biz-cyber-security

ในยุคปัจจุบันที่ Digital Transformation เข้ามามีบทบาทในหลาย ๆ ธุรกิจเป็นอย่างมากนั้น สิ่งสำคัญที่ทุก ๆ กิจการควรมีคือการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องความปลอดภัยทางข้อมูล อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และระบบดิจิทัล เนื่องจาก Digital Transformation คือ การปรับตัวให้ธุรกิจหรือองค์กรสามารถดำเนินการท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนกิจการให้เป็นไปได้อย่างราบรื่น ดังนั้น การป้องกันความเสี่ยงจากการถูกโจมตีทางอินเทอร์เน็ตที่อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงานด้วย Cyber Security จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบัน

Cyber Security คืออะไร?

Cyber Security คือ เทคโนโลยีที่ช่วยปกป้องเครือข่าย อุปกรณ์ โปรแกรม ตลอดจนข้อมูลจากการถูกโจมตีจากบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับกิจการหรือองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ในการก้าวเข้าสู่ Digital Transformation เนื่องจากข้อมูลจำนวนมากที่ทางองค์กรเก็บรวบรวมไว้หากถูกขโมยเอาข้อมูลไป หรือถูกนำไปเปิดเผยโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญา ข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า และข้อมูลทางธุรกิจอื่น ๆ ก็อาจสร้างความเสียหายให้กับองค์กรได้ ดังนั้น องค์กรจึงจำเป็นต้องมี Cyber Security เพื่อให้การดำเนินงานมีความปลอดภัย และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ความสำคัญของ Cyber Security 

เนื่องจากการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้งานมากขึ้น ตั้งแต่สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์แท็บเล็ตต่าง ๆ ไปจนถึงการจัดเก็บข้อมูลพนักงานและลูกค้าในระบบคลาวด์ ดังนั้นการช่วยหยุดภัยคุกคามและปกป้องข้อมูลจึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการโจมตีทางไซเบอร์มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความซับซ้อนมากขึ้น

อาทิ ความปลอดภัยในการซื้อของออนไลน์ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจะต้องมีระบบการจัดการที่ดี ในการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทางการเงินของลูกค้า ควรมีการทำให้ลูกค้าทราบว่าองค์กรใช้ข้อมูลของตนอย่างไร ซึ่งการได้ทราบว่าว่าธุรกิจของคุณมีระบบรักษาความปลอดภัยดิจิทัลที่แข็งแกร่งนั้น จะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้ามากขึ้นได้

Cyber Security ช่วยหยุดภัยคุกคามอะไรได้บ้าง

ภัยคุกคามคืออะไร Cyber Security

ภัยคุกคาม (Threat) หมายถึง สิ่งที่อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณสมบัติของข้อมูลด้านใดด้านหนึ่งหรือมากกว่าหนึ่ง การกระทําที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายนี้ เราจะเรียกว่าการโจมตี (Attack) ส่วนผู้ที่ทําให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เรียกว่า ผู้โจมตี (Attacker) หรือเรียกว่า แฮกเกอร์ (Hacker) ภัยคุกคามที่จะสร้างปัญหาให้กับธุรกิจในปัจจุบันนั้นมีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ได้แก่ 

  • ป้องกันไวรัสและมัลแวร์ ไวรัสและมัลแวร์เป็นโปรแกรมที่สร้างความเสียหาย เช่น ลบข้อมูล หรือขโมยข้อมูลส่วนตัว Cyber Security มีระบบตรวจจับและกำจัดไวรัส รวมถึงช่วยป้องกันไม่ให้ติดมัลแวร์
  • ป้องกันการหลอกลวง (Phishing) Phishing คือการหลอกให้เรากรอกข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน หรือเลขบัตรเครดิต Cyber Security ช่วยกรองอีเมลหรือเว็บไซต์ปลอม และแจ้งเตือนเมื่อพบสิ่งผิดปกติ
  • ป้องกันการเจาะระบบ (Hacking) ผู้ไม่หวังดีอาจพยายามแฮกเข้ามาในระบบเพื่อขโมยข้อมูล Cyber Security ใช้ระบบล็อกอินที่ปลอดภัย เช่น การยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) และการเข้ารหัสข้อมูล
  • ป้องกันการโจมตีระบบ (DDoS) DDoS เป็นการโจมตีที่ทำให้เว็บไซต์ล่ม Cyber Security ช่วยกระจายการใช้งานระบบเพื่อให้รองรับการโจมตีได้โดยไม่ล่ม
  • ป้องกันข้อมูลรั่วไหล ข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลบริษัท อาจหลุดออกไปโดยไม่ตั้งใจ Cyber Security ช่วยเข้ารหัสข้อมูลและควบคุมว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลได้
  • ป้องกันอุปกรณ์ IoT ถูกแฮก อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เช่น กล้องวงจรปิด หรือสมาร์ทโฟน อาจถูกแฮก Cyber Security ช่วยปกป้องด้วยการตั้งค่าความปลอดภัยและอัปเดตซอฟต์แวร์
  • ป้องกัน Ransomware Ransomware เป็นการล็อกไฟล์และเรียกค่าไถ่ Cyber Security ช่วยป้องกันด้วยการสำรองข้อมูลและป้องกันไวรัส

ประเภท Cybersecurity

ปัจจุบันทคโนโลยี Cyber Security ได้มีการพัฒนาขึ้นมาหลายประเภทด้วยกัน ดังนี้

Network Security หรือความปลอดภัยของเครือข่าย

Network Security เป็นการปกป้องระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากภัยคุกคาม เช่น การโจมตีของแฮกเกอร์หรือไวรัส ระบบนี้ทำหน้าที่เป็นเหมือนกำแพงป้องกันที่ช่วยตรวจจับและป้องกันการเข้าถึงเครือข่ายที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการกรองเว็บไซต์หรือทราฟฟิกที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย เช่น การใช้ Firewall หรือ VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับการใช้งานอินเทอร์เน็ต

Application Security หรือความปลอดภัยของแอปพลิเคชัน

Application Security เน้นดูแลความปลอดภัยของแอปพลิเคชันที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น แอปธนาคารหรือแอปช้อปปิ้งออนไลน์ โดยจะตรวจสอบและป้องกันช่องโหว่ในโปรแกรมเพื่อป้องกันการโจมตีหรือการขโมยข้อมูล เช่น การใช้ระบบเข้ารหัสข้อมูล หรือการเพิ่มการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งาน

Cloud Security หรือความปลอดภัยบนคลาวด์

Cloud Security คือการปกป้องข้อมูลที่เก็บไว้ในคลาวด์ เช่น Google Drive หรือ iCloud เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหลหรือถูกแฮก ระบบนี้จะช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูล รวมถึงการเข้ารหัสไฟล์และการสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลในคลาวด์จะปลอดภัย

Data Security หรือความปลอดภัยของข้อมูล

Data Security มุ่งเน้นการปกป้องข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลลูกค้า จากการรั่วไหลหรือการถูกดักจับ การใช้เทคโนโลยีเข้ารหัส (Encryption) และการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบที่ปลอดภัยเป็นหัวใจหลักของการรักษาข้อมูลสำคัญ

Operational Security หรือความปลอดภัยของการดำเนินการ

Operational Security เป็นการป้องกันข้อมูลและกระบวนการทำงานในองค์กร เช่น การเก็บเอกสารสำคัญหรือข้อมูลลูกค้าให้ปลอดภัย โดยเน้นการควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลของพนักงาน และการติดตามตรวจสอบว่ามีใครใช้หรือเข้าถึงข้อมูลบ้าง

Machine Learning

Machine Learning เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบ Cyber Security ฉลาดขึ้น โดยการเรียนรู้พฤติกรรมของผู้ใช้งานหรือรูปแบบของภัยคุกคามใหม่ ๆ เช่น การตรวจจับพฤติกรรมที่ผิดปกติในเครือข่าย หรือการแยกแยะระหว่างการใช้งานจริงกับการโจมตีแบบปลอมแปลง (Spoofing)

API Security

API Security เป็นการปกป้องช่องทางการเชื่อมต่อระหว่างโปรแกรมหรือระบบต่าง ๆ ที่เรียกว่า API (Application Programming Interface) เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจใช้ API เป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลหรือระบบขององค์กร เช่น การตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน API หรือการเข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่าน API

Advanced Bot Protection

Advanced Bot Protection เป็นระบบที่ช่วยป้องกันการโจมตีจากบอทที่มีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ เช่น บอทที่พยายามขโมยข้อมูลล็อกอินหรือสร้างทราฟฟิกปลอมเพื่อทำให้ระบบล่ม ระบบนี้ช่วยแยกแยะบอทที่ดี (เช่น บอทของเครื่องมือค้นหา) และบอทที่ไม่ดีออกจากกัน

File Security

File Security เป็นการปกป้องไฟล์หรือเอกสารสำคัญจากการถูกแก้ไข ขโมย หรือทำลาย โดยระบบจะช่วยเข้ารหัสไฟล์ ตรวจสอบว่ามีการแก้ไขหรือเข้าถึงไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ และช่วยสำรองข้อมูลไฟล์เพื่อป้องกันการสูญหาย

Runtime Application Self-Protection (RASP)

RASP เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้แอปพลิเคชันสามารถป้องกันตัวเองได้ในขณะที่กำลังทำงานอยู่ หากมีการโจมตีเกิดขึ้น เช่น การพยายามเจาะระบบ แอปพลิเคชันจะสามารถตรวจจับและตอบสนองได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งพาระบบภายนอก เช่น การบล็อกทราฟฟิกที่อันตรายหรือปิดฟีเจอร์ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี

เทคนิคสร้างความปลอดภัยความปลอดภัยทางไซเบอร์ 

เพื่อเป็นการปกป้องธุรกิจจากการโจมตีของผู้ไม่หวังดี ควรรวมดูแลองค์กรให้มีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ควรมีการเตรียมความพร้อมรับมือเป็นอย่างดี ซึ่งในบทความนี้มีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกัน

  1. กำหนดระดับความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ระบุความเสี่ยงในธุรกิจของคุณ และวางแผนรับมือต่อความพยายามในการโจมตี
  2. จัดให้มีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ให้แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดแก่พนักงานในการประมวลผลข้อมูลลูกค้า โดยใช้อินเทอร์เน็ต เครือข่าย และแอปพลิเคชัน
  3. สำรองข้อมูลไปยังระบบคลาวด์ การสำรองข้อมูลไฟล์ในระบบคลาวด์อย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยปกป้องคุณในกรณีที่ข้อมูลถูกขโมยไป
  4. ป้องกันรหัสผ่านทั้งหมด ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพนักงานทุกคนมีรหัสผ่านที่รัดกุม และไม่ซ้ำใครในบัญชีต่าง ๆ ควรให้พนักงานเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างน้อยทุก ๆ สามเดือน
  5. ระมัดระวังอุปกรณ์ ติดตั้งโปรแกรมตรวจสอบ และแอปพลิเคชันความปลอดภัย ด้วยการอัปเดตอัตโนมัติ สร้างเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) สำหรับผู้ปฏิบัติงานระยะไกล เป็นต้น
  6. การบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยปกป้องทรัพย์สิน การเงิน และชื่อเสียงของบริษัทของคุณ
เทคนิคสร้างความปลอดภัยความปลอดภัยทางไซเบอร์

การรักษาความปลอดภัยต่าง ๆ ต้องมีการควบคุมเป็นระบบ เพื่อให้การทำ Digital Transformation เดินหน้าต่อไปอย่างปลอดภัย โดยรวมแล้ว Cyber Security เป็นสิ่งจำเป็นในการควบคุม Computer Systems จากพฤติกรรมที่น่าสงสัย ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ในปัจจุบันการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตนั้นเป็นเรื่องง่าย ทั้งประชาชนทั่วไปและองค์กร ต่างใช้อินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นช่องทางที่อาชญากรทางไซเบอร์สามารถเข้ามาสร้างความเสียหายได้ ดังนั้น Cyber Security จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่ส่งผลให้องค์กรที่มีการทำ Digital Transformation เดินหน้าได้อย่างไม่มีสะดุด และรับมือได้ในทุกสถานการณ์

ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine