
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) เป็นภาษีพื้นฐานที่เจ้าของกิจการทุกคนต้องรู้ เพราะเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินให้คู่ค้า ฟรีแลนซ์ หรือพนักงานในทุกธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่หรือร้านค้าเล็ก ๆ ก็อาจมีหน้าที่ “หักภาษี ณ ที่จ่าย” อยู่เสมอ
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายคืออะไร
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (Withholding Tax) คือ ภาษีที่ “ผู้จ่ายเงิน” มีหน้าที่หักไว้บางส่วนจากยอดที่ต้องจ่ายให้ “ผู้รับเงินได้” แล้วนำส่งกรมสรรพากรแทน เช่น เมื่อบริษัทจ่ายค่าบริการให้ผู้รับจ้าง จะต้องหักภาษีบางส่วนก่อนโอนเงินจริงให้
พูดง่าย ๆ คือ “ผู้จ่ายเงิน” ช่วย “เก็บภาษีล่วงหน้า” ให้กรมสรรพากร เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีของผู้มีรายได้
ใครมีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย
ผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย คือ “ผู้จ่ายเงินได้” ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา บริษัท หรือองค์กร เมื่อมีการจ่ายค่าจ้าง ค่าเช่า หรือค่าบริการ ต้องตรวจสอบว่าอยู่ในข่ายต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายหรือไม่
หน้าที่ของ “ผู้จ่ายเงินได้”
- หักภาษี ณ ที่จ่ายตามอัตราที่กฎหมายกำหนด
- ออกหนังสือรับรองการหักภาษี (แบบ 50 ทวิ) ให้ผู้รับเงิน
- จัดเก็บเอกสารอย่างถูกต้อง
- ส่งต้นฉบับให้ผู้รับเงิน
- แนบสำเนาให้กรมสรรพากร
- เก็บไว้อีกชุดเป็นหลักฐานของกิจการ
หน้าที่ของ “ผู้มีเงินได้”
- รับเอกสารต้นฉบับแบบ 50 ทวิ
- เก็บไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงว่าได้ถูกหักภาษีแล้ว
- ใช้ยื่นภาษีเพื่อขอเครดิตหรือหักลดจากภาษีที่ต้องชำระในภายหลัง
ใครถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายบ้าง

ภาษีหัก ณ ที่จ่ายไม่ได้จำกัดเฉพาะบริษัทเท่านั้น แต่รวมถึงบุคคลทั่วไปที่ได้รับเงินได้จากการทำงานหรือให้บริการ เช่น
- ฟรีแลนซ์ หรือผู้ให้บริการอิสระ
- ผู้รับเหมา
- เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่ให้เช่า
- บริษัทที่ได้รับค่าบริการจากลูกค้า
กรมสรรพากรจะออก หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ) เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการยื่นภาษีภายหลัง
อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย
อัตราภาษีแตกต่างกันตามประเภทของรายได้ ดังนี้

หมายเหตุ:
- หากจ่ายไม่เกิน 1,000 บาทต่อครั้ง ไม่ต้องหักภาษี (เว้นแต่เป็นการจ่ายต่อเนื่อง)
- ผู้รับเป็นต่างชาติหรืออยู่ภายใต้อนุสัญญาภาษีซ้อน อัตราอาจต่างออกไป
- ปัจจุบันธุรกรรมผ่านระบบ e-Withholding Tax อาจได้รับอัตราภาษีลดลงตามนโยบายกระตุ้นดิจิทัล
ประโยชน์ของผู้ที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย
หลายคนอาจรู้สึกว่าโดนหักเงิน แต่แท้จริงแล้ว “การถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย” มีข้อดีหลายอย่าง เช่น
- เครดิตภาษีล่วงหน้า – นำไปหักจากภาษีที่ต้องจ่ายเมื่อยื่นภาษีสิ้นปี
- หลักฐานรายได้ถูกต้องตามกฎหมาย – ใช้ยืนยันรายได้ต่อธนาคารหรือหน่วยงานอื่นได้
- ลดภาระภาษีช่วงสิ้นปี – เพราะได้จ่ายบางส่วนไว้ล่วงหน้าแล้ว
สิ่งสำคัญที่เจ้าของกิจการหลายคนมักมองข้าม คือ อย่าลืมนำภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ถูกหักไว้ตลอดปี มาหักออกจากภาษีที่ต้องชำระตอนยื่นภาษีปลายปี เพราะเงินที่ลูกค้าหักส่งให้สรรพากรนั้น ถือเป็น “เครดิตภาษี” ของคุณโดยตรง ซึ่งสามารถช่วยลดภาระภาษีได้มาก และในบางกรณี หากยอดภาษีที่ถูกหักไว้เกินกว่าภาษีที่คุณต้องจ่ายจริง คุณยังสามารถ “ขอคืนภาษี” ได้ด้วย อ่านต่อได้ที่ How to มือใหม่ยื่นภาษียังไงให้ได้เงินคืน!
หักภาษี ณ ที่จ่ายแล้ว ต้องยื่นภาษีไหม
คำตอบคือ ยังต้องยื่นอยู่ เพราะการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นเพียง “การชำระภาษีบางส่วนล่วงหน้า” ไม่ใช่การชำระครบถ้วนทั้งหมด
เมื่อถึงรอบยื่นภาษี (ภ.ง.ด.90/91 สำหรับบุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด.50 สำหรับนิติบุคคล) ผู้ถูกหักภาษีต้องรวมรายได้ทั้งหมดมาคำนวณอีกครั้ง แล้วนำภาษีที่ถูกหักไว้มา “เครดิตหักออก” จากยอดภาษีที่คำนวณได้ หากภาษีถูกหักไว้มากกว่าภาษีที่ต้องจ่าย ก็สามารถขอคืนได้เช่นกัน
ตัวอย่างแบบฟอร์มการยื่นเพื่อนำส่งภาษีหัก ณ ที่จ่าย
| กรณี | แบบฟอร์ม | ใช้เมื่อ | หมายเหตุ |
| หักภาษีจาก บุคคลธรรมดา | ภ.ง.ด. 3 | จ่ายค่าบริการ ค่าเช่า ค่าจ้าง ฯลฯ ให้บุคคลธรรมดา | ยื่นออนไลน์วันที่ 15 ของเดือนถัดไป |
| หักภาษีจาก นิติบุคคล | ภ.ง.ด. 53 | จ่ายค่าบริการ ค่าเช่า ค่าตอบแทน ฯลฯ ให้บริษัท/ห้างหุ้นส่วน | ยื่นออนไลน์วันที่ 15 ของเดือนถัดไป |
| หักภาษีจาก การจ่ายเงินเดือน/ค่าจ้างพนักงาน | ภ.ง.ด. 1 | ใช้กับเงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส | ยื่นออนไลน์วันที่ 15 ของเดือนถัดไป |
| สรุปการหักภาษีเงินเดือนทั้งปี | ภ.ง.ด. 1ก | ยื่นปีละครั้ง แนบรายชื่อพนักงานทั้งหมด ไม่ว่าจะหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้หรือไม่ก็ตาม | ยื่นออนไลน์ภายในวันที่ 8 มี.ค. ของปีถัดไป |
สรุป: ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เรื่องเล็กที่เจ้าของกิจการห้ามมองข้าม
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นหน้าที่สำคัญของผู้จ่ายเงินที่ต้องนำส่งกรมสรรพากรตามกฎหมาย
ขณะที่ผู้รับเงินจะได้รับแบบฟอร์ม 50 ทวิ เพื่อใช้เป็นเครดิตภาษีเมื่อต้องยื่นภาษีสิ้นปี
อย่าลืมว่าแม้ถูกหักภาษีแล้ว ก็ยังต้องยื่นภาษีประจำปี และภาษีที่ถูกหักไว้สามารถนำมาหักลดภาษีที่ต้องชำระได้
สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า OFM!
สำหรับลูกค้า OfficeMate (OFM) ที่ต้องการจัดการเอกสารและบัญชีอย่างมืออาชีพ เรามีตัวช่วย!
PEAK คือ โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ที่ทำให้การทำบัญชี การเงิน และภาษีเป็นเรื่องง่ายและ อัตโนมัติ ช่วยลดงานเอกสารและประหยัดเวลาด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ (AI, API) แถมยังได้ข้อมูลธุรกิจแบบ Real-Time
พิเศษ: ลูกค้า OFM ทดลองใช้ฟรี 30 วัน พร้อม ส่วนลดพิเศษ เมื่อสมัครแพ็กเกจรายปี!
ให้ PEAK เป็นหลังบ้านดิจิทัลที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณ จัดการได้อย่างมืออาชีพ!
ลงทะเบียนรับสิทธิ์: https://bit.ly/46bdf9B
ติดตาม OfficeMate ได้ที่ช่องทาง
- Facebook : https://www.facebook.com/officemate.co.th
- Line :https://page.line.me/tte5109d
- Instagram : https://www.instagram.com/officemate_thailand
- Linkedin : https://www.linkedin.com/company/officemate
- Tiktok: https://www.tiktok.com/@officemate_thailand?lang=en
- Website : https://www.ofm.co.th
