5 เรื่องต้องรู้! การกระทบยอดรายได้บัญชีและภาษี (ภ.พ.30 vs ภ.ง.ด.50)

ก่อนยื่นภ.พ.30 ออนไลน์ นักบัญชีควรมีการกระทบยอดรายได้บัญชีและภาษีก่อน หรือที่นักบัญชีชอบเรียกกันว่ากระทบยอดรายได้ ภ.พ.30 และภ.ง.ด.50 นั่นเอง ซึ่งมีสมมติฐานว่ารายได้ที่บันทึกทางบัญชีควรต้องเท่ากับรายได้ที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนว่าจำเป็นต้องกระทบยอดรายได้ด้วยเหรอ? แล้วต้องทำยังไง? ในบทความนี้ผมจะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจว่าทำไมเราต้องกระทบยอดรายได้ ไปจนถึงสาธิตการกระทบยอดรายได้ภ.พ.30 และ ภ.ง.ด.50 รวมถึงวิธีคิด VAT7% และวิธียื่นภ.พ. 30 ออนไลน์กัน ถ้าอยากรู้แล้วไปอ่านกันต่อได้เลย

ก่อนยื่นภ.พ.30 ออนไลน์ รู้จักภ.ง.ด.50 คืออะไร ต่างกันอย่างไร

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักภ.พ.30 และ ภ.ง.ด.50 ว่าคืออะไร? ผมมาสรุปให้สั้น ๆ เข้าใจง่าย ๆ ดังนี้ครับ

  • ภ.พ.30 คือ แบบยื่นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มีข้อมูลรายได้ที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มของกิจการ
  • ภ.ง.ด.50 คือ แบบยื่นภาษีเงินได้ประจำปี มีข้อมูลรายได้ ค่าใช้จ่าย และกำไรที่อิงตามระบบบัญชี

เห็นได้ว่าทั้ง 2 แบบมีข้อมูลรายได้ทางบัญชีและภาษี ซึ่งควรจะตรงกัน กรณีไม่ตรงต้องมีเหตุผลรองรับ

วิธีคิดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ วิธีคิด VAT7% 

ก่อนที่เราจะทำการกระทบยอดรายได้เพื่อนำไปใช้ยื่นภ.พ.30 ออนไลน์นั้น เราต้องรู้ยอดภาษีมูลค่าเพิ่มกันเสียก่อน โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT: Value Added Tax) คือ ภาษีที่เก็บจากมูลค่าของสินค้าหรือบริการโดยรัฐบาลโดยในประเทศไทยจะกำหนดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ซึ่งสามารถคิดได้ดังนี้ 

ราคาสินค้า/บริการ x (7 ÷ 100) = VAT

หรือ กดเครื่องคิดเลข : ราคาสินค้า/บริการ x 7% = ภาษีมูลค่าเพิ่ม

5 เรื่องต้องรู้! เกี่ยวกับการกระทบยอดรายได้บัญชีและภาษี

1. ทำไมต้องกระทบยอดรายได้ ภ.พ.30 vs ภ.ง.ด.50 ?

เหตุผลเบื้องหลังการกระทบยอดรายได้ง่าย ๆ คือ เพื่อตรวจสอบจำนวนรายได้ที่บันทึกบัญชี (ภ.ง.ด.50 หรือ งบการเงิน) กับ รายได้ที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ว่าตรงกัน และยื่นภาษีครบถ้วน

จริง ๆ ผู้ประกอบการควรต้องกระทบยอดรายได้ทุกเดือนอยู่แล้ว(แต่คนส่วนใหญ่มักจะทำเป็นรายปี!) เพื่อดูว่ารายได้บันทึกบัญชีในแต่ละเดือนได้นำส่งภาษีครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ทำ แล้วมาพบทีหลัง ก็จะโดนค่าปรับย้อนหลัง ซึ่งบอกเลยว่าค่าปรับภาษีมูลค่าเพิ่มแพงสุดๆในบรรดาทุกภาษี

เช่น วันดีคืนดีโดนสรรพากรเรียกตรวจ พบว่ายื่นภาษีมูลค่าเพิ่มขาดไป 10,000 บาท เราจะต้องนำส่งภาษีที่ขาดและค่าปรับอีก 2 เท่า แปลว่าต้องจ่ายรวม 30,000 บาท (ภาษี 10,000 + ค่าปรับ 10,000*2 เท่า) นอกจากนี้ยังมีเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือนอีกด้วย เรียกว่าโดนปรับทีหนึ่ง อาจเตรียมปิดกิจการได้เลย

2. กิจการที่ต้องกระทบยอดรายได้ ภ.พ.30 vs ภ.ง.ด.50

ไม่ใช่ว่าทุกครั้งมีหน้าที่ต้องกระทบยอดรายได้ภ.พ.30 vs ภ.ง.ด.50 นะครับ เพราะภ.พ.30 นั้นจะเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบที่จดภาษีมูลค่า (VAT) เท่านั้น – เน้นว่า ถ้าใครไม่ได้จด VAT ก็ไม่ต้องทำครับ – ดังนั้นกลุ่มที่ต้องกระทบยอดรายได้ หลัก ๆ จะประกอบด้วย

  • 1. บุคคลธรรมดา ที่จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • 2. นิติบุคคล ที่จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)

3. ข้อมูลที่ใช้กระทบยอดรายได้ ภ.พ.30 vs ภ.ง.ด.50

ถ้าวันนี้เราเป็นผู้ประกอบการจด VAT รู้ตัวแล้วว่าทำไมต้องทำ คำถามถัดไป คือ ถ้าจะทำต้องใช้ข้อมูลอะไรบ้าง? ผมได้สรุปเอกสารออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ครับ

เอกสารประกอบการกระทบยอดและเอกสารประกอบกรณีหาผลต่าง

4. วิธีกระทบยอดรายได้ ภ.พ.30 vs ภ.ง.ด.50

เมื่อเตรียมเอกสารที่ได้บอกครบถ้วน ต่อไปเราจะเริ่มมากระทบยอดรายได้กันครับ สูตร  คือ

“รายได้ทางบัญชี (ภ.ง.ด.50) ลบ รายได้ทางภาษี VAT (ภ.พ.30) = 0”

ถ้าธุรกิจไม่ซับซ้อน เช่น ธุรกิจขายสินค้า เมื่อนำรายได้ทางบัญชีและทางภาษีมาลบกันแล้วมักจะไม่มีผลต่างครับ แปลว่าอาจยื่นภาษีได้ถูกต้อง (แม้บางครั้งไม่มีผลต่าง แต่ก็มีกรณีที่มีรายได้แต่ไม่บันทึกบัญชีและยื่นภาษีด้วย)

สำหรับธุรกิจที่เริ่มมีความซับซ้อนขึ้น เช่น ขายสินค้าแต่มีการเก็บมัดจำล่วงหน้า หรือธุรกิจให้บริการที่มีลูกหนี้การค้า วิธีกระทบยอดยังคงเป็นหลักการเดิม แต่จะเพิ่มรายการอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุของผลต่างเข้ามาคำนวณด้วยหลัก ๆ ผมจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ธุรกิจขายสินค้า และธุรกิจให้บริการ ดังนี้

ธุรกิจขายสินค้า

ตารางกระทบยอดธุรกิจขายสินค้า

ธุรกิจขายสินค้าที่ไม่มีการรับเงินมัดจำล่วงหน้า เมื่อนำรายได้ตามบัญชีหักรายได้ทางภาษีมักจะไม่เกิดผลต่าง แต่ถ้ามีการรับเงินมัดจำล่วงหน้า จะต้องนำเงินมัดจำคงค้างปลายงวดและต้นงวดมาปรับด้วยตามรูปภาพ

ธุรกิจให้บริการ

ตารางกระทบยอดธุรกิจบริการ

ธุรกิจให้บริการการรับรู้รายได้ทางบัญชีและทางภาษี VAT มักจะเป็นคนละวันกัน ทำให้ต้องนำลูกหนี้การค้าปลายงวดและต้นงวดมากระทบยอดด้วย อีกทั้งถ้ามีการรับเงินมัดจำก็ต้องนำมากระทบยอดด้วยเช่นกัน

ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้น คือ ยอดลูกหนี้การค้าปกติจะรวมภาษีมูลค่าเพิ่มไปด้วย ดังนั้นเมื่อนำลูกหนี้การค้ามากระทบยอด อย่าลืมว่าต้องถอด VAT ออกจากลูกหนี้การค้าเสมอ ไม่งั้นจะเกิดผลต่างขึ้นได้

5. กรณีเกิดผลต่าง

บางครั้งชีวิตก็ไม่ได้ราบเรียบเสมอไป ถ้าเราใส่ตัวเลขไปครบถ้วนแล้ว แต่เกิดผลต่าง ไม่ได้แปลว่าจะเกิดความผิดพลาดเสมอไป จริง ๆ มีหลายเหตุผลมากที่ทำให้เกิดผลต่าง ดังนั้นก่อนที่เราจะไปแก้ไขปัญหา เรามาเข้าใจสิ่งที่อาจทำให้เกิดผลต่างจากการกระทบยอดรายได้กันครับ

สาเหตุของการเกิดผลต่าง

  • จุดรับรู้รายได้ของแต่ละธุรกิจ กรณีธุรกิจขายสินค้าวันที่รับรู้รายได้ทางบัญชีและภาษีมูลค่าเพิ่มจะเป็นวันเดียวกัน คือ วันที่ส่งมอบสินค้า ทำให้ไม่เกิดผลต่าง แต่ถ้าเป็นธุรกิจบริการจะรับรู้รายได้ทางบัญชีเมื่อให้บริการเสร็จ แต่ภาษีจะรับรู้เมื่อได้รับชำระเงินแล้ว นี้จึงเป็นเหตุผลที่ธุรกิจบริการจะต้องนำลูกหนี้การค้ามากระทบยอดด้วย
  • ประเภทรายได้ รายได้ที่บันทึกบัญชีไม่ได้จำเป็นต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเสมอ เช่น ธุรกิจขายเนื้อหมูสดและขายมีดหั่นหมู ตอนบันทึกบัญชีจะบันทึกรายได้ทั้งขายหมูและขายมีด แต่ตอนเสียภาษีมูลค่าจะเสียจากรายได้ขายมีดเท่านั้น เพราะการขายเนื้อหมูเป็นรายได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • กระทบยอดผิด ไม่ครบถ้วน  รายการที่ใช้กระทบยอดผิด หรือไม่ครบ เช่น ธุรกิจขายสินค้า แต่ใช้วิธีกระทบยอดของธุรกิจให้บริการ หรือ ธุรกิจบริการใช้ยอดลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ถอดVAT หรือ ไม่ได้นำเงินมัดจำ รวมถึงรายการอื่นๆ เช่น กำไรจากการขายทรัพย์สิน รายได้ที่ไม่ต้องเสียVAT มากระทบ เป็นต้น
  • ยื่นรายได้เพื่อเสียVAT หรือบันทึกรายได้ไม่ครบถ้วน ข้อนี้จะเป็นเรื่องที่กิจการทำผิดจริงๆ เช่น บันทึกบัญชีรายได้แต่ไม่ได้นำไปเสียVAT หรือนำรายได้ไปเสียVAT แต่ไม่ได้บันทึกบัญชีรายได้ เป็นต้น

วิธีแก้ไขเมื่อเกิดผลต่าง

ถ้าผลต่างเกิดจากการกระทบยอดผิดวิธี ไม่ครบถ้วน หรือเข้าใจผิด เมื่อรู้สาเหตุแล้วต้องรีบแก้ไขทันทีก่อนยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละเดือน แต่ส่วนใหญ่มักจะมาทำหลังจากยื่นแบบภ.พ.30 ไปแล้ว จึงต้องยื่นแก้ไขแบบภาษีเพิ่มเติมให้ถูกต้อง ทำให้ผู้ประกอบต้องเสียทั้งค่าปรับและเงินเพิ่มครับ

การยื่นภ.พ. 30 ออนไลน์

  1. เข้าสู่เว็บไซต์ กรมสรรพากร ด้วยเลขประจำตัวผู้เสียภาษีและรหัสผ่าน
  2. เลือก “ยื่นแบบภาษี” และเลือกแบบ ภ.พ. 30
  3. กรอกข้อมูลในแบบฟอร์ม
    • ฝั่งยอดขาย กรอกยอดขายทั้งหมด แยกตามการเสียภาษีและด้รับยกเว้น
    • ฝั่งยอดซื้อ กรอกยอดซื้อที่จะใช้ในการคำนวณภาษี 
    • ภาษีขายเดือนนี้ และ ภาษีซื้อเดือนนี้ ระบบจะทำการคำนวณให้อัตโนมัติจากการคูณ 7%
  4. ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้อง
  5. ยืนยันการยื่นแบบ
  6. ระบบจะแสดงผลการยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่มจากนั้นให้ทำการจ่ายเงิน

ตารางยื่นภ.พ. 30 ออนไลน์

วันในการยื่นภ.พ. 30 ออนไลน์แต่ละเดือนอาจจะไม่ได้ตรงกัน โดยเราสามารถเข้าไปเช็กเวลาการยื่นภ.พ. 30 ออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์กรมสรรพากรได้เลย ซึ่งไม่ได้ยื่นแบบภาษีจะคิดค่าเบี้ยปรับคิดเป็น 2 เท่าของเปอร์เซ็นต์เบี้ยปรับ แต่ถ้าไม่มีภาษีต้องชำระก็ไม่เสียค่าเบี้ยปรับ แต่ยังคงต้องเสียค่าปรับอาญากรณีไม่ยื่นแบบ 500 บาท

สรุป

ท้ายนี้ผมหวังว่าผู้อ่านทุกคนจะเข้าใจและเห็นความสำคัญของการกระทบยอดรายได้ ภ.พ.30 และ ภ.ง.ด.50 มากขึ้นนะครับ ก่อนจากกันไป ผมได้สรุปเนื้อหาให้อีกครั้งเป็น checklist สั้น ๆ ดังนี้ครับ

  • เป็นการกระทบยอดรายได้ทางบัญชีกับรายได้ทางภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
  • ควรกระทบยอดรายได้ทุกเดือน จะแก้ไขข้อผิดพลาดได้เร็ว และไม่เกิดค่าปรับ
  • เข้าใจรูปแบบของธุรกิจตัวเอง ธุรกรรม จะรู้ว่าต้องใช้รายการไหนมากระทบรายการด้วย
  • บันทึกบัญชีผิดให้บันทึกแก้ไขการบันทึก ยื่นภาษีผิดให้ยื่นปรับปรุงภาษีพร้อมค่าปรับ
  • สุดท้าย กระทบยอดต้องใช้ความเข้าใจ ผู้ประกอบทำไม่ได้ไม่เป็นไร ให้นักบัญชีดูแลแทนได้ครับ