกบัญชี นายไก่ เปิดร้านอาหารโดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในชื่อ บริษัท ไก่อร่อย จำกัดการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามของ บริษัท ไก่อร่อย จำกัด คือ การเปิด “บัญชีธุรกิจ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการดำเนินงานของกิจการร้านอาหารโดยเฉพาะ บัญชีธุรกิจ ดังกล่าวควรใช้สำหรับ การรับรายได้จากการขายอาหารให้ลูกค้า รวมถึงการจ่ายค่าใช้จ่ายของกิจการ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของร้านอาหารเท่านั้น ในทางกลับกัน หากเป็น ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของนายไก่เช่น ค่าไฟฟ้า หรือค่าน้ำประปา ของบ้านพักส่วนตัว ควรจ่ายจาก บัญชีส่วนตัวของนายไก่ และไม่นำมาปะปนกับบัญชีธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยยังคงมีความเข้าใจว่า “กิจการก็ของเรา เงินก็ของเรา” ผลที่ตามมาคือ การนำเงินของกิจการและเงินส่วนตัวมาใช้ปะปนกันโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงิน ที่อาจลุกลามและนำไปสู่ ความเสียหายทางธุรกิจในระยะยาว ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณคือเจ้าของกิจการ ที่ยังใช้เงินส่วนตัวและเงินของกิจการ ปะปนกัน โดยมีความเข้าใจว่า “เงินของกิจการ เท่ากับ เงินของคุณ” อะไรเกิดขึ้นบ้างถ้าไม่แยกบัญชีธุรกิจจากบัญชีส่วนตัว วิธีแยกบัญชีธุรกิจอย่างถูกต้อง แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเริ่มต้นจากการมี “วินัยทางการเงินที่ดี” ดังนี้ ทำไมการแยกบัญชีธุรกิจจึงสำคัญต่อการเติบโตของ SME จากแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการแยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว ให้ชัดเจนและเป็นระบบ เป็นเรื่องที่สำคัญ และจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมากต่อกิจการ ไม่ว่าจะเป็น การมีพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง ภาพลักษณ์ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ รวมถึงการมี ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและตรวจสอบได้ ทำให้ตัวเลขทางบัญชีสะท้อนผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดของธุรกิจได้อย่างแท้จริง พร้อมสำหรับการวางแผนและต่อยอดสู่การเติบโตในอนาคต อย่าลืม !!! กฎพื้นฐานด้านการเงินสำหรับ SMEs ข้อแรก เมื่อคุณทำธุรกิจ “เงินกิจการ ไม่เท่ากับเงินของคุณ” การมี วินัยทางการเงิน และ แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว คือจุดเริ่มต้น และพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณโปร่งใส และเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเมื่อมาถึงตรงนี้ เจ้าของกิจการหลายท่านอาจเริ่มตั้งคำถามว่า “ถ้าอย่างนั้น เราจะสามารถนำเงินออกจากกิจการมาใช้ได้อย่างไร โดยไม่ให้เกิดปัญหา?” มาติดตามคำตอบได้ ในตอนต่อไปของ “กฎพื้นฐานด้านการเงินสำหรับ SMEs” ใช้โปรแกรมบัญชีช่วยจัดการ “บัญชีธุรกิจ” ให้เป็นระบบ การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ เข้ามาช่วยจัดการบัญชีธุรกิจ เป็นวิธีที่ทำให้การเงินของกิจการชัดเจนเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะโปรแกรมบัญชีอย่าง PEAK ที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของกิจการสามารถ ควบคุมรายได้–ค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ, เห็นสถานะการเงินแบบ เรียลไทม์, และเข้าถึง รายงานทางการเงินที่เข้าใจง่าย เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้ทันที ไม่ต้องรอปิดงบสิ้นเดือน ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก  รัศมิ์ดารา ใยสวัสดิ์ (คุณดาว)ผู้บริหาร บริษัท สำนักงานเตชะรัศมิ์ จำกัด / ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA)เชี่ยวชาญงานสอบบัญชี ภาษีอากร และที่ปรึกษาธุรกิจ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจ พร้อมถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีและการเงินเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

บัญชี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี

อ่านบทความเพิ่มเติม

14 Nov 2025

PEAK Account

15 min

เคล็ดลับ บริหารสินค้าคงคลัง ป้องกันทุนจม สินค้าขาดสต๊อก

การบริหารสินค้าคงคลัง ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ช่วยจัดการสต๊อกสินค้าให้มีพอขายเท่านั้น แต่ยังส่งผลกับการเงินของกิจการ หากจัดการไม่ดีก็เป็นต้นตอของปัญหาเงินทุนจมที่หลายกิจการกำลังเจออยู่ และเพื่อให้ธุรกิจบริหารสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้เรามี 3 สิ่งที่เจ้าของกิจการต้องรู้เกี่ยวกับการจัดการสินค้าคงคลังมาแนะนำกัน การบริหารสินค้าคงคลัง คืออะไร? สำคัญอย่างไร? การบริหารสินค้าคงคลัง (Inventory Management) คือ กระบวนการในการจัดการหรือควบคุมสินค้าที่อยู่ในคลังสินค้าของกิจการเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมากที่สุด โดยกระบวนการดังกล่าวจะรวมตั้งแต่การจัดลำดับสั่งซื้อสินค้า การจัดเก็บ ผลิต และจำหน่าย ซึ่งธุรกิจที่ไม่มี การบริหารสินค้าคงคลัง มักพบปัญหาเกี่ยวกับสินค้าคงเหลือค้างสต๊อก จนนำไปสู่ต้นทุนที่จมหายไปกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นโดยใช้เหตุ หรือหากบริหารสต๊อกสินค้าไม่ดีก็มีโอกาสที่สินค้าจะขาดแคลน ขายดีจนเตรียมของไม่ทัน พลาดโอกาสสร้างรายได้มหาศาล นับเป็นปัญหาที่หลายธุรกิจต้องเจอหากไม่มีการเตรียมตัวที่ดีมากพอ เกิดอะไรขึ้นถ้าธุรกิจ ไม่บริหารสินค้าคงคลัง สำหรับธุรกิจที่ไม่ได้มีการบริหารสินค้าคงคลังอย่างเป็นระบบ อาจนำไปสู่ปัญหาที่กระทบในหลายด้านของธุรกิจไม่ว่าจะเป็นด้านกำไรขาดทุน สภาพคล่อง และความน่าเชื่อถือของธุรกิจ เช่น สูญเสียสภาพคล่องทางการเงิน: สั่งสินค้ามาเยอะเกินไปจนขายไม่ทันกระทบต่อสภาพคล่อง ไม่สามารถเปลี่ยนสินค้าเป็นเงินได้เร็วมากพอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสต๊อกสินค้า เจ้าของกิจการควรเริ่มต้นให้ความสำคัญกับการทำระบบสินค้าคงคลังเพื่อป้องกันปัญหาเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้น 3 สิ่งต้องรู้ เพื่อบริหารสินค้าคงคลังให้เงินไม่จม การบริหารสินค้าคงคลังไม่ใช่เรื่องที่ยากอย่างที่เจ้าของกิจการหลายท่านคิด เพราะในปัจจุบันสามารถปรับใช้โปรแกรมต่าง ๆ เข้ามาช่วยจัดการในส่วนนี้ได้ แต่เพื่อวางพื้นฐานการบริหารจัดการสต๊อกให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เรามาดู 3 สิ่งที่ต้องรู้เป็นขั้นตอนเริ่มต้นก่อนไปปรับใช้ในการจัดการสต๊อกสินค้าของกิจการ 1. แยกประเภทกลุ่มสินค้าอย่างชัดเจน (ABC Analysis) อันดับแรกแนะนำให้แยกประเภทกลุ่มสินค้าให้ชัดเจนก่อน โดยเป็นการแบ่งตามมูลค่าและจำนวนของสินค้าแต่ละประเภท โดยใช้วิธีกำหนดเกรดของสินค้าเป็น A B และ C ดังนี้ ซึ่งการจัดอันดับแยกประเภทสินค้าให้ชัดเจนด้วยหลัก ABC Analysis เป็นประโยชน์ในขั้นตอนการบริหารสินค้าคงคลัง เพราะเราจะทราบได้ว่าสินค้าตัวไหนขายดีทำกำไรได้สูง เพื่อให้สามารถสต๊อกสินค้าได้ถูกต้องตามข้อมูลที่มี 2. เข้าใจต้นทุน – คำนวณต้นทุนที่แท้จริง (Cost per Item) การเข้าใจต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าที่มีอยู่ในสินค้าคงคลัง เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยให้สามารถวางแผนจัดการสินค้าในคลังได้ ซึ่งปัญหาที่หลายธุรกิจมักพบคือ มีการคำนวณต้นทุน แต่ไม่ใช่ต้นทุนจริงที่โดยส่วนใหญ่จะมากกว่าต้นทุนที่ประมาณกันไว้ เพราะมีค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากตัวสินค้า เช่น ค่าจัดเก็บสินค้า ค่าบรรจุ หรือค่าจัดส่ง เมื่อทราบต้นทุนแท้จริงของสินค้าแล้ว ผู้ประกอบการก็จะสามารถวิเคราะห์เปรียบเทียบกับยอดขายได้ว่าสินค้าตัวไหนควรเก็บไว้ในคลัง เช่น  นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการบริหารกระแสเงินสดว่าสินค้าชิ้นไหนก่อให้เกิดต้นทุนจมเยอะ ก็สามารถลดจำนวนการสั่งสินค้าประเภทนั้น เพื่อให้มีกระแสเงินสดดียิ่งขึ้นได้ 3. รู้จุดสั่งซื้อ – ตั้งจุดสั่งซื้อซ้ำ (Reorder Point) ข้อสุดท้ายเป็นเรื่องที่หลายธุรกิจมองข้าม คือการกำหนดจุดสั่งซื้อซ้ำ หรือก็คือการที่เจ้าของกิจการรู้ว่าต้องสั่งสินค้าเมื่อไหร่ เพื่อให้พอดีกับจำนวนการสั่งซื้อ สินค้าไม่ขาด และไม่เหลือทิ้งจนต้นทุนจม ช่วยให้การบริหารสินค้าคงคลังทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจุดสั่งซื้อซ้ำสามารถคำนวณได้โดยแบ่งเป็นสองขั้นตอนดังนี้ 1. คำนวณ จำนวนสต๊อกที่ปลอดภัย หรือจำนวนสินค้าสำรองขั้นต่ำที่ควรมีเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าขาดแคลนหรือตุนสินค้าไว้มากเกินไป (จำนวนการขายสูงสุดในหนึ่งวัน x ระยะเวลาการรอสินค้าที่นานที่สุด) – (จำนวนสินค้าเฉลี่ยที่ขายได้ในแต่ละวัน x ระยะเวลาการรอสินค้าใหม่ในแต่ละรอบ) = จำนวนสต๊อกที่ปลอดภัย 2. คำนวณ จุดสั่งซื้อซ้ำ (จำนวนที่ขายเฉลี่ยต่อวัน x ระยะเวลารอของ) + จำนวนสต๊อกที่ปลอดภัย = จุดสั่งซื้อซ้ำ ยกตัวอย่างเช่นการคำนวณหาจุดสั่งซื้อซ้ำของ ธุรกิจ A นำเข้า Gadget จากต่างประเทศ ขายเฉลี่ยต่อวัน 20 ชิ้น และใช้เวลาในการสั่งสินค้าต่อรอบ 5 วัน ส่วนสถิติยอดขายสูงสุดในวันเดียวคือ 50 ชิ้น และเคยใช้ระยะเวลานานสุดในการสั่งสินค้า 7 วัน 1. คำนวณหาจำนวนสต๊อกที่ปลอดภัย (50 x 7) – (20 x 5) = 250 ชิ้น 2. คำนวณ จุดสั่งซื้อซ้ำ (20 x 5) + 250 = 350 ชิ้น จากการคำนวณข้างต้นพบว่า จุดสั่งซื้อซ้ำของธุรกิจ A คือ เมื่อสินค้าเหลือในคลัง 350 ชิ้น หมายความว่าเมื่อมี Gadget ที่ขายเหลือ 350 ชิ้นในคลังสินค้า ก็ควรสั่งสินค้าเพิ่มทันที ความสำคัญของการกำหนดจุดสั่งซื้อซ้ำคือ เจ้าของกิจการสามารถวางแผนเพื่อป้องกันสินค้าขาดสต๊อก รวมไปถึงป้องกันไม่ให้สั่งสินค้าเกินความจำเป็นจนทำให้เกิดสินค้าค้างสต๊อกกลายเป็นทุนจม ข้อมูลที่ต้องมี เพื่อจัดการบริหารสินค้าคงคลัง อย่างมืออาชีพ การจัดการบริหารสินค้าคงคลังอย่างมืออาชีพ จำเป็นต้องมีข้อมูลในมือที่ครอบคลุมครบถ้วน เพราะเป็นประโยชน์สำหรับการวิเคราะห์ โดยข้อมูลที่ต้องมีประกอบไปด้วยหลัก ๆ 4 ส่วนด้วยกัน ข้อมูลการจัดซื้อ เช่น ระยะเวลาในการรอสินค้า หรือเงื่อนไขการชำระเงิน เป็นอีกหนึ่งข้อมูลที่ต้องใช้เพื่อการคำนวณจุดซื้อซ้ำ และสามารถใช้ข้อมูลด้านการชำระเงินเพื่อบริหารกระแสเงินสดได้ด้วย เมื่อเจ้าของกิจการทราบข้อมูลทั้ง 4 ส่วนก็สามารถนำมาใช้วิเคราะห์ต่อยอดเพื่อการบริหารจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยลดปัญหาสินค้าขาดแคลนหรือเงินทุนจมได้ ประโยชน์ที่ได้รับ จากการบริหารสินค้าคงคลัง การบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีศักยภาพ ไม่ใช่เพียงแค่การนับสินค้าที่อยู่ในโกดังเท่านั้น แต่คือ “การวางแผนเงินทุนหมุนเวียน” เพื่อให้มีกระแสเงินสดในการทำธุรกิจ ซึ่งการวางแผนที่ดีควรต้องรู้ต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าและจุดสั่งซื้อซ้ำที่เหมาะสม ซึ่งประโยชน์ที่น่าสนใจ 3 ข้อประกอบไปด้วย ซึ่งจาก 3 ข้อข้างต้นก็แสดงให้เห็นว่าการบริหารสินค้าคงคลังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในระยะยาว ช่วยให้สามารถวางแผนธุรกิจได้ดีมากยิ่งขึ้น เริ่มต้นวิเคราะห์สินค้ารายตัว ง่ายๆ ด้วย Dashboard บน PEAK การบริหารสินค้าคงคลังสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยโปรแกรมที่มีฟีเจอร์รองรับการจัดการส่วนของสต๊อกสินค้า ซึ่งโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่สามารถปรับใช้เพื่อช่วยการบริหารสต๊อกสินค้า ที่ใช้งานง่าย ดูได้หลากหลายครอบคลุม เช่น 1. การจัดการสินค้า – วิเคราะห์สินค้ารายตัว ผ่านหน้า Dashboard 2. การจัดการสินค้า – วิเคราะห์ต้นทุนสินค้า ผ่าน รายการเคลื่อนไหวเป็นล็อต 3. การจัดการลูกหนี้ – ดูรายงานอายุลูกหนี้ แบบ Real-Time ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก

อ่านบทความเพิ่มเติม

ภาษี

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับภาษี

อ่านบทความเพิ่มเติม

25 Oct 2025

PEAK Account

15 min

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

ภ.ง.ด.50 คืออะไร? คำถามที่เจ้าของกิจการหน้าใหม่หลายท่านอาจสงสัย กับแบบยื่นเสียภาษีประจำปีของธุรกิจ ว่าต้องยื่นเมื่อไหร่ ใครต้องยื่นบ้าง และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง บทความนี้เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับแบบยื่นภาษีประจำปี นี้ให้คุณ ภ.ง.ด.50 คือเอกสารเกี่ยวข้องกับอะไร? ภ.ง.ด.50 คือ แบบที่ใช้สำหรับการยื่นแสดงรายการภาษีเงินได้ของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประจำปี ที่จะเป็นการนำรายงานงบการเงินตั้งแต่รายได้ รายจ่าย กำไรสุทธิ และนำมาปรับปรุงให้เป็นกำไรทางภาษีเพื่อใช้คำนวณภาษีที่ต้องชำระรอบสิ้นสุดระยะบัญชี ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีนี้? สำหรับนิติบุคคลที่.ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ คือ คือ บริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมไปถึงบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนเปิดสาขาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามจะมีนิติบุคคลบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น องค์กรภาครัฐ บริษัทที่เปิดขึ้นจากข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและต่างประเทศ และอื่น ๆ กำหนดเวลาการยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีนี้ จะเป็นการยื่นหลังจากสิ้นรอบบัญชีในแต่ละปี ซึ่งมีกำหนดให้เจ้าของกิจการนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษี ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ ภายใน 150 วันนับจากสิ้นรอบบัญชี ยกตัวอย่างการนับวันในการยื่นภาษี ในกรณีที่รอบบัญชีสิ้นปีคือวันที่ 31 ธ.ค. 2025 สามารถนับจำนวนวัน 150 วันได้เลย ดังนั้นวันสุดท้ายที่สามารถยื่นแบบแสดงรายการ คือ วันที่ 30 พ.ค. 2026 นั่นเอง แนะนำให้เจ้าของกิจการตรวจสอบกรอบในการยื่นเอกสาร และจัดเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการยื่นล่าช้าที่มีทั้งค่าปรับ เงินเพิ่ม และเสี่ยงถูกตรวจสอบจากสรรพากร บทลงโทษหากไม่ได้ยื่น หรือยื่นล่าช้า แบบยื่นภาษีประจำปี คือ แบบยื่นด้านบัญชีที่สำคัญ และเจ้าของกิจการที่มีหน้าที่เสียภาษีส่วนนี้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษดังนี้ การไม่ยื่นหรือยื่นล่าช้า และไม่ถูกต้อง มาพร้อมบทลงโทษมากมายที่นอกจากเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น ยังมีโอกาสถูกตรวจสอบเพิ่ม ด้วยเหตุนี้เราขอแนะนำให้เจ้าของกิจการจัดการบริหารด้านภาษีด้วยความรอบคอบ ยื่นให้ตรงกรอบเวลาที่กำหนด และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเสมอ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น ในส่วนของเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น จะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงบการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยเอกสารที่ต้องใช้ประกอบไปด้วย จากเอกสารทั้ง 5 ส่วนจะเห็นเป็นเอกสารที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานการคำนวณภาษีที่ต้องชำระจากกำไรสุทธิจริง ทำให้ในส่วนนี้จะแตกต่างจาก ภงด 51 หรือแบบยื่นภาษีครึ่งปีของเจ้าของกิจการ ที่จะใช้การประมาณการกำไรสุทธิเพื่อคำนวณ นอกจากนี้ยังอาจมีการขอเอกสารอื่นเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรหากมีความจำเป็น วิธีการยื่นแบบแสดงรายการ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี สามารถทำการยื่นได้ 2 รูปแบบ ทั้งการยื่นเอกสารแบบกระดาษด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ หรือการยื่นผ่านระบบ e-Filing บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งรูปแบบหลังจะสะดวกมากกว่า และจะได้ขยายเวลาในการยื่นเพิ่มอีก 8 วันหลังจากครบกำหนด 150 วัน (มีกรอบเวลายื่น 158 วัน) เช่น หากระยะรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.  2025 จะสามารถยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ได้ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2026 ภ.ง.ด.50 vs ภ.ง.ด.51 ต้องยื่นทั้งคู่ไหม? นอกจาก ภ.ง.ด.50 แล้ว เจ้าของกิจการอาจเคยได้ยิน ภ.ง.ด.51 หรือแบบภาษีครึ่งปีกันมาบ้าง ซึ่งในหนึ่งระยะรอบบัญชีเจ้าของกิจการจำเป็นต้องยื่นทั้งสองแบบ โดย ภ.ง.ด.50 จะเป็นแบบยื่นภาษีเมื่อสิ้นสุดระยะรอบบัญชี แต่ ภ.ง.ด.51 จะเป็นแบบยื่นภาษีครึ่งปี เพื่อจ่ายภาษีล่วงหน้าในกรณีที่มีกำไรในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ในกรณีที่ธุรกิจขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรก เจ้าของกิจการไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 (ภาษีครึ่งปี) แต่ยังคงจำเป็นต้องยื่น ภ.ง.ด.50 (ภาษีประจำปี) เช่นเดิม วิธียื่น ภ.ง.ด.50 ออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ในปัจจุบันการยื่นแบบแสดงรายการนี้ สามารถทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการยื่นผ่านระบบ e-Filling ที่เจ้าของกิจการหรือผู้ได้รับมอบหมายสามารถกรอกข้อมูลในแบบยื่น กรอกรายการคำนวณภาษี ไปจนถึงขั้นตอนการชำระภาษีครบในที่เดียวผ่านระบบออนไลน์ โดยสามารถยื่นแบบด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ ? วิธีการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับยื่น ภ.ง.ด.50 เจ้าของกิจการหลายท่านอาจเข้าใจว่าสามารถใช้ตัวเลขจากงบการเงินในการคำนวณภาษีที่ต้องเสียได้ทันที แต่ตามความเป็นจริงแล้วต้องนำตัวเลขดังกล่าวมาทำการปรับปรุงจาก ‘กำไรทางบัญชี’ ให้เป็น ‘กำไรทางภาษี’ ก่อน เพื่อใช้ในการคำนวณ โดยมีวิธีการปรับปรุงเบื้องต้นดังนี้ นำตัวเลขทั้งสามส่วนมารวมกันก่อน จึงจะได้เป็นตัวเลขกำไรทางภาษีที่สามารถนำมาคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ยกตัวอย่างการคำนวณ กำไรจากงบการเงิน 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายต้องห้าม 10,000 บาท เบี้ยปรับเงินเพิ่ม 5,000 บาท ดังนั้นกำไรทางภาษีคือ 1,015,000 บาท ซึ่งตัวเลข 1,015,000 คือตัวเลขของกำไรที่จะนำมาใช้ในการคำนวณภาษีจริง ถัดมาก็จะนำตัวเลขดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณกับ อัตราภาษี ตัวอย่างการคำนวณ กรณีที่มีอัตราภาษี 20% กำไรทางภาษี x 20% = ภาษีที่ต้องชำระ แทนสูตร 1,015,000 x 20% = 203,000 หลังจากนั้นให้นำภาษีที่ต้องชำระมาหักกับ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และจำนวนภาษีครึ่งปีที่เราได้ชำระไปในตอนยื่น ภ.ง.ด.51 เมื่อช่วงกลางปี ยกตัวอย่างเช่น มีรายการภาษีหัก ณ ที่จ่ายตลอดปีรวมกัน 50,000 บาท และชำระภาษีเงินได้ครึ่งปีไปแล้ว 30,000 บาท ให้นำตัวเลขมาหักลบออกจากภาษีที่ต้องชำระดังนี้ 203,000 – 50,000 – 30,000 = 123,000 บาท ดังนั้นหมายความว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระจริงคือ 123,000 บาท เคล็ดลับยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลา เพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของกิจการ เพื่อให้ไม่ให้เสียเงิน และเสียเวลาเพิ่มโดยใช้เหตุ เรามี 4 เคล็ดลับสำหรับเจ้าของกิจการมาฝากกัน เตรียมงบการเงินล่วงหน้า การเตรียมงบการเงินล่วงหน้าช่วยให้สามารถทำการปรับปรุงคำนวณภาษีได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรรอให้ใกล้ถึงเวลายื่นแบบแล้วค่อยจัดการ เพราะอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดในการคำนวณได้ ตรวจสอบรายการบันทึกบัญชีให้ครบถ้วน การตรวจสอบรายการบัญชีให้ครบถ้วนก็เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญ โดยสามารถทำได้จากการ กระทบยอด (Bank Reconciliation) เพื่อเปรียบเทียบธุรกรรมจากธนาคาร และธุรกรรมที่ได้ทำการบันทึกบัญชีให้ตรงกัน ใช้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) ที่มีประสบการณ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือ CPA เป็นบุคคลภายนอกบริษัทที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูล และความถูกต้องในงบการเงินของบริษัท การที่มีผู้สอบบัญชีที่มีประสบการณ์สูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องครบถ้วนในการคำนวณภาษี ใช้โปรแกรมบัญชี หรือบริการสำนักงานบัญชีช่วยจัดการ การใช้โปรแกรมบัญชีที่สามารถช่วยจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ บันทึกข้อมูลได้แม่นยำ และสามารถจัดการเอกสารด้านบัญชีและการเงินได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้นักบัญชีในองค์กรสามารถบริหารจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่มีเจ้าหน้าที่บัญชีช่วยจัดการตรงส่วนนี้ อาจใช้บริการสำนักงานบัญชีเข้ามาช่วยจัดการด้านภาษีเพื่อความถูกต้องมากขึ้นได้เช่นกัน ภ.ง.ด.50 เอกสารสำคัญด้านภาษีที่เจ้าของกิจการควรรู้จัก เมื่ออ่านถึงตรงนี้เจ้าของกิจการน่าจะพอทราบกันมากขึ้นแล้วว่า ภ.ง.ด.50 คือ เอกสารที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีประจำปี หากไม่ได้ยื่น ยื่นไม่ครบถ้วน หรือยื่นล่าช้าก็จะมาพร้อมค่าปรับ หรือเบี้ยปรับ และอาจนำไปสู่การตรวจสอบจากกรมสรรพากรได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าของกิจการควรให้ความสำคัญ และตรวจสอบการยื่นภาษีประจำปีอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งการเลือกใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับเจ้าของกิจการ ที่สามารถช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการจัดการภาษีได้ ด้วยฟีเจอร์ด้านการจัดการเอกสาร การบันทึกบัญชี และอื่น ๆ อีกมากมาย ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ธุรกิจ

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกิจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

26 Nov 2025

PEAK Account

12 min

10 กฏเหล็กพิชิตเกมธุรกิจ SMEs : ข้อที่ 1 การแยกบัญชีส่วนตัวกับธุรกิจให้ชัดเจน

หนึ่งในปัญหาทางการเงินที่พบมากที่สุดในธุรกิจ คือ เจ้าของกิจการไม่แยกบัญชีส่วนตัวออกจากบัญชีธุรกิจ ทั้งที่การแยก บัญชีธุรกิจ เป็นกฎพื้นฐานสำคัญด้านการเงินของผู้ประกอบการ เพราะบัญชีธุรกิจควรใช้เฉพาะสำหรับรายได้และค่าใช้จ่ายของกิจการเท่านั้น การนำเงินส่วนตัวมาปะปน อาจทำให้ตัวเลขบัญชีคลาดเคลื่อน บริหารกระแสเงินสดผิดพลาด และไม่เห็นผลการดำเนินงานที่แท้จริง ซึ่งล้วนเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงินระยะยาวของธุรกิจ บัญชีธุรกิจ คืออะไร? โดยทั่วไป บัญชีธุรกิจ มักถูกตีความในทางปฏิบัติว่าเป็น บัญชีเงินฝากธนาคารที่เปิดในนามของกิจการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการรับรายได้และจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของกิจการโดยเฉพาะ กล่าวอีกนัยหนึ่ง บัญชีนี้ถือเป็น “เงินของกิจการ” ซึ่งไม่ควรจะถูกนำมาใช้ปะปนกับบัญชีส่วนตัวของเจ้าของกิจการอย่างเด็ดขาด ตัวอย่างการแยกบัญชี นายไก่ เปิดร้านอาหารโดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในชื่อ บริษัท ไก่อร่อย จำกัดการเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามของ บริษัท ไก่อร่อย จำกัด คือ การเปิด “บัญชีธุรกิจ” ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการดำเนินงานของกิจการร้านอาหารโดยเฉพาะ บัญชีธุรกิจ ดังกล่าวควรใช้สำหรับ การรับรายได้จากการขายอาหารให้ลูกค้า รวมถึงการจ่ายค่าใช้จ่ายของกิจการ เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของร้านอาหารเท่านั้น ในทางกลับกัน หากเป็น ค่าใช้จ่ายส่วนตัวของนายไก่เช่น ค่าไฟฟ้า หรือค่าน้ำประปา ของบ้านพักส่วนตัว ควรจ่ายจาก บัญชีส่วนตัวของนายไก่ และไม่นำมาปะปนกับบัญชีธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยยังคงมีความเข้าใจว่า “กิจการก็ของเรา เงินก็ของเรา” ผลที่ตามมาคือ การนำเงินของกิจการและเงินส่วนตัวมาใช้ปะปนกันโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งการกระทำในลักษณะนี้ถือเป็น จุดเริ่มต้นของปัญหาทางการเงิน ที่อาจลุกลามและนำไปสู่ ความเสียหายทางธุรกิจในระยะยาว ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากคุณคือเจ้าของกิจการ ที่ยังใช้เงินส่วนตัวและเงินของกิจการ ปะปนกัน โดยมีความเข้าใจว่า “เงินของกิจการ เท่ากับ เงินของคุณ” อะไรเกิดขึ้นบ้างถ้าไม่แยกบัญชีธุรกิจจากบัญชีส่วนตัว วิธีแยกบัญชีธุรกิจอย่างถูกต้อง แนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงเริ่มต้นจากการมี “วินัยทางการเงินที่ดี” ดังนี้ ทำไมการแยกบัญชีธุรกิจจึงสำคัญต่อการเติบโตของ SME จากแนวทางที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการแยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว ให้ชัดเจนและเป็นระบบ เป็นเรื่องที่สำคัญ และจะนำมาซึ่งประโยชน์อย่างมากต่อกิจการ ไม่ว่าจะเป็น การมีพื้นฐานทางการเงินที่มั่นคง ภาพลักษณ์ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือ รวมถึงการมี ข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องและตรวจสอบได้ ทำให้ตัวเลขทางบัญชีสะท้อนผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดของธุรกิจได้อย่างแท้จริง พร้อมสำหรับการวางแผนและต่อยอดสู่การเติบโตในอนาคต อย่าลืม !!! กฎพื้นฐานด้านการเงินสำหรับ SMEs ข้อแรก เมื่อคุณทำธุรกิจ “เงินกิจการ ไม่เท่ากับเงินของคุณ” การมี วินัยทางการเงิน และ แยกบัญชีธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว คือจุดเริ่มต้น และพื้นฐานที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของคุณโปร่งใส และเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเมื่อมาถึงตรงนี้ เจ้าของกิจการหลายท่านอาจเริ่มตั้งคำถามว่า “ถ้าอย่างนั้น เราจะสามารถนำเงินออกจากกิจการมาใช้ได้อย่างไร โดยไม่ให้เกิดปัญหา?” มาติดตามคำตอบได้ ในตอนต่อไปของ “กฎพื้นฐานด้านการเงินสำหรับ SMEs” ใช้โปรแกรมบัญชีช่วยจัดการ “บัญชีธุรกิจ” ให้เป็นระบบ การใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ เข้ามาช่วยจัดการบัญชีธุรกิจ เป็นวิธีที่ทำให้การเงินของกิจการชัดเจนเป็นระบบมากขึ้น โดยเฉพาะโปรแกรมบัญชีอย่าง PEAK ที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าของกิจการสามารถ ควบคุมรายได้–ค่าใช้จ่ายได้อย่างแม่นยำ, เห็นสถานะการเงินแบบ เรียลไทม์, และเข้าถึง รายงานทางการเงินที่เข้าใจง่าย เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจได้ทันที ไม่ต้องรอปิดงบสิ้นเดือน ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก  รัศมิ์ดารา ใยสวัสดิ์ (คุณดาว)ผู้บริหาร บริษัท สำนักงานเตชะรัศมิ์ จำกัด / ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA)เชี่ยวชาญงานสอบบัญชี ภาษีอากร และที่ปรึกษาธุรกิจ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 25 ปี ครอบคลุมหลากหลายประเภทธุรกิจ พร้อมถ่ายทอดความรู้ด้านบัญชีและการเงินเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการวางแผนธุรกิจได้อย่างมั่นใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

การใช้โปรแกรม

ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งาน PEAK

อ่านบทความเพิ่มเติม

26 Nov 2025

PEAK Account

4 min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 26/11/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 1. เพิ่มการนำเข้าไฟล์ TTB Business One รูปแบบ PDF เวอร์ชันภาษาไทย เพื่อกระทบยอดธนาคาร ช่วยให้ผู้ใช้งานนำเข้าไฟล์เพื่อกระทบยอดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานแพ็กเกจ PRO ขึ้นไป ที่ต้องการนำเข้าไฟล์ธนาคารเพื่อกระทบยอดHighlight : ระบบรองรับการนำเข้าไฟล์รายการเดินบัญชีของธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) เวอร์ชันภาษาไทย (PDF) ได้แล้ว โดยระบบจะอ่านข้อมูลสำคัญ (วันที่ทำรายการ รายละเอียดการทำธุรกรรม ยอดเงินเข้า–ออก) และจับคู่รายการให้อัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้งานเลือกวิธีนำเข้าแบบ “แนะนำกระทบยอดด้วย AI” ช่วยให้ผู้ใช้งานนำเข้าไฟล์เพื่อกระทบยอดได้สะดวกมากยิ่งขึ้น 2. ลดขั้นตอนในการแก้ไขเอกสาร โดยสามารถกดแก้ไข (Easy Edit) และอัปเดตการหัก ณ ที่จ่าย ใน PEAK Tax ทันที เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานหรือนักบัญชีที่มีการยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายด้วยตนเองHighlight : เมื่อมีการกดแก้ไข (Easy Edit) ที่เอกสารและบันทึกในระบบ PEAK หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่อยู่ใน PEAK Tax จะอัปเดตตามให้ทันที ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดเวลาในการทำงานมากยิ่งขึ้นหมายเหตุการแก้ไขจะส่งผลกับเอกสารที่อยู่ในสถานะ “รอยื่นภาษี” เท่านั้น 3. เพิ่มปุ่มเปิด/ปิดการแสดงผลเลขที่เอกสารหัก ณ ที่จ่าย ที่หน้าเอกสารรายจ่าย (Online View) ช่วยให้ผู้ใช้งานกำหนดการแสดงผลข้อมูลตามต้องการได้ เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานทุกแพ็กเกจที่มีการใช้งานเอกสารหัก ณ ที่จ่ายHighlight : ระบบเพิ่มปุ่มเปิด-ปิดให้ควบคุมการแสดงผล “เลขที่เอกสารถูกหัก ณ ที่จ่าย” บน Online View ของเอกสารรายจ่าย ช่วยให้ผู้ใช้งานเลือกได้เองว่าต้องการเปิดเผยข้อมูลหรือไม่ 4. เพิ่มตัวเลือกเปิด-ปิดการใช้งาน Old PEAK ที่เมนูตั้งค่า เหมาะสำหรับ : สำหรับกิจการที่ไม่ได้ใช้งาน Old PEAK แล้ว หรือไม่ต้องการให้ทีมงานย้อนกลับไปใช้งานระบบเดิมHighlight : ระบบเพิ่มตัวเลือกตั้งค่าการแสดงผลที่เมนูตั้งค่าองค์กร เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเปิด-ปิดการใช้งาน Old PEAK ได้ โดยผู้ใช้งานที่ไม่ได้มีการใช้งานหรือไม่ต้องการใช้งาน Old PEAK สามารถปิดการใช้งานได้ ช่วยลดความสับสน และทำให้ทุกคนทำงานบนระบบเดียวกันอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นหมายเหตุ– กิจการที่ถูกสร้าง ก่อนวันที่ 26/11/2025 หากต้องการปิดการใช้งาน Old PEAK จะต้องเข้าไปตั้งค่าปิดด้วยตนเอง– กิจการที่สร้าง หลังวันที่ 26/11/2025 ระบบจะไม่แสดงเมนู Old PEAK ในศูนย์รวมแอปพลิเคชันโดยอัตโนมัติ

26 Nov 2025

PEAK Account

2 min

Update Function PEAK 26/11/2025

PEAK with the new function designed to enhance efficiency. 1. Added support for importing TTB Business One PDF files (Thai version) for bank reconciliation, making it easier for users to upload files and reconcile transactions. Suitable for: Package PRO and above, who need to import bank files for reconciliation Highlight: The system now supports importing Thai-language PDF bank statements from TMBThanachart Bank (TTB). PEAK will read key information (transaction dates, descriptions, credit/debit amounts) and auto-match items when users select the “AI suggested reconcile” method — making reconciliation easier and faster. 2. Made Easy Edit documents with withholding tax automatically update to PEAK Tax, reducing steps required when adjusting withholding tax documents. Suitable for: Users or accountants who file withholding tax manually Highlight: When a document is edited via Easy Edit and saved in PEAK, the corresponding withholding tax certificate in PEAK Tax will update automatically. This helps users save time and avoid duplicate work. Note: 3. Added a toggle button to show/not show withholding tax document numbers in the Online View, giving users more control over what information is displayed. Suitable for: All users who work with withholding tax documents Highlight: A new toggle button allows users to control whether the withheld tax number is displayed on the Online View of expense documents — making it easy to choose what information you want to show or keep hidden. 4. Added an option to Turn on/Turn off Old PEAK in the organization settings. Suitable for: Businesses that no longer use Old PEAK or want to prevent team members from switching back to the old system Highlight: A new display setting has been added to the Organization Settings, allowing users to Turn on/Turn off access to Old PEAK. Businesses that no longer need Old PEAK can now turn it off to reduce confusion and ensure everyone works efficiently on the same platform.

อ่านบทความเพิ่มเติม

ข่าวสาร

อัปเดตข่าวประชาสัมพันธ์ โปรโมชั่น และเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ

อ่านบทความเพิ่มเติม

20 Aug 2025

PEAK Account

14 min

ระเบียบการแข่งขัน PEAK Digital Accounting Championship 2025

ไฟล์ระเบียบการแข่งขัน ประกาศอัปเดตระเบียบการแข่งขัน โครงการค้นหา “สุดยอดว่าที่นักบัญชี” แห่งยุคดิจิทัล ครั้งที่ 2 ประจำปี 2568วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 08.00 – 17.00 น.ณ อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ชั้น 3 ห้อง 301 มหาวิทยาลัยรังสิต 1. วัตถุประสงค์ 1.1 เพื่อสร้างเวทีให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ได้แสดงความสามารถ และทดสอบความรู้การใช้งานโปรแกรมบัญชีออนไลน์1.2 เพื่อกระตุ้นให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา ทบทวน และเพิ่มพูนความรู้ด้านการบัญชี1.3 ส่งเสริมการทํางานร่วมกันเป็นทีม และเสริมสร้างความสามัคคีให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา1.4 มอบโอกาสให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา เข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนจากสถาบันอื่น 2. คุณสมบัติผู้เข้าแข่งขัน 2.1 ผู้เข้าแข่งขันต้องเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือระดับปริญญาตรี โดยต้องมีสถานภาพเป็นนักเรียน นิสิต นักศึกษา ณ วันสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน2.2 สมาชิกทีมละ 2 คน อายุไม่เกิน 25 ปี และศึกษาอยู่สถาบันเดียวกัน 3. ขอบเขตเนื้อหาการแข่งขัน 3.1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับบัญชี และภาษี3.2 การใช้งาน PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์3.3 การวิเคราะห์ และประยุกต์การใช้งาน PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ตามประเภทของธุรกิจ 4. การรับสมัคร 4.1 เปิดรับสมัครตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 25684.2 ทีมผู้เข้าแข่งขันสามารถสมัครผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ เท่านั้น4.3 ปิดรับสมัครการแข่งขันวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ภายในเวลา 23.59 น.4.4 ประกาศผลผู้มีสิทธิ์เข้าแข่งขันในรอบคัดเลือกในวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2568 ผ่านทางเว็บไซต์ อีเมลผู้เข้าแข่งขัน และเฟสบุ๊คแฟนเพจ PEAK – โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAKaccount.com4.5 ผู้เข้าแข่งขันสามารถทำแบบทดสอบรอบคัดเลือกได้โดยจะได้รับลิงก์เข้าสู่ระบบทดสอบ Flexiquiz ผ่านช่องทางอีเมล และจะสามารถเข้าทำแบบทดสอบได้ในวันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568 โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 4.5.1 ผู้เข้าแข่งขันจะต้องทำแบบทดสอบผ่านระบบที่กำหนดเท่านั้น4.5.2 ผู้เข้าแข่งขันแต่ละทีมจะต้องทำแบบทดสอบภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น4.5.3 แต่ละทีมสามารถทำแบบทดสอบได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น หากมีการส่งผลทดสอบ มากกว่า 1 ครั้ง ทางคณะกรรมการจะพิจารณาจากการส่งผลทดสอบครั้งแรกเท่านั้น 4.6 คณะกรรมการจะประกาศรายชื่อทีมที่ผ่านการคัดเลือกจํานวน 50 ทีม เพื่อแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ผ่านทางเว็บไซต์ อีเมลผู้เข้าแข่งขัน และเฟสบุ๊คแฟนเพจ PEAK – โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAKaccount.com ในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 25684.7 คณะกรรมการจะพิจารณาคัดเลือกทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศจากจำนวน 25 ทีมที่มีคะแนนรวมสูงสุดในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) และ 25 ทีมที่มีคะแนนรวมสูงสุดในระดับปริญญาตรี รวมทั้งสิ้น 50 ทีม โดยไม่จำกัดจำนวนทีมต่อสถาบันการศึกษา ทั้งนี้ เพื่อให้การคัดเลือกเป็นไปตามหลักเกณฑ์เดียวกันและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าแข่งขันจากทุกสถาบันสามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเท่าเทียหมายเหตุ: หากทีมใดไม่ปฏิบัติตามข้อกําหนดข้างต้น คณะกรรมการจัดการแข่งขันจะตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน ทั้งนี้คําตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขันถือเป็นที่สิ้นสุด 5. วัน เวลา และสถานที่จัดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ทีมที่ได้รับคัดเลือกทั้ง 50 ทีม ต้องเข้าร่วมแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 เวลา 08.00 – 17.00 น. ณ อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์ ชั้น 3 ห้อง 301 มหาวิทยาลัยรังสิต 6. กำหนดการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ช่วงเช้า 08.00 – 09.00 น. ลงทะเบียนรายงานตัวเข้าแข่งขัน09.00 – 09.30 น. พิธีเปิด และประกาศระเบียบการแข่งขัน09.30 – 10.00 น. ผู้เข้าแข่งขันทุกทีมประจำที่นั่งสอบ10.00 – 10.30 น. สอบแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ส่วนที่ 110.30 – 10.40 น. พักเบรค 10 นาที10.40 – 11.00 น. ผู้เข้าแข่งขันทุกทีมประจำที่นั่งสอบ11.00 – 12.30 น. สอบแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ส่วนที่ 2 และ 3 ช่วงบ่าย 12.30 – 13.30 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน (ไม่มีบริการอาหารกลางวัน)13.30 – 16.30 น. กิจกรรมพิเศษ และแบ่งปันความรู้จากวิทยากร16.30 – 17.00 น. ประกาศผลการแข่งขัน พิธีมอบรางวัล และกล่าวปิดงาน หมายเหตุ : ไม่มีบริการอาหารกลางวันให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน อาจารย์ที่ปรึกษา และผู้ติดตาม ผู้เข้าสอบต้องนั่งประจำที่สอบ ก่อนเวลาสอบ อย่างน้อย 10 นาที 7. รูปแบบและเกณฑ์การพิจารณาในการตัดสินผลการแข่งขัน การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 รอบ ได้แก่ รอบคัดเลือก และรอบชิงชนะเลิศ โดยแต่ละรอบมีเกณฑ์ และรายละเอียด ดังนี้ 7.1  รอบคัดเลือก เป็นการตอบคําถามรูปแบบปรนัย และอัตนัยผ่านระบบออนไลน์ รวม 20 คะแนน โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาที โดยมีเกณฑ์การพิจารณารอบคัดเลือก ดังนี้ 7.2  รอบชิงชนะเลิศ รอบชิงชนะเลิศประกอบด้วยการสอบ 3 ส่วน ผลรวม 80 คะแนน โดยแต่ละส่วนมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ส่วนที่ 1 การวิเคราะห์โครงสร้างธุรกิจ (20 คะแนน)เป็นการตอบคําถามรูปแบบปรนัย และอัตนัยผ่านระบบออนไลน์ โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 30 นาทีเนื้อหาประกอบด้วย วิเคราะห์กิจกรรมหลักของธุรกิจจำลอง ความสัมพันธ์ของโครงสร้างทางการเงิน การสรุปประเด็นสำคัญ ส่วนที่ 2 การใช้งานโปรแกรม PEAK และเครื่องมืออื่นในงานบัญขี (40 คะแนน)เป็นการบันทึกบัญชีตามโจทย์ที่กําหนดให้ พร้อมนําข้อมูลทางบัญชีมาวิเคราะห์ และตอบคําถาม โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 60 นาทีเนื้อหาประกอบด้วย การบันทึกรายการบัญชีในระบบ PEAK การใช้เครื่องมือเพื่อช่วยในงานบัญชี เช่น AI, Excel การจัดทำรายงานสรุปข้อมูลบัญชี และภาษี ส่วนที่ 3 การวิเคราะห์ข้อมูล (20 คะแนน)เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทําข้อสอบส่วนที่ 2 โดยใช้ระยะเวลาในการสอบ 30 นาทีเนื้อหาประกอบด้วย วิเคราะห์งบการเงิน และอัตราส่วนทางการเงิน วิเคราะห์แนวโน้มจากข้อมูลบัญชี เช่น รายได้เพิ่มขึ้น/ลดลง, ต้นทุนสูงผิดปกติ, ลูกหนี้เกินกำหนด ฯลฯ เสนอแนวทางแก้ไข หรือพัฒนาธุรกิจ การนำเสนอความคิดเห็นเข้าใจง่าย และตรงประเด็น 8. ข้อปฏิบัติในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ 8.1 ผู้เข้าแข่งขันต้องนําโน้ตบุ๊กมาจํานวน 1 เครื่อง ต่อ 1 ทีม โดยทางบริษัทจะจัดเตรียมปลั๊กชาร์จไฟสําหรับโน้ตบุ๊ก และ Wifi ให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน8.2 ผู้เข้าแข่งขันทุกคนต้องแต่งกายด้วยชุดนักเรียน นิสิต นักศึกษา ของสถาบัน8.3 ผู้เข้าแข่งขันทุกคนในทีมต้องรายงานตัวพร้อมกัน และแสดงบัตรประจําตัวนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือบัตรประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ ภายในเวลาลงทะเบียน มิฉะนั้นจะถือว่าสละสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน8.4 ห้ามผู้เข้าแข่งขันนําเครื่องเขียน เครื่องมือสื่อสาร เครื่องคํานวณ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ รวมถึงนาฬิกา Smart Watch เข้าแข่งขัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่จะมีการจัดเตรียมเครื่องเขียน และกระดาษทดให้แก่ผู้เข้าแข่งขัน8.5 ห้ามผู้เข้าแข่งขันยืมอุปกรณ์ใด ๆ จากผู้เข้าแข่งขันทีมอื่นขณะแข่งขัน8.6 ห้ามผู้เข้าแข่งขันกระทําการใด ๆ ที่ทุจริต หรือส่อเจตนาทุจริต8.7 ผู้เข้าแข่งขันที่มีอาการไข้ไอ เจ็บคอ หรือมีน้ำมูก หรือผลการตรวจ ATK เป็นบวก จะไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ แต่สามารถแข่งขันด้วยจํานวนสมาชิกที่เหลือได้ หมายเหตุ : หากฝ่าฝืนข้อปฏิบัติในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ คณะกรรมการจัดการแข่งขันจะตัดสิทธิ์จากการแข่งขัน ทั้งนี้คําตัดสินของคณะกรรมการจัดการแข่งขันถือเป็นที่สิ้นสุด 9. รางวัลการแข่งขัน ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) รางวัลชนะเลิศ : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 1 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 8,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 2 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลชมเชย : เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 2,000 บาท จํานวน 2 รางวัล ระดับปริญญาตรี รางวัลชนะเลิศ : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 15,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 1 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 8,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รองชนะเลิศอันดับที่ 2 : โล่รางวัล เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 5,000 บาท จำนวน 1 รางวัล รางวัลชมเชย : เกียรติบัตร และเงินรางวัล มูลค่า 2,000 บาท จํานวน 2 รางวัล ทั้งนี้สมาชิกของทีมที่เข้ารอบชิงชนะเลิศทั้ง 50 ทีม จะได้รับเกียรติบัตรโดย PEAK 10. ผู้รับผิดชอบโครงการ บริษัท พี ยู ยู เอ็น อินเทลลิเจนท์ จำกัด

4 Jul 2025

PEAK Account

5 min

สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เปิดเว็บกับ MakeWebEasy ลดสูงสุด 20%

สำหรับผู้ประกอบการและธุรกิจที่ใช้ PEAK อยู่แล้ว และกำลังมองหาช่องทางออนไลน์ในการเริ่มโปรโมทธุรกิจ หรือขยายธุรกิจบนออนไลน์ การสร้างเว็บไซต์ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยังคงมีประสิทธิภาพและสร้างความน่าเชื่อถือให้ธุรกิจได้เป็นอย่างดี วันนี้ PEAK ได้ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ MakeWebEasy แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปของไทย ที่ทำให้ทุกธุรกิจเติบโตบนออนไลน์มามากกว่า 9,000 ธุรกิจ ขอมอบโปรโมชั่นสุดคุ้มที่ออกแบบมาให้ธุรกิจของคุณสามารถขยายตลาดบนออนไลน์ได้แบบครบครัน เลือกได้เลยตามความต้องการของคุณเอง 3 โปรโมชันเด็ด เฉพาะ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK เท่านั้น! สิทธิพิเศษแรก รับส่วนลด 10% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ของ MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเริ่มต้นมีเว็บไซต์อย่างรวดเร็วด้วยเทมเพลตเว็บไซต์ที่เรามีให้ สร้างสรรค์เว็บไซต์ได้ด้วยตัวเอง พร้อมฟีเจอร์ที่ทุกธุรกิจต้องการ เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ระบบบทความ รองรับโค้ดสำหรับการทำโฆษณาในทุกช่องทาง     อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-package  สิทธิพิเศษที่สอง รับส่วนลด 15% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ และบริการเสริมจาก MakeWebEasy เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการมากกว่าเว็บไซต์พื้นฐาน โดยคุณสามารถเลือกรับบริการเสริม 1 บริการ เพื่อเสริมประสิทธิภาพของเว็บไซต์ให้โดดเด่นมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว สวยงาม และใช้งานง่าย ทีมออกแบบมืออาชีพของ MakeWebEasy จะช่วยสร้างสรรค์เว็บไซต์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์คุณได้อย่างโดดเด่น ทำให้เว็บไซต์ของคุณดูน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้ามากขึ้น อ่านรายละเอียดบริการ : www.makewebeasy.com/th/website-design  สำหรับผู้ที่ต้องการให้เว็บไซต์เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นผ่านการทำการตลาด โดยโปรโมทเว็บไซต์ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น การทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน Google หรือการทำโฆษณาออนไลน์อย่าง Google Ads เพื่อเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์อย่างรวดเร็วและสร้างยอดขายได้ทันที อ่านรายละเอียดบริการ SEO : www.makewebeasy.com/th/seo-suggestion  อ่านรายละเอียดบริการ Google : www.makewebeasy.com/th/google-adwords  สิทธิพิเศษที่สาม รับส่วนลด 20% เมื่อซื้อแพ็กเกจเว็บไซต์ บริการออกแบบเว็บไซต์ + การตลาดออนไลน์ จาก MakeWebEasy แพ็กเกจที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชั่นทางธุรกิจออนไลน์แบบครบวงจร  เริ่มตั้งแต่การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง การออกแบบเว็บไซต์ที่เป็นเอกลักษณ์จากทีมดีไซน์เนอร์ ไปจนถึงการทำการตลาดออนไลน์ผ่านการวางโครงสร้างที่ถูกหลัก SEO และยิงโฆษณาให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักและสร้างยอดขายด้วย Google Ads  ________________________________ สิทธิพิเศษลูกค้า PEAK จาก MakeWebEasy หากคุณกำลังจะสร้างเว็บไซต์ใหม่ เวลานี้คุ้มที่สุด เพราะเราพร้อมมอบสิทธิพิเศษในการใช้บริการเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ในราคาที่พิเศษกว่าใคร วันนี้ – 31 สิงหาคม 2568 เท่านั้น สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่  ________________________________ สอบถามรายละเอียดบริการสร้างเว็บไซต์กับ MakeWebEasy Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b  Call : 022177999 

อ่านบทความเพิ่มเติม