โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่ช่วยให้คุณจัดการธุรกิจได้ดีขึ้น ให้ธุรกิจคุณเติบโตได้มากกว่าเดิม

โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่มีครบทุกฟังก์ชันด้านบัญชี การจัดการงานเอกสารภายในธุรกิจ ช่วยให้คุณจัดการงานบัญชีได้มีประสิทธิภาพ เป็นระบบ และนำข้อมูลไปใช้ในการตัดสินใจได้

  • เอกสารรายรับ : ออกเอกสารในธุรกิจ ใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ใบลดหนี้/เพิ่มหนี้ และใบวางบิล ในรูปแบบเอกสารที่สวยงาม ดูเป็นมืออาชีพ รองรับการรับชำระเงินบนใบแจ้งหนี้ และออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) อัตโนมัติ สามารถตั้งรอบการส่งเอกสารได้
  • เอกสารรายจ่าย : บันทึกค่าใช้จ่าย ออกใบหัก​ ณ ที่จ่าย ออกใบสั่งซื้อ และจัดการซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายด้วย PEAK AI ที่ช่วยจดจำ และแนะนำบันทึกรายการ รวมไปถึงการออกหนังสือรับรองแทนใบเสร็จรับเงินช่วยให้คุณบันทึกค่าใช้จ่ายได้ครบถ้วน
  • ข้อมูลธุรกิจ : จัดเก็บและติดตามข้อมูลลูกค้า ประวัติการซื้อขาย ระยะเวลาเฉลี่ยที่ลูกค้าชำระเงิน สินค้า และต้นทุนขาย พร้อมรายงานการเคลื่อนไหวสินค้า รู้ว่าสินค้าไหนขายดี ลูกค้าแต่ละคนชอบอะไร
  • จัดการการเงินและบัญชี : สรุปผลประกอบการที่สำคัญได้ในแบบเรียลไทม์ รองรับงานบัญชีครบถ้วน เช่น สมุดบัญชีรายวัน รายงานแยกประเภท งบกำไรขาดทุน งบฐานะการเงิน และงบกระแสเงินสด ช่วยให้คุณจัดการการเงินในธุรกิจด้วยปฏิธินเงินเข้าออก พร้อม AI ที่ช่วยกระทบยอดเคลื่อนไหวธนาคารให้อัตโนมัติ
  • จัดการภาษี : ช่วยทำรายงาน และสรุปแบบภาษี ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภ.พ. 30 และภาษีหัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.2, ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.53 ให้คุณจัดการภาษีได้ง่ายอย่างเป็นระบบ มาพร้อม PEAK AI ที่ช่วยตรวจสอบแบบภาษีให้คุณอีกครั้งหนึ่งก่อนสร้างแบบด้วย

30,000+

กิจการ

วางใจใช้งาน PEAK

1,800

สำนักงานบัญชี

ที่ช่วยดูแลลูกค้าร่วมกับเรา

8

ล้านเอกสาร/เดือน

เอกสารที่สร้างจากระบบ

80,000

ล้านบาท/เดือน

มูลค่ารายการค้าต่อเดือน

ระบบต่างๆของโปรแกรมบัญชี PEAK

การจัดการด้านรายรับ

จัดการเอกสารธุรกิจได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และแม่นยำยิ่งขึ้นด้วย PEAK
PEAK ช่วยให้คุณออกใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน และใบกำกับภาษีได้อย่างครบถ้วน พร้อม AI อัจฉริยะ ที่จดจำรายการสินค้าและราคาขายเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย ลดเวลาทำงานเอกสาร และช่วยให้คุณดูแลลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ


ปรับแต่งเอกสารได้อย่างยืดหยุ่น ตามสไตล์ธุรกิจของคุณ
ไม่ว่าจะเป็นชื่อเอกสาร สี โลโก้ หรือการเปิด/ปิดข้อความ PEAK ให้คุณปรับแต่งเอกสารได้อย่างยืดหยุ่น นอกจากนี้ PEAK ยังรองรับ e-Tax Invoice และการส่งออกเอกสารได้หลายช่องทาง ทั้ง PDF, Email และลิงก์เข้าดูแบบปลอดภัย พร้อมตัวเลือกการรับชำระเงินที่ครบครัน ทั้ง QR Payment, บัตรเครดิต และการผ่อนชำระ เพื่อให้กระบวนการทางการเงินของคุณ เป็นระบบและไม่มีสะดุด


ลดงานซ้ำซ้อน ด้วยระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่อที่ทรงพลัง
สำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการเอกสารจำนวนมาก PEAK มี ระบบ API อัตโนมัติ ที่ช่วยสร้างเอกสารนับล้านฉบับต่อเดือน ลดงานซ้ำซ้อน และรองรับการเชื่อมต่อ/การนำเข้าไฟล์รายงานกับแพลตฟอร์มชั้นนำ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop และอีกมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็น SME หรือธุรกิจขนาดใหญ่ PEAK พร้อมช่วยให้การจัดการเอกสารของคุณ ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น และมีประสิทธิภาพสูงสุด ทดลองใช้เลย!

จุดเด่นของ PEAK

การสร้างเอกสาร : รองรับการสร้างเอกสารต่างๆฝั่งรายได้ ทั้ง ใบเสนอราคา ใบรับเงินมัดจำ ใบแจ้งหนี้ ใบวางบิล ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้ พร้อม AI ที่ช่วยจดจำสินค้า และราคาขายให้กับลูกคา้แต่ละรายได้

ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ : รองรับการออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) ทั้งแบบ Time Stamp (เดิม by Email) หรือแบบ e-Tax Invoice/e-Receipt

แก้ไขเอกสารได้ยืดหยุ่น : แก้ไขรูปแบบเอกสารได้หลากหลาย เช่น ชื่อเอกสาร สี คำเรียก ชื่อโครงการ ชื่อพนักงานขาย การเปิด/ปิดวันที่ ราคาแบบรวมหรือแยกภาษี ทำให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าของคุณ ให้ลูกค้าคุณสบายใจ

ส่งออกเอกสารได้หลายรูปแบบ : สามารถส่งออกเอกสารได้ทั้งในรูปแบบไฟล์ PDF ส่งอีเมล หรือลิงค์เอกสาร ที่สามารถกำหนดรหัสผ่านในการเข้าดู เปิด/ปิดการแสดงตราประทับ หรือลายเซ็น เพื่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

รับชำระเงินบนเอกสาร : รองรับการรับชำระเงินบนใบแจ้งหนี้ ทั้งโอนเงินผ่าน QR Payment, Internet Banking การชำระผ่านบัตรเครดิต หรือแม้แต่ให้ลูกค้าผ่อนชำระเงินก็ได้ และสามารถกำหนดให้ระบบออกและส่งใบเสร็จฯให้ลูกค้าได้อัตโนมัติเมื่อการชำระเงินสำเร็จแล้ว

นำเข้าเอกสารได้ : รองรับการนำเข้าเอกสาร (Import) จากไฟล์ Excel ทำให้คุณสามารถนำเข้าจากระบบ POS หรือระบบการขายอื่นๆได้ รวมไปถึงไฟล์ Excel รายงานที่มาจากระบบการขายอื่นๆโดยตรง เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, FoodStory, ZWIZ เป็นต้น

สร้างรายการอัตโนมัติผ่าน API : PEAK รองรับการเชื่อมต่อเพื่อสร้างรายการอัตโนมัติผ่าน API โดยในแต่ละเดือนมีเอกสารมากกว่าล้านฉบับที่ถูกสร้างอัตโนมัติ ทดแทนการทำงานของมนุษย์ สามารถเชื่อมต่อกับระบบที่พัฒนาขึ้นมาเอง หรือการเชื่อมต่อสำเร็จจากระบบต่อไปนี้ เช่น Shopee, Lazada, LINE Shopping, ZORT, Shipnity, JSTERP, SeniorSoft POS และอีกหลายระบบ

การจัดการด้านรายจ่าย

จัดการค่าใช้จ่ายธุรกิจได้ง่ายขึ้น แม่นยำขึ้น และเป็นระบบมากขึ้น
หมดปัญหาการบันทึกค่าใช้จ่ายที่ยุ่งยาก ด้วย PEAK ที่ช่วยให้คุณสร้างและจัดการเอกสารรายจ่าย เช่น ใบสั่งซื้อ ใบสำคัญจ่าย บันทึกซื้อสินค้า และค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน พร้อม AI อัจฉริยะ ที่เรียนรู้พฤติกรรมของคุณ และแนะนำค่าใช้จ่ายที่คุณมีโอกาสบันทึกสูงสุด ช่วยลดเวลาการทำงานและลดข้อผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล


ยืดหยุ่นและแม่นยำ ติดตามค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
PEAK ช่วยให้คุณจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายได้ตามโครงการ แผนก หรือประเภทค่าใช้จ่ายต้องห้าม เพื่อการควบคุมต้นทุนที่ดียิ่งขึ้น รองรับการตัดชำระจากช่องทางการเงินต่างๆ เช่น เงินสดย่อย ธนาคาร หรือเช็ค พร้อมฟังก์ชัน กระทบยอดค่าใช้จ่ายอัตโนมัติจาก Bank Statement และรองรับการบันทึกค่าใช้จ่ายหลายรายการพร้อมกัน รวมถึงการนำเข้าไฟล์ Excel ทำให้การทำงานรวดเร็วและแม่นยำขึ้น


ลดงานซ้ำซ้อน ด้วยระบบอัตโนมัติและการเก็บเอกสารออนไลน์
PEAK สามารถ สร้างบันทึกค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ สำหรับรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการต่างๆ พร้อมฟีเจอร์ OCR สแกนใบเสร็จ ผ่านแอปบนมือถือ ช่วยให้คุณบันทึกค่าใช้จ่ายได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเล็กหรือใหญ่ PEAK พร้อมช่วยให้การบริหารค่าใช้จ่าย ง่ายขึ้น ประหยัดเวลาขึ้น และแม่นยำมากขึ้น ทดลองใช้เลย!

จุดเด่นของ PEAK

จัดการเอกสารด้านซื้อ/ค่าใช้จ่าย : รองรับการสร้างเอกสารต่างๆฝั่งรายจ่าย ทั้งใบสั่งซื้อ ใบจ่ายเงินมัดจำ ใบสำคัญจ่าย บันทึกซื้อสินค้า บันทึกซื้อสินทรัพย์ บันทึกค่าใช้จ่าย รับใบลดหนี้ รับใบเพิ่มหนี้ รวมจ่ายเงิน เป็นต้น

มี AI ช่วยบันทึกรายการ : มี AI เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน และแนะนำค่าใช้จ่ายที่คุณมีโอกาสที่จะบันทึกสูง เพื่อช่วยให้คุณบันทึกรายการได้เร็วมากยิ่งขึ้น

บันทึกรายการที่ยืดหยุ่น : สามารถตัดชำระค่าใช้จ่ายได้ยืดหยุ่น ทั้งการตัดชำระเงินจากช่องทางการเงินต่างๆ ทั้งเงินสดย่อย ธนาคาร หรือเช็ค และยังปรับปรุงเพื่อเพิ่มค่าธรรมเนียม ตัดชำระกับเอกสารใบลดหนี้ที่รับมา หรือตัดกับบัญชีที่กำหนดได้ รองรับการบันทึกรายการค้าที่ยืดหยุ่น

จัดประเภทค่าใช้จ่าย : สามารถใช้กลุ่มจัดประเภทกำหนดประเภทของค่าใช้จ่ายตามโครงการ ตามแผนก เป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม หรือมิติต่างๆ ที่ใช้ติดตามได้ ให้คุณควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สร้างบันทึกค่าใช้จ่ายอัตโนมัติ : สามารถกำหนดให้ระบบ PEAK สร้าง หรือร่างบันทึกค่าอัตโนมัติเป็นประจำทุกเดือน เหมาะสำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นประจำ เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าบริการซอฟท์แวร์ โดยคุณสามารถแก้ไขจำนวนเงินแต่ะเดือนได้ ช่วยให้ไม่ตกหล่นค่าใช่จ่ายประจำต่างๆ

บันทึกค่าใช้จ่ายหลายรายการพร้อมกัน : รองรับการนำเข้าเอกสาร (Import) จากไฟล์ Excel หรือจะสร้างบันทึกค่าใช้จ่ายหลายรายการ หลายใบกำกับภาษีซื้อพร้อมกันในหน้าก็ได้ เหมาะกับการคีย์เงินสดย่อย หรือรายการเล็กๆ จำนวนมาก

คลังเอกสารเก็บภาพถ่ายใบเสร็จ : คุณสามารถใช้แอป PEAK บนมือถือในการถ่ายรูปเอกสารใบเสร็จรับเงินที่คุณได้จ่ายไป ให้ระบบช่วยบันทึกรายการให้จาก OCR ​และ AI พร้อมทั้งเก็บไฟล์ใบเสร็จหลักฐานเพื่อง่ายในการตรวจสอบย้อนหลังได้

บันทึกค่าใช้จ่ายจาก Bank Statement : คุณสามารถอัพโหลดไฟล์รายการเคลื่อนไหวธนาคาร (Bank Statement) เข้าไปในระบบ แล้วสร้างบันทึกรายการที่เกิดขึ้นจากรายการเคลื่อนไหวธนาคารได้เลย โดยจะมี PEAK AI ช่วยบันทึกรายการ และระบบจะกระทบยอดธนาคารให้ด้วยอัตโนมัติ

การจัดการข้อมูลคู่ค้า (ลูกค้า/ผู้ขาย)

บริหารความสัมพันธ์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เพิ่มยอดขายอย่างมั่นใจ ด้วย PEAK
จัดการข้อมูลลูกค้าแบบมืออาชีพ ด้วย ประวัติการซื้อขายย้อนหลัง ที่ช่วยให้คุณดูยอดขายรวม สินค้าหรือบริการที่ลูกค้าซื้อบ่อย และพฤติกรรมการชำระเงิน พร้อมรายงาน Aging AR เพื่อช่วยให้คุณบริหารลูกหนี้ได้แม่นยำขึ้น นอกจากนี้ PEAK ยังช่วย คำนวณวันรับเงินเฉลี่ย ทำให้คุณคาดการณ์กระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ควบคุมความเสี่ยงในการขายเชื่อได้ง่ายขึ้น
หมดกังวลเรื่องลูกค้าค้างชำระ ด้วยฟีเจอร์ กำหนดวงเงินขายเชื่อ และ เครดิตเทอมตามลูกค้า ที่ช่วยให้คุณบริหารความเสี่ยงได้อย่างยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดในระดับนโยบายสำหรับลูกค้าทุกราย หรือปรับเฉพาะเจาะจงเป็นรายบุคคล นอกจากนี้ คุณยังสามารถกำหนด บัญชีลูกหนี้-เจ้าหนี้รายตัว เพื่อให้ตรงกับลักษณะของธุรกิจ เช่น ลูกหนี้ในประเทศ ลูกหนี้ต่างประเทศ หรือบริษัทในเครือ


ติดตามลูกค้าได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบควบคุมข้อมูลที่ปลอดภัย
PEAK ช่วยให้คุณ จัดกลุ่มคู่ค้า ตามพนักงานขาย เขตการขาย หรือประเภทของลูกค้าเพื่อการติดตามที่ง่ายขึ้น และยังให้คุณ ควบคุมการเข้าถึงข้อมูล ของผู้ใช้งานในระบบ กำหนดได้ว่าพนักงานแต่ละคนสามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้า หรือผู้ขายรายใดได้บ้าง ทำให้ข้อมูลสำคัญของคุณ ปลอดภัยและเป็นระเบียบ ให้ระบบช่วยคุณจัดการลูกค้าด้วยความแม่นยำและประสิทธิภาพที่เหนือกว่า ทดลองใช้ได้แล้ววันนี้

จุดเด่นของ PEAK

ประวัติการซื้อขายกับคู่ค้า : ดูประวัติการซื้อขายย้อนหลังกับลูกค้าแต่ละราย พร้อมสรุปยอดขายรวมตลอด สรุปรายได้ที่ได้จากลูกค้ารายนี้ว่ามาจากสินค้า/บริการใดบ้าง พร้อมสรุปพฤติกรรมการชำระเงินของลูกค้า คำนวณวันรับเงินเฉลี่ยว่านานมั้ยกว่าลูกค้าจะจ่ายเงิน พร้อมสร้างรายงานลูกหนี้ตามอายุ (Aging AR report)

กำหนดวงเงินขายเชื่อตามลูกค้า : ป้องกันไม่ให้คุณขายเชื่อให้กับลูกค้ารายใดรายหนึ่งมากเกินไป คุณสามารถกำหนดวงเงินขายเชื่อได้ในระดับนโยบายครอบคลุมลูกค้าทุกราย หรือกำหนดวงเงินเฉพาะของลูกค้าแต่ละรายก็ได้

กำหนดเครดิตเทอมตามลูกค้า : คุณสามารถกำหนดเครดิตเทอมได้ทั้งในระดับนโยบายครอบคลุมลูกค้าทุกราย หรือกำหนดให้เครดิตเทอมเป็นการเฉพาะในแต่ละรายก็ได้ และกำหนดเครดิตเทอมได้ยืดหยุ่น ทั้งจำนวนวันหลังออกใบแจ้งหนี้ หรือเป็นวันที่เท่าไหร่ของเดือน หรือวันที่สิ้นเดือน เพื่อให้ตรงกับการทำงานจริงในการขายให้กับลูกค้าแต่ละราย

กำหนดบัญชีลูกหนี้ เจ้าหนี้รายตัว : คุณสามารถกำหนดบัญชีที่บันทึกลูกหนี้ หรือเจ้าหนี้สำหรับคู่ค้าแต่ละรายได้ เช่น ลูกหนี้ในประเทศ ลูกหนี้ต่างประเทศ ลูกหนี้บริษัทในเครือ หรือมิติอื่นๆนอกเหนือไปจากลูกหนี้การค้าปกติได้

จัดกลุ่มคู่ค้าได้ : การแบ่งลูกค้า หรือคู่ค้าเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายในการติดตาม เช่น การแบ่งกลุ่มลูกค้าให้กับพนักงานขายแต่ละราย หรือแบ่งตามเขตการขาย ให้คุณติดตามกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น

ควบคุมการเข้าถึงรายชื่อลูกค้าได้ : PEAK สามารถกำหนดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งานแต่ละรายได้ โดยคุณสามารถกำหนดประเภทของคู่ค้าว่ารายใดเป็นลูกค้า รายใดเป็นผู้ขาย เพื่อกำหนดการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เท่ากันของผู้ใช้งานแต่ละรายในระบบได้

จัดการข้อมูลสินค้า และสต๊อก

จัดการข้อมูลสินค้าและสต๊อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หมดปัญหาการกำหนดราคาขายที่ยุ่งยาก PEAK ช่วยให้คุณสร้างราคาหรือส่วนลดมาตรฐานได้หลากหลาย พร้อม AI อัจฉริยะ ที่จดจำราคาที่เคยขายให้ลูกค้าแต่ละรายโดยอัตโนมัติ ลดเวลาค้นหาข้อมูลเก่า นอกจากนี้ คุณยังสามารถ เพิ่มรูปภาพสินค้า ลงในใบเสนอราคาเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้เร็วขึ้น


สต๊อกแม่นยำ คำนวณต้นทุนอัตโนมัติ รู้ต้นทุน-กำไรแบบเรียลไทม์
PEAK ช่วยให้การจัดการสต๊อกเป็นระบบมากขึ้น โดยการ บันทึกสินค้าเป็นล๊อท ในทุกการซื้อ-ขาย รับคืน หรือส่งคืนสินค้า พร้อม คำนวณต้นทุนขายให้อัตโนมัติ ตามวิธี Perpetual Costing หรือ Periodic Costing และรองรับ FIFO เพื่อให้คุณรู้กำไรขั้นต้นจากการขายแบบเรียลไทม์ ไม่ต้องรอปรับปรุงต้นทุนตอนปลายปี


วิเคราะห์ยอดขายและต้นทุนอย่างแม่นยำ
ดู ประวัติการซื้อขายของสินค้ารายตัว พร้อมสรุปยอดขาย ต้นทุน และกำไรขั้นต้น วิเคราะห์ได้ว่าใครคือลูกค้าหลักของสินค้านั้นในแต่ละช่วงเวลา และยังสามารถ กำหนดบัญชีขาย บัญชีต้นทุน และบัญชีซื้อ ให้เป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน ช่วยให้คุณดูงบกำไรขาดทุนได้ในมิติที่เป็นประโยชน์ต่อการวางแผนธุรกิจ ทดลองใช้ PEAK วันนี้ แล้วให้ระบบช่วยคุณจัดการสต๊อกและต้นทุนอย่างมืออาชีพ

จุดเด่นของ PEAK

กำหนดราคามาตรฐานได้หลากหลาย : สร้างราคา หรือส่วนลดมาตรฐานได้หลากหลาย พร้อม AI ช่วยจดจำราคาที่ขายให้กับลูกค้าแต่ละรายที่อาจจะไม่เท่ากัน ช่วยลดเวลาที่คุณจะต้องย้อนกลับไปดูราคาเดิมที่เคยขาย

จัดการสต๊อกสินค้าเป็นล๊อท : PEAK ช่วยจัดการสต๊อกให้คุณได้ โดยการซื้อแต่ละครั้ง ระบบจะสร้างสินค้าเป็นล๊อท และสรุปรายการเคลื่อนไหวของสินค้า ทั้งการซื้อ การขาย การส่งคืน หรือรับคืนสินค้า ช่วยให้คุณจัดการสต๊อกได้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น

คำนวณต้นทุนขายให้อัตโนมัติ : ให้ PEAK ช่วยคำนวณต้นทุนขายให้ทันทีที่ขาย (เรียกว่า “วิธีต้นทุนต่อเนื่อง” หรือ “Perpetual Costing”) เพื่อให้คุณสามารถรู้กำไรขั้นต้นจากการขายสินค้าได้ทันที ไม่ต้องรอนับสต๊อกสินค้าปลายปี เพื่อปรับปรุงต้นทุนขาย (เรียกว่า “วิธีต้นทุนช่วง” หรือ “Periodic Costing”) ทั้งนี้โปรแกรม PEAK รองรับทั้ง 2 วิธี ด้วยสมมติฐานการคำนวณต้นทุนแบบเข้าก่อนออกก่อน หรือ FIFO

สรุปประวัติซื้อขายสินค้ารายตัว : สรุปยอดขาย ต้นทุน และกำไรขั้นต้นของสินค้ารายตัว พร้อมประวัติการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนที่ซื้อ หรือราคาที่ขายไป และคำนวณให้ว่าใครเป็นลูกค้าที่ซื้อสินค้านี้มากที่สุดในแต่ละช่วงเวลา ช่วยให้คุณมีข้อมูลในหลากหลายมิติในการตัดสินใจมาหขึ้น

เพิ่มรูปภาพสินค้าได้ เพิ่มโอกาสการขาย : คุณสามารถเพิ่มรูปภาพสินค้า/บริการของคุณ และให้ไปแสดงในใบเสนอราคาได้ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจ เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าจดจำ และเพิ่มโอกาสการปิดการขายได้ดีขึ้น

กำหนดบัญชีขาย บัญชีซื้อ บัญชีต้นทุนได้ : ให้คุณมีมิติข้อมูลบัญชีที่เป็นประโยชน์มากยิ่งขึ้น คุณสามารถกำหนดบัญชีขายให้เป็นรายได้ตามกลุ่มรายได้ต่างๆ เช่น รายได้จากการขายสินค้ากลุ่ม A รายได้จากการให้บริการกลุ่ม B เพื่อให้คุณสามารถดูงบกำไรขาดทุนได้มีมิติที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจได้ดีขึ้น

บริหารจัดการข้อมูลการเงิน

เห็นภาพรวมการเงินครบทุกมิติ วางแผนได้อย่างมั่นใจ ด้วย PEAK
จัดการการเงินของธุรกิจให้เป็นระบบ ด้วแดชบอร์ดการเงิน ที่รวบรวมข้อมูลทุกบัญชีไว้ในหน้าเดียว ไม่ว่าจะเป็นเงินสดย่อย เงินฝากธนาคาร e-Wallet หรือช่องทางการขายออนไลน์ ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมสถานะการเงินได้ทันที พร้อม ปฏิธินเงินเข้า-ออก ที่แสดงรายการที่เกิดขึ้นและคาดการณ์รายการล่วงหน้า ทำให้คุณสามารถบริหารกระแสเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากปัญหาเงินสดขาดมือ

ลดงานซ้ำซ้อน ด้วยระบบกระทบยอดธนาคารอัตโนมัติ
เพียงอัปโหลด Bank Statement ระบบ PEAK AI จะช่วยกระทบยอดรายการ ตรวจสอบความถูกต้องของบัญชี และสร้างบันทึกรายการรายรับ-รายจ่ายให้อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นการออกใบเสร็จ รับชำระเงิน หรือจ่ายค่าใช้จ่าย ลดเวลาในการกระทบยอดธนาคารได้มากกว่า 90% และช่วยให้ข้อมูลบัญชีของคุณแม่นยำขึ้น รองรับการติดตามเงินสดย่อย และการสำรองจ่ายเงินแบบเป็นระบบ

ควบคุมเอกสารการเงินได้ครบถ้วน ไม่มีตกหล่น
PEAK ยังช่วยให้คุณติดตาม ใบหัก ณ ที่จ่าย ทั้งที่ได้รับและที่ต้องส่งออก พร้อมฟังก์ชันแนบไฟล์เอกสาร เพื่อให้คุณจัดเก็บข้อมูลภาษีได้อย่างเป็นระเบียบและค้นหาง่าย ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเล็กหรือใหญ่ PEAK พร้อมช่วยให้คุณ เห็นภาพรวม วางแผนได้แม่นยำ และบริหารการเงินอย่างมืออาชีพ ทดลองการใช้งานได้ฟรี เริ่มได้เลยวันนี้

จุดเด่นของ PEAK

รวบรวมข้อมูลทุกบัญชีไว้ในหน้าเดียว : รวบรวมข้อมูลทุกช่องทางการเงินของคุณไว้ในหน้าเดียว ทั้งเงินสดย่อย เงินฝากธนาคาร กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ช่องทางการขายของออนไลน์ หรือสำรองรับเงินจ่ายเงิน ให้คุณได้เห็นภาพรวมการเงินของกิจการคุณได้ในที่เดียว

ปฏิธินการเคลื่อนไหวเงินเข้าออก : PEAK นำเสนอข้อมูลเงินเข้า เงินออก และเงินที่จะเข้า เงินที่จะออก มาให้คุณได้เห็นในรูปแบบปฏิธินที่เข้าใจง่าย ช่วยให้คุณสามารถวางแผนการเงินของคุณได้อย่างเหมาะสม ไม่ต้องกลัวเงินไม่พอแบบไม่รู้ตัว

กระทบยอดธนาคารอัตโนมัติ : เพียงนำเข้าไฟล์รายการเคลื่อนไหวธนาคารจากระบบของธนาคาร PEAK AI จะช่วยกระทบยอดรายการ ตรวจเช็คระหว่างรายการที่บันทึกบัญชี กับรายการเคลื่อนไหวของเงินจริงๆได้ ทำให้คุณไม่หลุดลืมบันทึกรายการที่สำคัญ และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับข้อมูลบัญชีของกิจการคุณ ด้วยระบบอัตโนมัติที่ลดเวลาการทำงานของคนลงไปได้กว่า 90% ในขั้นตอนการกระทบยอดธนาคาร

บันทึกรายการจาก Bank Statement : คุณสามารถอัพโหลดไฟล์รายการเคลื่อนไหวธนาคาร (Bank Statement) เข้าไปในระบบ แล้วสร้างบันทึกรายการที่เกิดขึ้น รองรับทั้งการสร้างเอกสารฝั่งรายได้ เช่น การออกใบเสร็จ การบันทึกรับชำระเงินจากลูกหนี้ หรือรายการฝั่งรายจ่าย เช่น การบันทึกค่าใช้จ่าย การบันทึกจ่ายชำระเงินให้เจ้าหนี้ หรือแม้แต่การโอนเงินระหว่างบัญชีธนาคารด้วยกัน พร้อมมี PEAK AI ที่เรียนรู้การทำรายการของคุณ และช่วยให้การทำบัญชีรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

ติดตามสำรองรับ-จ่าย เงินสดย่อย : คุณสามารถสร้างเงินสดย่อยเป็นกองๆ หรือกำหนดชื่อคนที่ดูแลเงินสดย่อย หรือกรณีที่มีคนสำรองจ่ายเงินแทนกิจการออกไป สามารถเลือกรับเงิน หรือจ่ายเงินจากเงินสำรอง หรือเงินสดย่อยเหล่านี้ ช่วยให้คุณสามารถจัดการ ติดตามการใช้เงิน การเบิกจ่ายได้อย่างเป็นระบบ

สรุปใบหักรับมา ออกไป และจัดเก็บใบหัก : อีกหนึ่งเรื่องการเงินที่ต้องจัดการคือการติดตามหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย บ่อยครั้งที่เราได้รับใบหักฯ ไม่ครบ PEAK ช่วยให้คุณติดตามการจัดการใบหัก ณ ที่จ่ายอย่างเป็นระบบทั้งการรับใบหักฯเข้ามา หรือการที่เราต้องส่งใบหักฯ ออกไป ให้คุณสามารถอัพโหลดไฟล์รูปใบหักแนบเก็บไว้กับใบเสร็จรับเงินแต่ละใบได้ด้วย

การจัดการข้อมูลบัญชี

งบการเงินที่แม่นยำ โปร่งใส และมีประสิทธิภาพ เพื่อการตัดสินใจทางธุรกิจที่มั่นใจยิ่งขึ้น
PEAK ช่วยให้คุณเข้าถึง งบการเงินที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นงบกำไรขาดทุน งบฐานะการเงิน งบกระแสเงินสด ไปจนถึงสมุดบัญชีรายวัน งบทดลอง และรายงานอื่นๆ ที่ช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมการเงินของธุรกิจได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ที่สำคัญ ทุกตัวเลขสามารถติดตามไปถึงเอกสารต้นทางได้ คุณสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของแต่ละรายการได้อย่างละเอียด พร้อมแนบเอกสารอ้างอิง ทำให้คุณเข้าใจงบการเงินได้ลึกซึ้งและตรวจสอบข้อผิดพลาดได้ง่ายขึ้น

จัดทำงบการเงินได้ง่ายขึ้น พร้อมรองรับมาตรฐาน DBD XBRL
PEAK รองรับการ สร้างไฟล์ XBRL เพื่อนำส่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) โดยไม่ต้องเสียเวลาแปลงไฟล์ด้วยตนเอง นอกจากนี้ คุณยังสามารถ ออกแบบงบกำไรขาดทุนในแบบของคุณเอง เพื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจและอ่านข้อมูลได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ระบบยังช่วยให้คุณ บริหารบัญชีหลัก-บัญชีย่อย ได้อย่างเป็นระบบ เช่น ติดตามลูกหนี้รายตัว หรือดูยอดขายและต้นทุนของสินค้ารายชิ้น ทำให้การวิเคราะห์ธุรกิจของคุณมีมิติมากขึ้น

มั่นใจในความถูกต้อง ด้วย AI ตรวจสอบอัตโนมัติ
PEAK มาพร้อม AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง ของบัญชี ผ่านระบบ Red/Yellow Flag ที่ช่วยแจ้งเตือนความผิดปกติ เช่น ยอดเงินที่เปลี่ยนแปลงสูงผิดปกติ ยอดคงเหลือติดลบ หรือรายการบัญชีที่ไม่สมดุล ช่วยลดข้อผิดพลาดก่อนปิดงบ นอกจากนี้ ยังมีระบบ บันทึกประวัติการใช้งานแบบแก้ไขไม่ได้ ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลทุกอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และปลอดภัย

ค้นหาเอกสารได้เร็วขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอง
หมดปัญหาการหาเอกสารไม่เจอ เพราะ PEAK มี ระบบค้นหาเอกสารขั้นสูง ที่ช่วยให้คุณสามารถค้นหาตามชื่อคู่ค้า ผู้สร้างรายการ ผู้อนุมัติ จำนวนเงิน หรือข้อมูลบัญชีต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้การตรวจสอบและติดตามข้อมูลบัญชีกลายเป็นเรื่องง่าย หากคุณต้องการ งบการเงินที่โปร่งใส แม่นยำ และตรวจสอบได้ PEAK พร้อมช่วยคุณทำให้ทุกกระบวนการบัญชีเป็นเรื่องง่ายขึ้นกว่าที่เคย เริ่มทดลองได้เลยวันนี้

จุดเด่นของ PEAK

งบการเงินที่ครบถ้วน : ในระบบ PEAK มีข้อมูลรายงานการเงินอย่างครบถ้วนทั้ง งบฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด หรือรายงานประกอบด้านบัญชี เช่น สมุดบัญชีรายวัน สมุดบัญชีแยกประเภท งบทดลอง

ทุกตัวเลขบนงบการเงิน ติดตามไปถึงตัวเอกสารได้ : การตรวจสอบความถูกต้องด้านบัญชีทำได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยทุกตัวเลขในงบการเงินสามารถติดตามไปถึงที่มาที่ไปของแต่ละรายการบันทึกบัญชีที่นำมาประกอบ รวมไปถึงการดูเอกสารอ้างอิงที่แนบไว้ในแต่ละรายการ ให้คุณเข้าใจงบการเงินได้ลึกซึ้งในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน

รองรับการสร้างไฟล์ DBD XBRL : สร้างไฟล์ XBRL ได้สะดวกเพื่อนำส่งข้อมูลให้กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) โดยที่คุณไม่ต้องไปแปลงไฟล์ใน Excel อีกทีนึง ทำให้การยื่นงบมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

จัดกลุ่มบัญชีในงบกำไรขาดทุนในแบบของคุณ : PEAK ให้คุณออกแบบงบกำไรขาดทุน จัดประเภทรายการแบบกำหนดเองได้ (Customizable Income Statement) เพื่อให้คุณสามารถอ่านงบให้เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด

ระบบบัญชีหลัก บัญชีย่อย : บัญชีในระบบ PEAK ถูกสร้างให้รองรับบัญชีหลักบัญชีย่อย เช่น บัญชีลูกหนี้การค้า จะมีบัญชีย่อยเป็นเลขที่คู่ค้า ทำให้สามารถติดตามลูกหนี้รายตัวได้ง่าย หรือ บัญชีรายได้จากการขายสินค้า หรือต้นทุนขายสินค้า ก็จะมีบัญชีย่อยเป็นเลขที่สินค้า ทำให้คุณสามารถติดตามยอดขาย ต้นทุน หรือกำไรขั้นต้นของสินค้ารายตัวได้เลย ช่วยให้คุณมีข้อมูลในมิติที่ลึกมากขึ้นกว่าเพียงแค่รายงานบัญชีแบบผิวๆ

เก็บประวัติทุกการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ : การบันทึกบัญชี การตรวจสอบ และการอนุมัติการ หรือแม้แต่การเข้าดู และการพิมพ์เอกสาร ถูกเก็บประวัติการใช้งานแบบไม่สามารถลบประวัติได้ ทำให้การตรวจสอบทำได้อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น

ค้นหาบันทึกได้อย่างละเอียด : PEAK มีระบบการค้นหาเอกสารที่ทรงพลังมาก คุณสามารถใช้ฟังก์ชั่นการค้นหาขั้นสูงมากที่ช่วยหาเอกสารตามข้อมูลลูกค้า/คู่ค้า ผู้สร้างรายการ ผู้อนุมัติรายการ จำนวนเงิน หรือมีบัญชีรายวันอะไร และมิติอื่นๆอีก ทำให้การค้นหาเอกสารทำได้อย่างแม่นยำ

มี AI ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง : PEAK มีระบบ Red/Yellow Flag หรือการติดธงแดง ธงเหลืองในกรณีที่ระบบตรวจพบความผิดปกติในสมุดบัญชีรายวัน และงบทดลอง เช่น มีการเปลี่ยนแปลงที่สูงมากจากงวดก่อน กรณียอดคงเหลือของรายการติดลบ หรือมีรายการบัญชีที่มียอด 0 บาท หรือมีรายการไม่เท่ากัน ทำให้ลดโอกาสที่บัญชีจะผิดพลาดลงไป และคุณสามารถค้นหารายการที่ควรตรวจสอบได้ด้วย

จุดเด่นของ PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่ช่วยธุรกิจคุณเติบโต

จัดการเอกสารได้สะดวก

จัดการเอกสารได้สะดวก

จัดการเอกสารครบวงจร – ออกใบเสนอราคาใบแจ้งหนี้ พร้อม AI แนะนำราคาตามลูกค้า

รองรับ e-Tax + การรับชำระเงิน – ออก e-Tax Invoice และรับชำระผ่าน QR, บัตรเครดิต

ยืดหยุ่น ปลอดภัย – ส่งออกเอกสารหลายรูปแบบ พร้อมตั้งค่าความปลอดภัย

จัดการค่าใช้จ่ายได้รัดกุม

จัดประเภทค่าใช้จ่าย – จัดประเภทของค่าใช้จ่ายตามโครงการ ตามแผนก

AI ช่วยบันทึกอัตโนมัติ – แนะนำค่าใช้จ่ายที่ต้องบันทึก และรองรับการนำเข้าไฟล์ Excel

คลังเก็บภาพถ่ายใบเสร็จ – ใช้แอปมือถือถ่ายรูปใบเสร็จรับเงินที่คุณจ่ายไป + บันทึกค่าใช้จ่าย

บริหารคู่ค้าอย่างเป็นระบบ

บริหารคู่ค้าอย่างเป็นระบบ

ติดตามประวัติซื้อขาย – ดูยอดขาย ยอดค้างชำระ และพฤติกรรมการจ่ายเงิน

ควบคุมเครดิต – กำหนดวงเงินขายเชื่อและเครดิตเทอมเฉพาะราย

บริหารคู่ค้าเป็นระบบ – จัดกลุ่มลูกค้าและควบคุมการเข้าถึงข้อมูล

รู้ต้นทุนได้ทันที

รู้ต้นทุนได้ทันที

บริหารสต๊อกและต้นทุนแม่นยำ – จัดการสต๊อกเป็นล๊อท คำนวณต้นทุนอัตโนมัติแบบ FIFO

ตั้งราคาขายอัจฉริยะ – สร้างราคามาตรฐาน พร้อม AI จดจำราคาลูกค้าแต่ละรายอัตโนมัติ

วิเคราะห์กำไร ต้นทุนสินค้าได้ง่าย – สรุปยอดขาย ต้นทุน และกำไร + ข้อมูลต้นทุนย้อนหลัง

ให้การเงินคุณคล่องตัว

เห็นภาพรวมการเงินในที่เดียว – รวมทุกบัญชี เงินสด ธนาคาร e-Wallet และการขายออนไลน์

กระทบยอดอัตโนมัติ ลดงานซ้ำซ้อน – AI ช่วยตรวจสอบ Bank Statement และบันทึกรายการ

วางแผนการเงินแม่นยำ – ปฏิทินเงินเข้า-ออก + ติดตามเงินสดย่อย และจัดการใบหัก ณ ที่จ่าย

บัญชีที่ถูกต้อง ตรวจสอบง่าย

งบการเงินครบถ้วน ตรวจสอบง่าย – ดูงบการเงินต่างๆ ติดตามถึงเอกสารต้นทางได้

วิเคราะห์บัญชีได้ลึกขึ้น – จัดกลุ่มบัญชี และออกแบบงบกำไรขาดทุนตามธุรกิจคุณ

ลดข้อผิดพลาดด้วย AI – ระบบแจ้งเตือนความผิดปกติ และเก็บประวัติการเปลี่ยนแปลง

PEAK เหมาะกับใคร?
โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่ตอบโจทย์มากที่สุด

โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับผู้ประกอบการและเจ้าของธุรกิจ SME

ธุรกิจที่มีลูกค้าเป็นภาคธุรกิจด้วยกัน (Business-to-Business : B2B)

PEAK เหมาะสำหรับธุรกิจ B2B เพราะช่วยจัดการบัญชี และเอกสารการค้าอย่างเป็นระบบ รองรับการออกใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ วางบิล กำหนดวงเงินขายเชื่อ เครดิตเทอม หรือราคาตามลูกค้า พร้อมทั้งเก็บประวัติการซื้อขายย้อนหลัง

โปรแกรมบัญชีออนไลน์สำหรับฝ่ายบุคคลและนักบัญชี

ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ขายสินค้า/บริการออนไลน์ (e-Commerce)

PEAK เหมาะสำหรับธุรกิจ e-Commerce เพราะรองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มขายออนไลน์ต่างๆ หรือผ่าน API จัดการสต๊อก คำนวณต้นทุนขายอัตโนมัติ และออกใบกำกับภาษี e-Tax Invoice ได้ง่าย ช่วยให้ธุรกิจคุณเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ

logo PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์

PEAK Account เป็นได้มากกว่าโปรแกรมบัญชีออนไลน์ ปลดล็อคขีดจำกัดในการทำธุรกิจด้วยการเชื่อมต่อกับ PEAK Ecosystem

logo PEAK Payroll โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

logo PEAK Board โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจออนไลน์

logo PEAK Asset โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

logo PEAK Tax โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

โปรแกรมบริหารจัดการภาษี

ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK Account

บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน
และจัดการเงินเดือนได้ครบวงจร

เริ่มต้นเพียง 1,200 บาท/เดือน

รู้จัก PEAK Account โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ใน 3 นาที

จัดการบัญชีง่ายๆ ด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ครบวงจร - PEAK Account

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK Account

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

ต้นทุนแฝง ค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรมองข้าม

PEAK Account

16

min

ต้นทุนแฝง (Hidden Cost) ค่าใช้จ่ายที่ไม่ควรมองข้าม

เจ้าของกิจการบางท่านอาจเคยเจอปัญหา สินค้าขายดีมาก แต่ทำไมกำไรไม่เคยเหลือ? หนึ่งในสาเหตุคือ ต้นทุนแฝง ที่ซ่อนอยู่ในต้นทุนแต่หลายคนไม่รู้ตัว! ในบทความนี้เราพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับภัยเงียบนี้ ที่อาจกำลังส่งผลร้ายต่อธุรกิจของคุณอยู่! ต้นทุนแฝง คืออะไร? ต้นทุนแฝง คือ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ แต่ไม่ได้ถูกบันทึกจำแนกประเภทออกมาอย่างชัดเจน จนทำให้เจ้าของกิจการอาจจะไม่เห็นค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยที่เกิดขึ้น ซ่อนอยู่ในค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ ๆ จนไม่มีใครสังเกตเห็น และไม่ได้นับเป็นต้นทุนตอนวางแผนธุรกิจ ซึ่งต้นทุนแฝง มักจะเริ่มแสดงตัวออกมาเมื่อกำไรในแต่ละเดือนของธุรกิจน้อยกว่าที่คาดไว้ ทั้งที่มีการวางแผนค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมดแล้ว ปัญหานี้อาจส่งผลต่อการวางแผนการเงินของธุรกิจได้ ดังนั้นเพื่อให้เจ้าของกิจการสามารถเห็นตัวเลขของ ‘ต้นทุนจริง’ ในบทความนี้เราชวนทุกท่านมาทำความรู้จักต้นทุนแฝง ไปจนถึงวิธีป้องกันไม่เห็นเกิดปัญหานี้กัน สาเหตุของต้นทุนที่ซ่อนอยู่ สาเหตุของต้นทุนแฝงมักมาจากค่าใช้จ่ายเล็กที่มักเป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปในการทำธุรกิจ มูลค่าต่อครั้งไม่สูง แต่หากเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ก็รวมกันเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ได้ไม่ยาก  ยกตัวอย่างเช่น พนักงานขายที่จำเป็นต้องออกไปพบลูกค้าบ่อย และหลายครั้งเพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าก็มักจะเลี้ยงกาแฟลูกค้าอยู่เสมอ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยครั้งละ 300 บาท หากในหนึ่งเดือนต้องออกไปเจอลูกค้า 30 ครั้ง เท่ากับว่าค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะสูงถึง 9,000 บาท! ซึ่งในบริษัทที่ไม่ได้มีการบันทึกบัญชีแบบแยกประเภทค่าใช้จ่ายอย่างถูกต้อง ก็อาจจะไม่เห็นตัวเลขตรงนี้ชัดเจน ยิ่งถ้าในบริษัทมีพนักงานขายหลายคน ก็อาจมีต้นทุนแฝงตรงนี้หลายหมื่นบาทได้เลย จากตัวอย่างเจ้าของกิจการน่าจะพอมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นหากไม่มีการจัดการค่าใช้จ่ายเล็กน้อยส่วนนี้ หรือไม่ได้มีการบ่งชี้ให้ชัดเจน ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ต้นทุนแฝง มีอะไรบ้าง? ซึ่ง ต้นทุนแฝง มีหลายรูปแบบ หลายรายการ ไม่ใช่เพียงแค่ค่ากาแฟเลี้ยงลูกค้า แต่ยังมีส่วนอื่น ๆ ตามรายการต่อไปนี้ 1. ต้นทุนแฝงจากค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ต้นทุนแฝงอันดับต้น ๆ ที่เจ้าของกิจการอาจไม่เคยทราบว่ากำลังเกิดขึ้น มักจะเป็นค่าใช้จ่ายเล็กน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่อย่างเงินเดือนพนักงาน หรือค่าเช่าออฟฟิศ ซึ่งค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดประกอบไปด้วย 2. ต้นทุนแฝงจากการติดต่อสื่อสารและการเดินทาง ในบริษัทที่มีพนักงานเดินทางไปติดต่อขายสินค้าหรือหาลูกค้าใหม่ ๆ ที่ต้องมีค่าเดินทางและค่าโทรศัพท์ให้พนักงานขาย หากไม่ได้มีระบบการบันทึก ก็อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ซ่อนตัวอยู่เพิ่มขึ้นมา ที่เมื่อรวมแล้วก็เป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ได้เช่นกัน 3. ต้นทุนแฝงจากสินค้าคงคลัง (สต๊อก) สำหรับธุรกิจที่มีการสต๊อกสินค้า ต้องบริหารจัดการสต๊อกให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจเกิดต้นทุนแฝง ได้โดยไม่รู้ตัว ไม่ว่าจะเป็นค่าเช่าพื้นที่จัดเก็บสินค้า หรือสินค้าที่ขายไม่ออกจนตกรุ่น ก็อาจกลายเป็นหนึ่งในต้นทุนแฝงก้อนโต 4. ต้นทุนแฝงในรูปแบบของ “เวลา” ต้นทุนที่แพงที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะเวลาไม่สามารถเรียกคืนกลับมาได้ และยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง ทุกนาทีมีค่า เพราะอาจเสียโอกาสสร้างยอดขายไปจากความผิดพลาด หรือระบบที่ไม่แข็งแรงมากพอ โอกาสเกิดต้นทุนแฝง นั้นมีมากไม่รู้จบ ถ้าไม่มีการบันทึกรายได้อย่างเป็นระบบ หากคิดออกมาเป็นเงิน ก็ถือว่าเป็นก้อนโตที่ต้องเสียไปในแต่ละปี เจ้าของกิจการควรหาวิธีคลายปมแก้ไขทีละจุด เพื่อช่วยลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจลงไปได้มหาศาล เจ้าของกิจการจะรู้ได้อย่างไรว่ามี ต้นทุนแฝง อะไรบ้าง? คำถามถัดมาคือ แล้วเจ้าของกิจการจะรู้ได้อย่างไรว่าธุรกิจมีต้นทุนแฝงอยู่ ซึ่งคำตอบอยู่ใน “งบกำไรขาดทุน” (Profit and Loss Statement) ของธุรกิจของคุณนั่นเอง เพราะในงบกำไรขาดทุนจะมีตัวเลขต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงในรอบระยะเวลาหนึ่งแสดงอยู่ เจ้าของกิจการจะได้เห็นภาพรวมของธุรกิจว่าจริง ๆ แล้ว จากยอดขายต่อเดือนเยอะ ๆ นั้นได้ กำไร หรือ ขาดทุน อย่างไรก็ตามปัญหาส่วนใหญ่ของงบกำไรขาดทุนคือมีการจัดหมวดหมู่แบบคร่าว ๆ ไม่ได้มีการจัดหมวดหมู่ได้อย่างถูกต้องจริง ๆ ทำให้เจ้าของกิจการไม่ได้เห็นต้นทุนแฝง แบบชัดเจน เพราะฉะนั้นเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว ควรเริ่มต้นจัดกลุ่มค่าใช้จ่ายให้ถูกต้องอย่างละเอียด เพื่อให้สามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น ซึ่งโดยปกติจะมีหมวดหมู่ดังนี้ ซึ่งภายใต้ของทั้งสองหมวดก็จะมีประเภทแยกย่อยลงไปอีก เพื่อความชัดเจนของค่าใช้จ่ายแต่ละส่วน ข้อควรระวังในการทำงบการเงินของเจ้าของกิจการ ปัญหาของงบกำไรขาดทุน ที่นำไปสู่การเกิดต้นทุนแฝง โดยไม่รู้ตัว คือ การระบุหมวดหมู่ของค่าใช้จ่ายไม่ถูกต้อง เพราะสาเหตุของต้นทุนแฝงมักเกิดขึ้นจากค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ค่ากระดาษ ได้ถูกบันทึกในค่าใช้จ่ายของสำนักงานหรือไม่? หรือ สินค้าที่เสียหายหรือค้างสต๊อก ได้บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายที่เสียไปหรือไม่? ค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้บันทึกหมวดหมู่ หรือบางครั้งถูกลืมปล่อยผ่านไปเฉย ๆ คือ สาเหตุของ ต้นทุนแฝง ที่อาจกำลังทำร้ายธุรกิจของเราอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะฉะนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดต้นทุนแฝง ควรย้อนกลับไปตั้งแต่การจัดการระบบการบันทึกงบกำไรขาดทุน ที่นอกจากกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน ควรจัดหมวดหมู่ให้ถูกต้องด้วยเช่นกัน เหตุผลสำคัญที่เจ้าของกิจการควรรู้ ต้นทุนแฝง ผลกระทบของ ต้นทุนแฝง นั้นมหาศาลมากกว่าที่เจ้าของกิจการหลายท่านอาจคิดไว้ การลงบันทึกในงบการเงินจึงเป็นข้อสำคัญที่เจ้าของกิจการควรดูเป็นประจำ เพื่อให้เห็นค่าใช้จ่ายที่อาจซ่อนอยู่ ซึ่งผลกระทบของการลงบันทึกผิดพลาด หรือไม่ละเอียดมากพอ สามารถส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ดังนี้ หยุดวงจรต้นทุนแฝง ก่อนจะสายเกินไป! เจ้าของกิจการควรตั้งคำถามเสมอว่า ทุกวันนี้เราได้เห็นต้นทุนจริงของธุรกิจหรือยัง? หรือยังมีค่าใช้จ่ายอะไรที่แอบซ่อนอยู่หรือไม่? เพื่อคอยเตือนให้ย้อนกลับไปอ่านงบการเงินเพื่อตรวจสอบ และจัดหมวดหมู่ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ดี เพื่อปิดโอกาสไม่ให้เกิดต้นทุนแฝง หรือปัญหา “ขายดี แต่ทำไมกำไรไม่เหลือ” เริ่มต้นก่อน จัดการได้ก่อน ลดต้นทุนเพื่อธุรกิจที่เติบโต เทคนิคการใช้ PEAK เพื่อจัดกลุ่มค่าใช้จ่ายให้เจ้าของกิจการดูง่ายด้วยตัวเอง โปรแกรมบัญชี PEAK เปิดโอกาสให้เจ้าของกิจการ หรือพนักงานบัญชีสามารถจัดกลุ่มค่าใช้จ่ายตามแต่ละประเภทที่ต้องการได้ด้วยตัวเอง เพราะในธุรกิจแต่ละประเภทค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกัน เช่น ธุรกิจที่เป็น Work From Home 100% อาจจะไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับสำนักงาน โดยฟีเจอร์การตั้งค่างบกำไร ขาดทุน ของ PEAK สามารถจัดกลุ่มได้สองรูปแบบด้วยกัน ข้อดีสำคัญคือ เจ้าของกิจการสามารถประชุมกับทีมบัญชีเพื่อตั้งค่ากลุ่มค่าใช้จ่ายเหล่านี้ให้เหมาะสมกับแนวทางการดำเนินธุรกิจขององค์กรได้ สามารถอ่านข้อมูลการใช้งานเพิ่มเติมได้ที่นี่ ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก 

ความรู้ธุรกิจ

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

PEAK Account

15

min

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

ภ.ง.ด.50 คืออะไร? คำถามที่เจ้าของกิจการหน้าใหม่หลายท่านอาจสงสัย กับแบบยื่นเสียภาษีประจำปีของธุรกิจ ว่าต้องยื่นเมื่อไหร่ ใครต้องยื่นบ้าง และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง บทความนี้เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับแบบยื่นภาษีประจำปี นี้ให้คุณ ภ.ง.ด.50 คือเอกสารเกี่ยวข้องกับอะไร? ภ.ง.ด.50 คือ แบบที่ใช้สำหรับการยื่นแสดงรายการภาษีเงินได้ของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประจำปี ที่จะเป็นการนำรายงานงบการเงินตั้งแต่รายได้ รายจ่าย กำไรสุทธิ และนำมาปรับปรุงให้เป็นกำไรทางภาษีเพื่อใช้คำนวณภาษีที่ต้องชำระรอบสิ้นสุดระยะบัญชี ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีนี้? สำหรับนิติบุคคลที่.ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ คือ คือ บริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมไปถึงบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนเปิดสาขาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามจะมีนิติบุคคลบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น องค์กรภาครัฐ บริษัทที่เปิดขึ้นจากข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและต่างประเทศ และอื่น ๆ กำหนดเวลาการยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีนี้ จะเป็นการยื่นหลังจากสิ้นรอบบัญชีในแต่ละปี ซึ่งมีกำหนดให้เจ้าของกิจการนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษี ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ ภายใน 150 วันนับจากสิ้นรอบบัญชี ยกตัวอย่างการนับวันในการยื่นภาษี ในกรณีที่รอบบัญชีสิ้นปีคือวันที่ 31 ธ.ค. 2025 สามารถนับจำนวนวัน 150 วันได้เลย ดังนั้นวันสุดท้ายที่สามารถยื่นแบบแสดงรายการ คือ วันที่ 30 พ.ค. 2026 นั่นเอง แนะนำให้เจ้าของกิจการตรวจสอบกรอบในการยื่นเอกสาร และจัดเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการยื่นล่าช้าที่มีทั้งค่าปรับ เงินเพิ่ม และเสี่ยงถูกตรวจสอบจากสรรพากร บทลงโทษหากไม่ได้ยื่น หรือยื่นล่าช้า แบบยื่นภาษีประจำปี คือ แบบยื่นด้านบัญชีที่สำคัญ และเจ้าของกิจการที่มีหน้าที่เสียภาษีส่วนนี้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษดังนี้ การไม่ยื่นหรือยื่นล่าช้า และไม่ถูกต้อง มาพร้อมบทลงโทษมากมายที่นอกจากเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น ยังมีโอกาสถูกตรวจสอบเพิ่ม ด้วยเหตุนี้เราขอแนะนำให้เจ้าของกิจการจัดการบริหารด้านภาษีด้วยความรอบคอบ ยื่นให้ตรงกรอบเวลาที่กำหนด และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเสมอ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น ในส่วนของเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น จะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงบการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยเอกสารที่ต้องใช้ประกอบไปด้วย จากเอกสารทั้ง 5 ส่วนจะเห็นเป็นเอกสารที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานการคำนวณภาษีที่ต้องชำระจากกำไรสุทธิจริง ทำให้ในส่วนนี้จะแตกต่างจาก ภงด 51 หรือแบบยื่นภาษีครึ่งปีของเจ้าของกิจการ ที่จะใช้การประมาณการกำไรสุทธิเพื่อคำนวณ นอกจากนี้ยังอาจมีการขอเอกสารอื่นเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรหากมีความจำเป็น วิธีการยื่นแบบแสดงรายการ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี สามารถทำการยื่นได้ 2 รูปแบบ ทั้งการยื่นเอกสารแบบกระดาษด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ หรือการยื่นผ่านระบบ e-Filing บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งรูปแบบหลังจะสะดวกมากกว่า และจะได้ขยายเวลาในการยื่นเพิ่มอีก 8 วันหลังจากครบกำหนด 150 วัน (มีกรอบเวลายื่น 158 วัน) เช่น หากระยะรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.  2025 จะสามารถยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ได้ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2026 ภ.ง.ด.50 vs ภ.ง.ด.51 ต้องยื่นทั้งคู่ไหม? นอกจาก ภ.ง.ด.50 แล้ว เจ้าของกิจการอาจเคยได้ยิน ภ.ง.ด.51 หรือแบบภาษีครึ่งปีกันมาบ้าง ซึ่งในหนึ่งระยะรอบบัญชีเจ้าของกิจการจำเป็นต้องยื่นทั้งสองแบบ โดย ภ.ง.ด.50 จะเป็นแบบยื่นภาษีเมื่อสิ้นสุดระยะรอบบัญชี แต่ ภ.ง.ด.51 จะเป็นแบบยื่นภาษีครึ่งปี เพื่อจ่ายภาษีล่วงหน้าในกรณีที่มีกำไรในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ในกรณีที่ธุรกิจขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรก เจ้าของกิจการไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 (ภาษีครึ่งปี) แต่ยังคงจำเป็นต้องยื่น ภ.ง.ด.50 (ภาษีประจำปี) เช่นเดิม วิธียื่น ภ.ง.ด.50 ออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ในปัจจุบันการยื่นแบบแสดงรายการนี้ สามารถทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการยื่นผ่านระบบ e-Filling ที่เจ้าของกิจการหรือผู้ได้รับมอบหมายสามารถกรอกข้อมูลในแบบยื่น กรอกรายการคำนวณภาษี ไปจนถึงขั้นตอนการชำระภาษีครบในที่เดียวผ่านระบบออนไลน์ โดยสามารถยื่นแบบด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ ? วิธีการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับยื่น ภ.ง.ด.50 เจ้าของกิจการหลายท่านอาจเข้าใจว่าสามารถใช้ตัวเลขจากงบการเงินในการคำนวณภาษีที่ต้องเสียได้ทันที แต่ตามความเป็นจริงแล้วต้องนำตัวเลขดังกล่าวมาทำการปรับปรุงจาก ‘กำไรทางบัญชี’ ให้เป็น ‘กำไรทางภาษี’ ก่อน เพื่อใช้ในการคำนวณ โดยมีวิธีการปรับปรุงเบื้องต้นดังนี้ นำตัวเลขทั้งสามส่วนมารวมกันก่อน จึงจะได้เป็นตัวเลขกำไรทางภาษีที่สามารถนำมาคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ยกตัวอย่างการคำนวณ กำไรจากงบการเงิน 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายต้องห้าม 10,000 บาท เบี้ยปรับเงินเพิ่ม 5,000 บาท ดังนั้นกำไรทางภาษีคือ 1,015,000 บาท ซึ่งตัวเลข 1,015,000 คือตัวเลขของกำไรที่จะนำมาใช้ในการคำนวณภาษีจริง ถัดมาก็จะนำตัวเลขดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณกับ อัตราภาษี ตัวอย่างการคำนวณ กรณีที่มีอัตราภาษี 20% กำไรทางภาษี x 20% = ภาษีที่ต้องชำระ แทนสูตร 1,015,000 x 20% = 203,000 หลังจากนั้นให้นำภาษีที่ต้องชำระมาหักกับ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และจำนวนภาษีครึ่งปีที่เราได้ชำระไปในตอนยื่น ภ.ง.ด.51 เมื่อช่วงกลางปี ยกตัวอย่างเช่น มีรายการภาษีหัก ณ ที่จ่ายตลอดปีรวมกัน 50,000 บาท และชำระภาษีเงินได้ครึ่งปีไปแล้ว 30,000 บาท ให้นำตัวเลขมาหักลบออกจากภาษีที่ต้องชำระดังนี้ 203,000 – 50,000 – 30,000 = 123,000 บาท ดังนั้นหมายความว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระจริงคือ 123,000 บาท เคล็ดลับยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลา เพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของกิจการ เพื่อให้ไม่ให้เสียเงิน และเสียเวลาเพิ่มโดยใช้เหตุ เรามี 4 เคล็ดลับสำหรับเจ้าของกิจการมาฝากกัน เตรียมงบการเงินล่วงหน้า การเตรียมงบการเงินล่วงหน้าช่วยให้สามารถทำการปรับปรุงคำนวณภาษีได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรรอให้ใกล้ถึงเวลายื่นแบบแล้วค่อยจัดการ เพราะอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดในการคำนวณได้ ตรวจสอบรายการบันทึกบัญชีให้ครบถ้วน การตรวจสอบรายการบัญชีให้ครบถ้วนก็เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญ โดยสามารถทำได้จากการ กระทบยอด (Bank Reconciliation) เพื่อเปรียบเทียบธุรกรรมจากธนาคาร และธุรกรรมที่ได้ทำการบันทึกบัญชีให้ตรงกัน ใช้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) ที่มีประสบการณ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือ CPA เป็นบุคคลภายนอกบริษัทที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูล และความถูกต้องในงบการเงินของบริษัท การที่มีผู้สอบบัญชีที่มีประสบการณ์สูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องครบถ้วนในการคำนวณภาษี ใช้โปรแกรมบัญชี หรือบริการสำนักงานบัญชีช่วยจัดการ การใช้โปรแกรมบัญชีที่สามารถช่วยจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ บันทึกข้อมูลได้แม่นยำ และสามารถจัดการเอกสารด้านบัญชีและการเงินได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้นักบัญชีในองค์กรสามารถบริหารจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่มีเจ้าหน้าที่บัญชีช่วยจัดการตรงส่วนนี้ อาจใช้บริการสำนักงานบัญชีเข้ามาช่วยจัดการด้านภาษีเพื่อความถูกต้องมากขึ้นได้เช่นกัน ภ.ง.ด.50 เอกสารสำคัญด้านภาษีที่เจ้าของกิจการควรรู้จัก เมื่ออ่านถึงตรงนี้เจ้าของกิจการน่าจะพอทราบกันมากขึ้นแล้วว่า ภ.ง.ด.50 คือ เอกสารที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีประจำปี หากไม่ได้ยื่น ยื่นไม่ครบถ้วน หรือยื่นล่าช้าก็จะมาพร้อมค่าปรับ หรือเบี้ยปรับ และอาจนำไปสู่การตรวจสอบจากกรมสรรพากรได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าของกิจการควรให้ความสำคัญ และตรวจสอบการยื่นภาษีประจำปีอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งการเลือกใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับเจ้าของกิจการ ที่สามารถช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการจัดการภาษีได้ ด้วยฟีเจอร์ด้านการจัดการเอกสาร การบันทึกบัญชี และอื่น ๆ อีกมากมาย ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก 

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 15/10/2025

PEAK Account

4

min

อัปเดตฟังก์ชัน PEAK 15/10/2025

เอาใจผู้ใช้งานโปรแกรม PEAK ด้วยฟังก์ชันใหม่ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✨ 1. รับชำระเงินจาก “ใบเสนอราคา” ได้โดยตรง ด้วยปุ่ม “ชำระเงิน” บนหน้าเอกสาร 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งาน API Payment Collection ที่อยากให้ลูกค้าชำระเงินได้สะดวก และประหยัดเวลาในการออกเอกสาร 🎯Highlight:  ระบบเปิดให้ผู้ใช้งานตั้งค่าการแสดงปุ่ม “ชำระเงิน” บนหน้าพิมพ์เอกสารได้ เมื่อเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มรับชำระเงินแล้ว โดยปุ่มจะปรากฏเฉพาะเมื่อใบเสนอราคาอยู่ในสถานะ “ยอมรับแล้ว” นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดการออกเอกสารต่ออัตโนมัติได้เอง เช่น ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถรับชำระเงิน ออกเอกสารได้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หมายเหตุ ยังไม่รองรับใบเสนอราคาที่เป็นสกุลเงินตราต่างประเทศ ✨ 2. เปิดให้แก้ไขการแสดงรายการประเภทเงินได้ในใบหัก ณ ที่จ่ายบนหน้าเอกสาร ได้ยืดหยุ่นกว่าเดิม 🧑‍💼เหมาะสำหรับ : ผู้ใช้งานที่มีการออกเอกสารใบหัก ณ ที่จ่าย 🎯Highlight: ระบบเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถแก้ไขการแสดงรายการประเภทเงินได้ในใบหัก ณ ที่จ่ายได้โดยตรงช่วยให้ออกเอกสารได้ถูกต้องตามต้องการ  โดยสามารถกำหนดการแสดงผลคำอธิบายได้ 3 รูปแบบ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกการแสดงยอดหัก ณ ที่จ่ายได้ 2.1 แยกตามประเภทเงินได้/อัตราภาษี หากมีประเภทเงินได้เดียวกัน แต่คนละอัตราภาษี ระบบจะแยกบรรทัดการแสดงผล 2.2 แยกตามประเภทเงินได้ หากมีประเภทเงินได้เหมือนกันแต่คนละคนอัตราภาษี ระบบจะทำการรวมเป็นบรรทัดเดียวกัน 2.3 รวมประเภทเงินได้ ระบบจะทำการรวมประเภทเงินได้ทั้งหมด และรวมยอดเงินทั้งหมดให้เป็นบรรทัดเดียวกัน ✨3. เปลี่ยนสถานะเอกสารได้พร้อมกันหลายรายการ ช่วยให้ทำงานรวดเร็วขึ้นในคลิกเดียว เหมาะสำหรับ: กิจการที่ต้องอนุมัติเอกสารจำนวนมาก Highlight: ระบบเปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเปลี่ยนสถานะของเอกสารพร้อมกันได้ เช่น อนุมัติเอกสาร ไม่อนุมัติเอกสาร ไม่ว่าจะเป็นเอกสารรายรับ รายจ่าย สมุดรายวัน นอกจากนี้ยังสามารถคลิกขวาเพื่อเรียกคำสั่งได้ทันที  หมายเหตุ 

ฟังก์ชันใหม่แนะนำการใช้งาน

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

PEAK Account

15

min

ยื่น ภ.ง.ด.50 ไม่พลาด! เจาะลึกภาษีประจำปีนิติบุคคล

ภ.ง.ด.50 คืออะไร? คำถามที่เจ้าของกิจการหน้าใหม่หลายท่านอาจสงสัย กับแบบยื่นเสียภาษีประจำปีของธุรกิจ ว่าต้องยื่นเมื่อไหร่ ใครต้องยื่นบ้าง และมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้อง บทความนี้เราพร้อมตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับแบบยื่นภาษีประจำปี นี้ให้คุณ ภ.ง.ด.50 คือเอกสารเกี่ยวข้องกับอะไร? ภ.ง.ด.50 คือ แบบที่ใช้สำหรับการยื่นแสดงรายการภาษีเงินได้ของธุรกิจที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประจำปี ที่จะเป็นการนำรายงานงบการเงินตั้งแต่รายได้ รายจ่าย กำไรสุทธิ และนำมาปรับปรุงให้เป็นกำไรทางภาษีเพื่อใช้คำนวณภาษีที่ต้องชำระรอบสิ้นสุดระยะบัญชี ใครบ้างที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีนี้? สำหรับนิติบุคคลที่.ที่ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ คือ คือ บริษัทจำกัด บริษัทจำกัดมหาชน ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล และนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย รวมไปถึงบริษัทต่างชาติที่จดทะเบียนเปิดสาขาในประเทศไทย อย่างไรก็ตามจะมีนิติบุคคลบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษี เช่น องค์กรภาครัฐ บริษัทที่เปิดขึ้นจากข้อตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยและต่างประเทศ และอื่น ๆ กำหนดเวลาการยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปีนี้ จะเป็นการยื่นหลังจากสิ้นรอบบัญชีในแต่ละปี ซึ่งมีกำหนดให้เจ้าของกิจการนิติบุคคลที่มีหน้าที่เสียภาษี ต้องยื่นแบบแสดงรายการนี้ ภายใน 150 วันนับจากสิ้นรอบบัญชี ยกตัวอย่างการนับวันในการยื่นภาษี ในกรณีที่รอบบัญชีสิ้นปีคือวันที่ 31 ธ.ค. 2025 สามารถนับจำนวนวัน 150 วันได้เลย ดังนั้นวันสุดท้ายที่สามารถยื่นแบบแสดงรายการ คือ วันที่ 30 พ.ค. 2026 นั่นเอง แนะนำให้เจ้าของกิจการตรวจสอบกรอบในการยื่นเอกสาร และจัดเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการยื่นล่าช้าที่มีทั้งค่าปรับ เงินเพิ่ม และเสี่ยงถูกตรวจสอบจากสรรพากร บทลงโทษหากไม่ได้ยื่น หรือยื่นล่าช้า แบบยื่นภาษีประจำปี คือ แบบยื่นด้านบัญชีที่สำคัญ และเจ้าของกิจการที่มีหน้าที่เสียภาษีส่วนนี้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นจะมีบทลงโทษดังนี้ การไม่ยื่นหรือยื่นล่าช้า และไม่ถูกต้อง มาพร้อมบทลงโทษมากมายที่นอกจากเสียเงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น ยังมีโอกาสถูกตรวจสอบเพิ่ม ด้วยเหตุนี้เราขอแนะนำให้เจ้าของกิจการจัดการบริหารด้านภาษีด้วยความรอบคอบ ยื่นให้ตรงกรอบเวลาที่กำหนด และตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารเสมอ เอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น ในส่วนของเอกสารที่ต้องใช้ประกอบการยื่น จะเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงบการเงินเป็นส่วนใหญ่ โดยเอกสารที่ต้องใช้ประกอบไปด้วย จากเอกสารทั้ง 5 ส่วนจะเห็นเป็นเอกสารที่ใช้เพื่อเป็นหลักฐานการคำนวณภาษีที่ต้องชำระจากกำไรสุทธิจริง ทำให้ในส่วนนี้จะแตกต่างจาก ภงด 51 หรือแบบยื่นภาษีครึ่งปีของเจ้าของกิจการ ที่จะใช้การประมาณการกำไรสุทธิเพื่อคำนวณ นอกจากนี้ยังอาจมีการขอเอกสารอื่นเพิ่มเติมจากกรมสรรพากรหากมีความจำเป็น วิธีการยื่นแบบแสดงรายการ การยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี สามารถทำการยื่นได้ 2 รูปแบบ ทั้งการยื่นเอกสารแบบกระดาษด้วยตนเองที่สำนักงานสรรพากรในพื้นที่ หรือการยื่นผ่านระบบ e-Filing บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งรูปแบบหลังจะสะดวกมากกว่า และจะได้ขยายเวลาในการยื่นเพิ่มอีก 8 วันหลังจากครบกำหนด 150 วัน (มีกรอบเวลายื่น 158 วัน) เช่น หากระยะรอบบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.  2025 จะสามารถยื่นภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ได้ถึงวันที่ 7 มิ.ย. 2026 ภ.ง.ด.50 vs ภ.ง.ด.51 ต้องยื่นทั้งคู่ไหม? นอกจาก ภ.ง.ด.50 แล้ว เจ้าของกิจการอาจเคยได้ยิน ภ.ง.ด.51 หรือแบบภาษีครึ่งปีกันมาบ้าง ซึ่งในหนึ่งระยะรอบบัญชีเจ้าของกิจการจำเป็นต้องยื่นทั้งสองแบบ โดย ภ.ง.ด.50 จะเป็นแบบยื่นภาษีเมื่อสิ้นสุดระยะรอบบัญชี แต่ ภ.ง.ด.51 จะเป็นแบบยื่นภาษีครึ่งปี เพื่อจ่ายภาษีล่วงหน้าในกรณีที่มีกำไรในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งนี้ในกรณีที่ธุรกิจขาดทุนในช่วงครึ่งปีแรก เจ้าของกิจการไม่ต้องยื่น ภ.ง.ด.51 (ภาษีครึ่งปี) แต่ยังคงจำเป็นต้องยื่น ภ.ง.ด.50 (ภาษีประจำปี) เช่นเดิม วิธียื่น ภ.ง.ด.50 ออนไลน์ผ่านระบบ e-Filing ในปัจจุบันการยื่นแบบแสดงรายการนี้ สามารถทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการยื่นผ่านระบบ e-Filling ที่เจ้าของกิจการหรือผู้ได้รับมอบหมายสามารถกรอกข้อมูลในแบบยื่น กรอกรายการคำนวณภาษี ไปจนถึงขั้นตอนการชำระภาษีครบในที่เดียวผ่านระบบออนไลน์ โดยสามารถยื่นแบบด้วยตัวเองได้ที่เว็บไซต์ ? วิธีการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับยื่น ภ.ง.ด.50 เจ้าของกิจการหลายท่านอาจเข้าใจว่าสามารถใช้ตัวเลขจากงบการเงินในการคำนวณภาษีที่ต้องเสียได้ทันที แต่ตามความเป็นจริงแล้วต้องนำตัวเลขดังกล่าวมาทำการปรับปรุงจาก ‘กำไรทางบัญชี’ ให้เป็น ‘กำไรทางภาษี’ ก่อน เพื่อใช้ในการคำนวณ โดยมีวิธีการปรับปรุงเบื้องต้นดังนี้ นำตัวเลขทั้งสามส่วนมารวมกันก่อน จึงจะได้เป็นตัวเลขกำไรทางภาษีที่สามารถนำมาคำนวณภาษีที่ต้องเสีย ยกตัวอย่างการคำนวณ กำไรจากงบการเงิน 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายต้องห้าม 10,000 บาท เบี้ยปรับเงินเพิ่ม 5,000 บาท ดังนั้นกำไรทางภาษีคือ 1,015,000 บาท ซึ่งตัวเลข 1,015,000 คือตัวเลขของกำไรที่จะนำมาใช้ในการคำนวณภาษีจริง ถัดมาก็จะนำตัวเลขดังกล่าวมาใช้ในการคำนวณกับ อัตราภาษี ตัวอย่างการคำนวณ กรณีที่มีอัตราภาษี 20% กำไรทางภาษี x 20% = ภาษีที่ต้องชำระ แทนสูตร 1,015,000 x 20% = 203,000 หลังจากนั้นให้นำภาษีที่ต้องชำระมาหักกับ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และจำนวนภาษีครึ่งปีที่เราได้ชำระไปในตอนยื่น ภ.ง.ด.51 เมื่อช่วงกลางปี ยกตัวอย่างเช่น มีรายการภาษีหัก ณ ที่จ่ายตลอดปีรวมกัน 50,000 บาท และชำระภาษีเงินได้ครึ่งปีไปแล้ว 30,000 บาท ให้นำตัวเลขมาหักลบออกจากภาษีที่ต้องชำระดังนี้ 203,000 – 50,000 – 30,000 = 123,000 บาท ดังนั้นหมายความว่าจำนวนภาษีที่ต้องชำระจริงคือ 123,000 บาท เคล็ดลับยื่น แบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลา เพราะการยื่นแบบแสดงรายการภาษีประจำปี ให้ถูกต้องและทันเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของกิจการ เพื่อให้ไม่ให้เสียเงิน และเสียเวลาเพิ่มโดยใช้เหตุ เรามี 4 เคล็ดลับสำหรับเจ้าของกิจการมาฝากกัน เตรียมงบการเงินล่วงหน้า การเตรียมงบการเงินล่วงหน้าช่วยให้สามารถทำการปรับปรุงคำนวณภาษีได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรรอให้ใกล้ถึงเวลายื่นแบบแล้วค่อยจัดการ เพราะอาจนำไปสู่ข้อผิดพลาดในการคำนวณได้ ตรวจสอบรายการบันทึกบัญชีให้ครบถ้วน การตรวจสอบรายการบัญชีให้ครบถ้วนก็เป็นอีกหนึ่งข้อสำคัญ โดยสามารถทำได้จากการ กระทบยอด (Bank Reconciliation) เพื่อเปรียบเทียบธุรกรรมจากธนาคาร และธุรกรรมที่ได้ทำการบันทึกบัญชีให้ตรงกัน ใช้ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA) ที่มีประสบการณ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต หรือ CPA เป็นบุคคลภายนอกบริษัทที่มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อมูล และความถูกต้องในงบการเงินของบริษัท การที่มีผู้สอบบัญชีที่มีประสบการณ์สูง ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความถูกต้องครบถ้วนในการคำนวณภาษี ใช้โปรแกรมบัญชี หรือบริการสำนักงานบัญชีช่วยจัดการ การใช้โปรแกรมบัญชีที่สามารถช่วยจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ บันทึกข้อมูลได้แม่นยำ และสามารถจัดการเอกสารด้านบัญชีและการเงินได้ดียิ่งขึ้น ช่วยให้นักบัญชีในองค์กรสามารถบริหารจัดการภาษีได้อย่างถูกต้อง แต่ถ้าธุรกิจของคุณยังไม่มีเจ้าหน้าที่บัญชีช่วยจัดการตรงส่วนนี้ อาจใช้บริการสำนักงานบัญชีเข้ามาช่วยจัดการด้านภาษีเพื่อความถูกต้องมากขึ้นได้เช่นกัน ภ.ง.ด.50 เอกสารสำคัญด้านภาษีที่เจ้าของกิจการควรรู้จัก เมื่ออ่านถึงตรงนี้เจ้าของกิจการน่าจะพอทราบกันมากขึ้นแล้วว่า ภ.ง.ด.50 คือ เอกสารที่ใช้สำหรับการยื่นภาษีประจำปี หากไม่ได้ยื่น ยื่นไม่ครบถ้วน หรือยื่นล่าช้าก็จะมาพร้อมค่าปรับ หรือเบี้ยปรับ และอาจนำไปสู่การตรวจสอบจากกรมสรรพากรได้เช่นกัน ดังนั้นเจ้าของกิจการควรให้ความสำคัญ และตรวจสอบการยื่นภาษีประจำปีอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งการเลือกใช้โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับเจ้าของกิจการ ที่สามารถช่วยลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดในการจัดการภาษีได้ ด้วยฟีเจอร์ด้านการจัดการเอกสาร การบันทึกบัญชี และอื่น ๆ อีกมากมาย ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาทคลิก   (ไม่มีค่าใช้จ่าย)PEAK Call Center : 1485LINE : @peakaccountสอบถามเพิ่มเติม คลิก