การทำบัญชีอาจดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของธุรกิจให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก แต่ความจริงแล้ว ความผิดพลาดทางบัญชีสามารถสร้างปัญหาใหญ่กว่าที่คุณคิด ตั้งแต่กระแสเงินสดที่ไม่สมดุล ไปจนถึงปัญหาภาษีและความน่าเชื่อถือของธุรกิจ ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้จัก “5 ความผิดพลาดทางบัญชี SMEs ที่ควรรู้และการหลีกเลี่ยงเพื่อความสำเร็จ” เพื่อให้คุณสามารถบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงทางการเงิน และสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

5 ความผิดพลาดทางบัญชี ที่ ธุรกิจ SMEs มักมองข้าม!

ความผิดพลาดทางบัญชี SMEs : การไม่แยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัว

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 1 : การไม่แยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัว

การบริหารการเงินที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในธุรกิจ หนึ่งในหลักการพื้นฐานที่เจ้าของธุรกิจต้องให้ความสำคัญคือ การแยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัว อย่างชัดเจน การใช้บัญชีเดียวกันอาจทำให้เกิดความสับสน เสียเวลา และส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจทางการเงินของธุรกิจ ดังนั้นในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่าทำไมการแยกบัญชีจึงเป็นเรื่องสำคัญ พร้อมแนวทางปฏิบัติที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริง

ทำไมต้องแยกบัญชีธุรกิจกับบัญชีส่วนตัว?

1.1 ช่วยให้บริหารการเงินได้ง่ายขึ้น

ลองนึกภาพว่าคุณต้องนั่งไล่ดูรายการเดินบัญชีเพื่อแยกว่าเงินไหนเป็นรายรับธุรกิจ เงินไหนเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว หากคุณใช้บัญชีเดียวกัน คุณอาจต้องเสียเวลานั่งไล่ดูทีละรายการ ซึ่งไม่คุ้มค่าเลย การแยกบัญชีช่วยให้คุณสามารถติดตามรายรับและรายจ่ายของธุรกิจได้อย่างแม่นยำ ลดความยุ่งยากในการทำบัญชี และช่วยให้การทำงบการเงินเป็นไปอย่างถูกต้อง

1.2 ป้องกันความผิดพลาดทางภาษี

ช่วงยื่นภาษีทีไรต้องปวดหัว เพราะมีรายการใช้จ่ายที่ปะปนกันจนไม่รู้ว่าอันไหนใช้กับธุรกิจ อันไหนเป็นเรื่องส่วนตัว ถ้าคุณเผลอเอาค่าใช้จ่ายส่วนตัวมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายธุรกิจโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจทำให้มีปัญหากับกรมสรรพากรได้ หรือในทางตรงกันข้าม หลายครั้งที่นักบัญชีปิดงบปลายปีให้ผู้ประกอบการ และเมื่อเจอรายการเงินออกที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับกิจกรรมอะไรของธุรกิจ กลายเป็นว่าค่าใช้จ่ายนั้นก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม หรือค่าใช้จ่ายบวกกลับทางภาษีของกิจการไป ทำให้ต้องเสียเงินภาษีเยอะขึ้นโดยไม่จำเป็น แต่ถ้าแยกบัญชีชัดเจน การคำนวณภาษีจะง่ายขึ้นและมีความถูกต้องมากขึ้น

1.3 สร้างภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือให้ธุรกิจ

ลองนึกถึงกรณีที่คุณต้องการขอสินเชื่อจากธนาคารหรือดึงดูดนักลงทุน หากบัญชีธุรกิจของคุณปะปนกับบัญชีส่วนตัว ธนาคารอาจมองว่าธุรกิจของคุณไม่มีระบบที่ดีพอ ทำให้โอกาสได้รับอนุมัติน้อยลง การมีบัญชีธุรกิจแยกจากบัญชีส่วนตัวช่วยให้ลูกค้า คู่ค้า และธนาคารมองว่าธุรกิจของคุณเป็นองค์กรที่มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อ หรือเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น

1.4 ควบคุมกระแสเงินสดได้ดีขึ้น

ถ้าใช้บัญชีเดียวกัน บางครั้งคุณอาจเผลอใช้เงินธุรกิจไปกับเรื่องส่วนตัวโดยไม่รู้ตัว เมื่อถึงเวลาต้องจ่ายค่าซัพพลายเออร์หรือพนักงาน อาจเจอปัญหาเงินสดขาดมือ การแยกบัญชีช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของกระแสเงินสดธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น และบริหารเงินได้ดีกว่าเดิม ช่วยทำให้คุณมองเห็น และเข้าใจเงินทุนหมุนเวียนของกิจการได้ดีขึ้น

แนวทางปฏิบัติในการแยกบัญชีธุรกิจและบัญชีส่วนตัว

1.1 เปิดบัญชีธุรกิจแยกต่างหาก

เริ่มต้นด้วยการเปิดบัญชีธุรกิจโดยเฉพาะ เลือกธนาคารที่ให้บริการด้านบัญชีธุรกิจที่เหมาะสมกับคุณ เช่น มีระบบจ่ายเงินออนไลน์ หรือค่าธรรมเนียมที่เหมาะสม หรืออย่างน้อยที่สุด คุณสามารถใช้บัญชีธนาคารเพื่อกิจการก็ได้ในชื่อของคุณ เป็นบัญชีบุคคลธรรมดา แต่ที่สำคัญคือคุณต้องแยกบัญชีกัน

1.2 กำหนดเงินเดือนให้ตัวเอง

อย่าคิดว่าเงินธุรกิจเป็นของตัวเอง! กำหนดเงินเดือนให้ตัวเองและใช้จ่ายในส่วนที่ได้รับเท่านั้น วิธีนี้ช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่ายส่วนตัวได้ดีขึ้น และป้องกันการนำเงินธุรกิจไปใช้เกินความจำเป็น และเงินเดือนของคุณ ก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทด้วย สามารถช่วยลดภาระภาษีของบริษัทไปได้ แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นรายได้บุคคลธรรมดาของคุณ แต่ถ้าคุณจัดการภาษีบุคคลได้ดี คุณจะสามารถนำเงินเดือนเป็นเครื่องนึงในการประหยัดภาษีได้ (หากคุณต้องการจัดการเงินเดือน เราก็มีโปรแกรมที่ช่วยจัดการเงินเดือนให้คุณได้)

1.3 ใช้บัตรเครดิตธุรกิจและบัตรเครดิตส่วนตัวแยกจากกัน

เช่นเดียวกับการเปิดบัญชีธนาคารแยก คุณสามารถมีบัตรเครดิตบุคคลในชื่อคุณได้ แต่ใช้เพื่อบริษัทเพียงอย่างเดียว อย่าใช้บัตรใบนั้นไปรูดซื้อของใช้ส่วนตัว เพราะจะทำให้การติดตามค่าใช้จ่ายยุ่งยาก หรือบริษัทของคุณมีความน่าเชื่อถือที่มากพอ คุณสามารถขอเปิดบัตรเครดิตในนามนิติบุคคลได้ โดยติดต่อธนาคารต่างๆ อย่างไรก็ตาม เดี๋ยวนี้ผู้ให้บริการชำระเงินหลายแห่งมีบริการ virtual card เพื่อให้คุณสามารถใช้บัตรเครดิตในบริษัทได้หลากหลายใบ โดยที่สามารถจัดการจากระบบหลังบ้านได้

1.4 บันทึกและตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเป็นประจำ

อย่าปล่อยให้รายการเดินบัญชีสะสมเป็นเดือนๆ แล้วค่อยมาเช็ก ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะทำงบประมาณ หรือ budget ควรตรวจสอบธุรกรรมเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อให้แน่ใจว่าเงินเข้า-ออกตรงตามแผน และไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

1.5 หลีกเลี่ยงการโอนเงินระหว่างบัญชีโดยไม่จำเป็น

หากต้องโอนเงินระหว่างบัญชี ควรมีบันทึกที่ชัดเจน เช่น หากคุณนำเงินส่วนตัวมาใช้ในธุรกิจ ควรลงบัญชีว่าเป็น “เงินกู้” หรือ “จ่ายเพื่ออะไร” เพื่อให้สามารถติดตามได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเดี๋ยวนี้คุณสามารถเพิ่มบันทึกสาเหตุรายการเหล่านั้นเข้าไปได้ในมือถือตอนที่ทำการจ่ายโอนเลย มันง่ายมากๆแล้ว

ความผิดพลาดทางบัญชี SMEs : การไม่จัดทำบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 2 : การไม่จัดทำบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

การทำบัญชีเป็นส่วนสำคัญของการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเล็กหรือใหญ่ การบันทึกบัญชีอย่างสม่ำเสมอช่วยให้คุณติดตามสถานะทางการเงินของธุรกิจได้อย่างถูกต้อง แต่หลายคนมักเลื่อนการบันทึกบัญชีออกไปเพราะคิดว่าไม่มีเวลาหรือไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จนกลายเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบใหญ่กว่าที่คิด!

ทำไมการไม่บันทึกบัญชีเป็นประจำถึงเป็นปัญหา?

2.1 ข้อมูลการเงินไม่ถูกต้อง ทำให้ตัดสินใจผิดพลาด

ลองนึกภาพว่าคุณต้องการขยายธุรกิจ แต่เมื่อดูตัวเลขทางบัญชีแล้วกลับพบว่ามีข้อมูลขาดหาย หรือไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าธุรกิจมีกำไรจริงหรือไม่ สิ่งนี้ทำให้คุณตัดสินใจทางการเงินผิดพลาด เช่น ลงทุนเกินตัว หรือคิดว่ามีเงินสดมากพอแต่กลับมีหนี้ที่ไม่ได้บันทึก ในตอนที่ผมทำบัญชีให้กับลูกค้า มีเคสนึงน่าสนใจ ร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่บันทึกบัญชีทุกวัน แต่จดยอดขายเฉพาะวันที่พนักงานมีเวลาว่าง ส่งผลให้เจ้าของเข้าใจผิดว่าธุรกิจมีกำไรดี เพราะไม่ได้บันทึกต้นทุนวัตถุดิบที่ซื้อมา และไม่ได้ตัดเครื่องปรุงเครื่องใช้ออกเลย เจ้าของตัดสินใจขยายพื้นที่ร้านเพิ่ม และสั่งของมาเพิ่มอีก แต่เมื่อถึงเวลาตรวจสอบจริง พบว่ามีค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ถูกบันทึก มีวัตถุดิบที่หมดอายุเพราะสั่งมาเกิน มีเครื่องปรุงที่หมดไปแล้วมีไม่พอทำให้เสียโอกาสในการขาย ทำให้เงินสดขาดมือและต้องกู้เงินเพิ่มโดยไม่จำเป็น ปัญหาเหล่านี้ เกิดขึ้นจากการที่เจ้าของขาดข้อมูลที่แท้จริงในการตัดสินใจ

2.2 ปัญหาด้านภาษีและค่าปรับที่ไม่คาดคิด

หากไม่มีการบันทึกบัญชีอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้คุณพลาดการยื่นภาษีที่ถูกต้อง และอาจต้องเสียค่าปรับจากกรมสรรพากรโดยไม่จำเป็น การไม่มีข้อมูลบัญชีที่ชัดเจนยังทำให้คุณไม่สามารถใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายทางภาษีได้เต็มที่

2.3 เสียเวลาและเพิ่มภาระงานตอนท้ายปี

การสะสมงานบัญชีไว้จนถึงสิ้นเดือนหรือสิ้นปี ทำให้ต้องเสียเวลามากในการตามหาข้อมูลย้อนหลัง หากคุณปล่อยให้บัญชีไม่อัปเดตเป็นเวลานาน คุณอาจต้องใช้เวลาหลายวันหรือหลายสัปดาห์ในการจัดการข้อมูลแทนที่จะใช้เวลานั้นในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเหตุการณ์นี้ผมคิดว่าหลายกิจการก็น่าจะเจอเหมือนกัน ตอนที่ผมทำบัญชีผมเจอบริษัทหลายแห่งเลยที่ไม่ได้บันทึกค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน พอถึงสิ้นปีต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ หรือเป็นเดือนๆในการไล่หาบิลและเอกสารบัญชี ทำให้การปิดงบล่าช้าและส่งผลกระทบต่อการยื่นภาษีและโดยค่าปรับยื่นแบบล่าช้าอีก

แนวทางปฏิบัติเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการบันทึกบัญชีล่าช้า

2.1 กำหนดเวลาในการบันทึกบัญชีเป็นประจำ

ตั้งเวลาให้แน่นอน เช่น บันทึกบัญชีทุกวันหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้องและอัปเดตอยู่เสมอ

2.2 ใช้ซอฟต์แวร์บัญชีช่วยจัดการ

เลือกใช้ซอฟต์แวร์บัญชีที่ช่วยให้คุณสามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและอัตโนมัติ เช่น บันทึกยอดขาย ค่าใช้จ่าย และเงินสดเข้าออกโดยไม่ต้องทำมือทั้งหมด แน่นอนว่าตัวที่เราแนะนำก็คือโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK นี่เอง คุณสามารถทดลองใช้งานได้ฟรี

2.3 มอบหมายหน้าที่ให้พนักงานหรือนักบัญชี

หากคุณไม่มีเวลาทำเอง อาจมอบหมายให้พนักงานที่มีความสามารถรับผิดชอบ หรือจ้างนักบัญชีภายนอกเพื่อช่วยดูแลการเงินของธุรกิจ ซึ่งที่ PEAK เองก็มีบริการแนะนำนักบัญชีที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้โปรแกรม PEAK มาช่วยดูแลบัญชีให้คุณ

ความผิดพลาดทางบัญชี SMEs : การไม่วางแผนภาษี

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 3 : ขาดการวางแผนภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ

การวางแผนภาษีเป็นเรื่องที่เจ้าของธุรกิจหลายคนมักมองข้าม หรือเลื่อนออกไปจนถึงช่วงสิ้นปี ซึ่งอาจทำให้เกิดความผิดพลาด เสียโอกาสในการลดภาระภาษี และส่งผลต่อกระแสเงินสดของธุรกิจ การวางแผนภาษีที่ดีควรเริ่มตั้งแต่ต้นปีเพื่อให้สามารถบริหารจัดการภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง

วิธีหลีกเลี่ยง

การศึกษากฎหมายภาษีที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การเตรียมตัวสำหรับการชำระภาษีตั้งแต่เนิ่นๆ และการจัดสรรเงินสำรองสำหรับการชำระภาษีจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการชำระภาษีล่าช้าและค่าปรับที่อาจเกิดขึ้น และควรเริ่มเลยตั้งแต่กลางๆปี ไม่ควรรอไปถึงสิ้นปีแล้วค่อยคิด เพราะว่าการดำเนินการต่างๆอาจจะไม่ทันปีภาษีได้ ผมอยากแนะนำให้ลองดูบทความนี้ครับ 6 กลยุทธ์การวางแผนภาษีธุรกิจ SMEs ปี 2568

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 4 : การไม่ใช้เทคโนโลยีช่วยในงานบัญชี

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 4 : การไม่ใช้เทคโนโลยีช่วยในงานบัญชี

ในยุคดิจิทัล การทำบัญชีด้วยวิธีดั้งเดิม เช่น การใช้สมุดจดหรือ Excel อาจไม่เพียงพอสำหรับการบริหารธุรกิจที่เติบโตขึ้น โปรแกรมบัญชี สามารถช่วยให้เจ้าของธุรกิจบริหารการเงินได้ง่ายขึ้น แม่นยำขึ้น และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำบัญชีด้วยตนเอง

ข้อดีของการใช้โปรแกรมบัญชี

ลดข้อผิดพลาดในการคำนวณ – ระบบช่วยให้การบันทึกบัญชีและคำนวณภาษีถูกต้องอัตโนมัติ
ประหยัดเวลา – ไม่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงทำบัญชีเอง สามารถโฟกัสกับการบริหารธุรกิจได้เต็มที่ ด้วยเทคโนโลยี API ที่เชื่อมต่อกับระบบต่างๆ ทำให้ข้อมูลไหลไปเป็นอัตโนมัติ
ช่วยบริหารกระแสเงินสด – ติดตามรายรับ-รายจ่ายได้แบบเรียลไทม์ ทำให้เห็นภาพรวมการเงินของธุรกิจ
พร้อมสำหรับการตรวจสอบภาษี – ข้อมูลบัญชีครบถ้วน ลดความเสี่ยงจากปัญหาภาษีและค่าปรับที่ไม่จำเป็น
ใช้งานง่าย – ซอฟต์แวร์บัญชีในปัจจุบันสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ผ่านระบบคลาวด์ ช่วยให้การจัดการบัญชีสะดวกขึ้น

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 5 : การไม่เก็บเอกสารทางการเงินอย่างเป็นระบบ

ความผิดพลาดทางบัญชี ข้อที่ 5 : การไม่เก็บเอกสารทางการเงินอย่างเป็นระบบ

การเก็บรักษาเอกสารทางการเงิน เช่น ใบเสร็จและใบแจ้งหนี้ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างราบรื่น และยังช่วยให้การทำบัญชีและการยื่นภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและง่ายขึ้น ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้เพื่อจัดการเอกสารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เก็บเอกสารให้เป็นระบบ – แยกประเภทเอกสารเป็นหมวดหมู่ เช่น รายรับ ค่าใช้จ่าย เงินเดือน และภาษี ใช้แฟ้ม หรือโฟลเดอร์ดิจิทัลเพื่อให้ค้นหาได้ง่าย และต้องจัดเก็บไว้ให้ได้ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดด้วย

ใช้ซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชันช่วยจัดการบันทึกและสแกนใบเสร็จ/ใบแจ้งหนี้เก็บไว้ในระบบออนไลน์ เพื่อลดความเสี่ยงจากเอกสารสูญหาย และสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ โดยที่ PEAK เองเรามีระบบคลังเอกสาร ที่คุณสามารถถ่ายรูปจากมือถือ แล้วเก็บเอกสารเข้าไปในระบบได้เลย

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางบัญชี – หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับการจัดเก็บเอกสารหรือข้อกำหนดทางภาษี ให้ปรึกษานักบัญชีเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง เราสามารถช่วยแนะนำคุณได้

ผมหวังว่าบทความ “5 ความผิดพลาดทางบัญชี SMEs ที่ควรรู้และการหลีกเลี่ยงเพื่อความสำเร็จ” นี้จะช่วยเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ผู้ประกอบการ หลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้ และสามารถดำเนินธุรกิจโดยมีพื้นฐานด้านบัญชีที่แข็งแรง เพื่อรองรับการเติบโตของคุณได้ในอนาคตครับ

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ คือ ทางเลือกที่จะช่วยให้คุณบริหารธุรกิจได้อย่างมีระบบ ด้วยการใช้งานที่ง่ายและฟีเจอร์ที่ครบครัน โปรแกรมนี้ช่วยให้คุณเห็นกำไร-ขาดทุนแบบ Real-Time และจัดการการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่ารอช้าที่จะนำเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาธุรกิจของคุณให้เติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต!

ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine