ปัจจุบันการยื่นแบบเสียภาษีทางออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยื่นแบบชำระภาษีที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ คุณสามารถยื่นแบบผ่านทางเว็บไซต์กรมสรรพากร (www.rd.go.th) ในการคำนวณภาษีเงินได้ประจำปี ถ้าในระหว่างปีคุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายมากกว่าภาษีที่ต้องชำระ คุณสามารถขอเงินคืนภาษีจากกรมสรรพากรได้ ซึ่งการเช็คสถานะเงินคืนก็สามารถทำได้ง่ายๆด้วยตนเอง ดังนี้
วิธีเช็คสถานะเงินคืนภาษี
1. เข้าเว็บไซต์กรมสรรพากร เลือก บริการข้อมูล/ข้อมูลสำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา/บริการสอบถามข้อมูลการคืนภาษี
2. กรอกข้อมูลเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ชื่อผู้เสียภาษี(ไม่ต้องระบุคำนำหน้าชื่อ) ชื่อสกุล
3. กดสอบถาม
4. เมื่อเข้าสู่หน้าจอ “ผลการสอบถามข้อมูลการขอคืนภาษีภ.ง.ด.90/91” คุณสามารถตรวจสอบสถานะเงินคืนภาษีได้ กรณีที่กรมสรรพากรขอเอกสารเพิ่มเติมจะแสดงรายละเอียดในสถานะการสอบถามข้อมูล รวมถึงกำหนดเวลาและช่องทางการส่งเอกสาร
ช่วงเวลาขอคืนภาษี
โดยทั่วไปมี 2 ช่วงเวลาดังนี้
1. การขอคืนภาษีก่อนครบกำหนดการยื่นภาษี
เป็นการขอคืนภาษีหลังจากที่ทำการยื่นแบบทันที ซึ่งคนส่วนใหญ่นิยมขอคืนในช่วงเวลานี้เพราะจะได้รับคืนภาษีที่รวดเร็ว
2. การขอคืนภายหลังการครบกำหนดการยื่นภาษี
เป็นการขอคืนภาษีภายหลังจากยื่นแบบไปแล้ว โดยผู้เสียภาษีมานึกได้ภายหลังก็สามารถขอคืนภาษีได้โดยการยื่นเพิ่มเติม แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องขอคืนภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากวันที่ครบกำหนดยื่นภาษี
ช่องทางในการรับคืนภาษี
1. ผ่านระบบพร้อมเพย์
2. รับคืนภาษีเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย โดยติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาและยื่นหนังสือแจ้งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ค.21) ที่ได้รับจากกรมสรรพากร
3. รับคืนภาษีเข้าบัตร E-Money/E-Wallet เฉพาะธนาคารกรุงไทย โดยติดต่อที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขาและยื่นหนังสือแจ้งคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ค.21) ที่ได้รับจากกรมสรรพากร
คุณสามารถติดตามบทความดีๆ ด้านบัญชีภาษีได้ทาง https://peakaccount.com