ปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีแนวคิดในการทำงานที่หารายได้หลายทาง ด้วยเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การใช้สมาร์ทโฟนในการติดต่อสื่อสารในโลกออนไลน์ ทำให้มนุษย์เงินเดือน ชาวฟรีแลนซ์ สามารถหารายได้เพิ่มขึ้นจากการขายของหรือการทำงานผ่านระบบออนไลน์ อย่างไรการมีรายได้หลายทางก็ยังต้องนำมาเสียภาษี สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือรายได้แต่ละทางเป็นรายได้ประเภทไหนตามกฎหมาย หรือกรณีพ่อค้าแม่ค้าทั้งที่ขายหน้าร้านและขายออนไลน์ที่ยื่นเสียภาษีในนามบุคคลธรรมดา มักจะพบความยุ่งยากในการจัดการเรื่องบัญชีและภาษีและนำส่งภาษีเงินได้บุคคธรรมดาให้ถูกต้อง
บุคคลธรรมดา จ้างสำนักงานบัญชียื่นภาษีได้หรือไม่
สำนักงานบัญชีเป็นหน่วยงานที่ตอบโจทย์ สามารถเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระความยุ่งยากดังกล่าวได้ โดยส่วนใหญ่งานของสำนักงานบัญชีจะเน้นการให้บริการกับผู้ประกอบการห้างร้านที่จดทะเบียนในนามนิติบุคคล ได้แก่ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เนื่องจากกฎหมายพระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ.2547 กำหนดให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่เป็นนิติบุคคลต้องจัดให้มีผู้ทำบัญชี บริษัทห้างร้านที่เป็นนิติบุคคลจึงนิยมจ้างสำนักงานบัญชีซึ่งมีบุคลากรที่เป็นผู้ทำบัญชี สามารถดูแลจัดการเรื่องบัญชีและภาษีให้กับองค์กรได้ อย่างไรก็ตามลูกค้าที่เป็นบุคคลธรรมดาก็สามารถใช้บริการของสำนักงานบัญชีได้ในการบรรเทาภาระทางด้านภาษีได้เช่นกัน
สำนักงานบัญชีจัดการงานอะไรให้บุคคลธรรมดาบ้าง
1. ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
สำนักงานบัญชีมีบริการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดารายปี ได้แก่แบบภ.ง.ด.90,ภ.ง.ด.91,ภ.ง.ด.94 กรณีร้านค้าบุคคลธรรมดาที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม สำนักงานบัญชีมีบริการยื่นแบบภ.พ.30 เป็นรายเดือน
2. จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย
สำนักงานบัญชีให้บริการจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับผู้ประกอบการบุคคลธรรมดาที่มีเงินได้ตามมาตรา 40(5) (6) (7) และ(8) แต่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยบัญชีรายรับรายจ่ายใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
3. ให้คำปรึกษาแนะนำทางด้านภาษี
ไม่เพียงแต่ยื่นแบบภาษี สำนักงานบัญชียังให้คำปรึกษาและแนะนำเรื่องภาษี เอกสารหลักฐานในการลงบัญชีที่สามารถใช้เป็นรายจ่ายทางภาษีได้ ช่วยวางแผนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ช่วยแนะนำในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มในกรณีที่ร้านค้ามีรายได้จากยอดขายหรือค่าบริการที่เรียกเก็บจากลูกค้าเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี การออกเอกสารใบกำกับภาษีที่ถูกต้องตามประมวลรัษฎากร
บุคคลธรรมดาเลือก ‘สำนักงานบัญชี’ ยังไง?
ปัจจุบันมีสำนักงานบัญชีหลายแห่งให้บริการดังที่กล่าวมา การเลือกสำนักงานบัญชีที่ดีจะช่วยลดภาระยุ่งยากในการจัดการทางภาษีและลดความเสี่ยงในการเสียค่าปรับทางภาษีให้แก่กรมสรรพากร การเลือกสำนักงานบัญชีมีข้อควรพิจารณาดังนี้
1. การให้บริการ
ควรเลือกสำนักงานบัญชีที่ให้บริการให้คำแนะนำปรึกษาทางภาษีได้ มีระบบในการรับ-ส่งเอกสารที่ดี สามารถติดต่อสอบถามได้สะดวกรวดเร็ว มีความใส่ใจในการแก้ปัญหา
2. ค่าบริการ
ในการเลือกใช้สำนักงานบัญชีไม่ควรเน้นค่าบริการที่ถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาเลือกสำนักงานบัญชีที่คิดราคาค่าบริการที่เหมาะสมและควรพิจารณาคุณภาพของงานที่ให้บริการเป็นหลัก
3. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของนักบัญชี
ควรเลือกสำนักงานบัญชีที่มีนักบัญชีที่มีประสบการณ์ เบื้องต้นอาจมีการนัดสัมภาษณ์เพื่อประเมินเบื้องต้น
4. การบริหารจัดการของสำนักงานบัญชี
การสัมภาษณ์ประเมินเบื้องต้น ในเรื่องระบบการทำงาน ถ้าเป็นไปได้อาจสอบถามข้อมูลจากลูกค้าที่เคยใช้บริการในเรื่องปัญหาการใช้บริการ ความน่าเชื่อถือ การตรงต่อเวลา จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกสำนักงานบัญชีได้ง่ายขึ้น
ติดตามความรู้จาก โปรแกรมบัญชี PEAK ได้ที่ peakaccount.com
หรือเข้าใช้งานโปรแกรม คลิก เข้าสู่ระบบ PEAK