ปัจจุบัน “AI” เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก หรือไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยีชนิดนี้ โดยเฉพาะในแวดวงธุรกิจ AI ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในหลายๆ กิจการเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น เรามาทำความรู้จักกันดีกว่าว่าทำไมปัจจุบัน AI จึงเป็นที่ต้องการในหลายๆ ธุรกิจ และจริงหรือไม่ที่ในอนาคต AI จะเข้ามาแทนที่การทำงานของมนุษย์ ไปติดตามกันในบทความนี้
AI คือ อะไร
AI หรือ Artificial Intelligence คือ โปรแกรมที่ถูกเขียนและพัฒนาให้มีความสามารถในการคิด วิเคราะห์ วางแผน และตัดสินใจได้จากการประมวลผลของฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ซึ่งในปัจจุบันก็มีการนำ AI เข้ามาใช้ในหลากหลายธุรกิจ หลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ การบริการ การเดินทาง การตลาด เป็นต้น
หลักการทำงานของ AI
การทำงานของ Artificial Intelligence นั้น สามารถแบ่งได้ 3 เรื่องใหญ่ๆ ดังนี้
- Machine Learning (ML) เป็นการป้อนข้อมูลเพื่อให้ระบบคอมพิวเตอร์เรียนรู้และประมวลข้อมูลตามที่ต้องการ
- Natural Language Processing (NLP) คือ การพัฒนาให้ AI สามารถเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์เสียง สีหน้าท่าทาง ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวนี้จะช่วยให้ AI สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้แม่นยำมากขึ้นด้วย
- Deep Learning (Neural Networks) คือ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ที่เลียนแบบการทำงานของระบบประสาท (neurons) ในสมองมนุษย์ โดยมีการนำเอา neural network หลายๆ ส่วนมาเชื่อมต่อกัน ทำให้มีโครงสร้างที่ลึกยิ่งขึ้น และประมวลผลหลายสิ่งพร้อมๆ กันได้มากขึ้นด้วย
คุณสมบัติ AI เทคโนโลยีแห่งโลกดิจิทัล
AI เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ความต้องการในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นบุคคล องค์กระดับเล็ก ไปถึงองค์กรใหญ่ระดับต้นๆ ของประเทศ ต่างก็หันมาให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยี AI ใช้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น โดยคุณสมบัติการทำงานของ AI ที่สำคัญในปัจจุบันนี้ประกอบไปด้วย
การทำงานอัตโนมัติ (Automation)
เป็นคุณสมบัติที่ถูกพัฒนาขึ้นเเพื่อให้การทำงานสำเร็จเรียบร้อยรวดเร็วขึ้น เป็นการลดขั้นตอนและเวลาการทำงานให้น้อยลง โดยพัฒนาให้มนุษย์ทำหน้าที่ในการควบคุมสั่งการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ต่างๆ เท่านั้น จะเห็นได้ว่าขณะนี้ภาคธุรกิจมีการนำระบบหุ่นยนต์มาช่วยงานมากขึ้น เช่น การนำหุ่นยนต์ไปช่วยทำงานในร้านอาหาร ทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และลดการความผิดพลาดได้มาก
การจดจำใบหน้าและระบุตัวตน (Facial Recognition)
การระบุตัวตนด้วยไบโอเมทริกซ์ ยกตัวอย่างเช่น ม่านตา เสียง ลายนิ้วมือ หน้า ภาษากาย ถือเป็นส่วนหนึ่งของการนำเทคโนโลยี AI ที่ใช้ไบโอเมทริกซ์ในการจดจำรูปแบบ และแยกแยะออกมาใช้เพื่อยืนยันตัวตนได้ เช่น การสแกนลายนิ้วมือเพื่อบันทึกเวลาแทนการตอกบัตร การสแกนม่านตาเพื่อเข้าใช้งานสมาร์ทโฟน เป็นต้น
การเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้าไว้ด้วยกัน (Internet of Things)
ระบบ IOT หรือ Internet of Things เข้ามามีบทบาทและสร้างความเปลี่ยนแปลงในหลายธุรกิจ เช่น การเก็บบันทึกข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์ เมื่อเกิดพฤติกรรมการใช้งาน เซ็นเซอร์ก็จะเก็บข้อมูลทันที เช่น เซ็นเซอร์เปิดประตูบ้าน เปิดเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ เป็นต้น
การช่วยในการตัดสินใจ (Decision Management)
เทคโนโลยี AI ช่วยในการตัดสินใจเพื่อหาทางเลือกที่คุ้มค่าที่สุด มีความเสี่ยงน้อยที่สุด โดยใช้เวลาน้อย ในกรณีที่มีข้อมูลที่ต้องใช้ประกอบการตัดสินใจจำนวนมาก AI ก็จะเข้ามาเป็นตัวช่วยที่ดี เช่น การทำ Personalized Marketing หรือ ระบบแนะนำสินค้าของแต่ละบุคคล เป็นต้น
การประมวลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing – NLP)
NLP คือ เทคโนโลยีที่จะวิเคราะห์คำสั่งหรือความต้องการของผู้ใช้ผ่านภาษาธรรมชาติ นอกจากนี้ NLP ยังครอบคลุมถึงความสามารถในการสร้างรูปประโยคเพื่อใช้ตอบสนองผู้ใช้งานได้ เช่น โปรแกรม Siri สามารถสร้างประโยคเพื่อตอบคำถามที่เราถามได้ เป็นต้น
ประโยชน์ของ AI ในการขับเคลื่อนธุรกิจ SMEs
จากการที่คุณสมบัติต่างๆ ของ AI ได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ AI กลายเป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้งานมากขึ้น ทั้งในชีวิตประจำวัน และแวดวงธุรกิจ อุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้งธุรกิจ SMEs ด้วยเช่นกัน สามารถนำ AI มาใช้ประโยชน์ได้มากมาย ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพ และผลผลิตในการทำงาน
AI เป็นเทคโนโลยีที่สามารถทำงานในปริมาณมากได้อย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเทคโนโลยี AI ยังช่วยลดงานที่ต้องทำแบบเดิมซ้ำๆ ออกไป เพื่อให้พนักงานมีเวลาไปทำงานที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น นับเป็นการช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้สามารถสร้างประสิทธิภาพสูงสุดจากทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ได้มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งจะช่วยลดความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการทำงานได้อีกด้วย
2. ทำธุรกิจได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทำให้ขั้นตอนในการทำงานสั้นลง ใช้เวลาน้อยลง ตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุคดิจิทัลที่ต้องการความรวดเร็ว และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอีกด้วย
3. ขยายโอกาสทางธุรกิจ สร้างช่องทางใหม่ๆ ได้อย่างลงตัว
การนำ AI มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลของธุรกิจ จะทำให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นโอกาสต่อยอดทางธุรกิจใหม่ได้อีกมากมาย เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลแพลตฟอร์มร้านค้าออนไลน์ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ที่มีบริการที่หลากหลายมากขึ้น เป็นต้น
4. พัฒนาการให้บริการที่ดีให้กับลูกค้า
การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการทำธุรกิจ หากธุรกิจสามารถรับรู้ความต้องการของลูกค้าได้ว่าลูกค้าต้องการอะไร คู่แข่งเป็นอย่างไร และสามารถนำเสนอในสิ่งที่ลูกค้าต้องการได้อย่างครบถ้วน ก็จะช่วยให้ได้รับการยอมรับ และมีการขยายธุรกิจให้เติบโตได้ตามต้องการ ซึ่งเทคโนโลยี AI สามารถเข้ามาช่วยวิแคราะห์และจัดการข้อมูลในส่วนนี้ได้
5. เพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามงาน
คุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งของ AI ก็คือ สามารถนำเข้าและประมวลข้อมูลจำนวนมากได้แบบเรียลไทม์ ทำให้องค์กรสามารถติดตามความเป็นไปต่างๆ ได้อย่างทันท่วงทีเช่นกัน รวมถึงสามารถปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นได้อีกด้วย
6. บริหารบุคลากรได้อย่างครบวงจร
ระบบ AI สามารถช่วยองค์กรพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคลได้เป็นอย่างดี ครอบคลุมในทุกด้าน ตั้งแต่การสรรหาพนักงาน ซึ่ง AI สามารถสร้างประสิทธิภาพในการสรรหาพนักงานที่ใช่สำหรับองค์กร ตลอจนสามารถวัดผลทัศนคติ วิเคราะห์ประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานแต่ละคนได้อีกด้วย
การวางแผนใช้งาน AI ในการพัฒนาธุรกิจ
การเริ่มต้นนำ AI มาใช้ในองค์กรเพื่อการพัฒนาธุรกิจ ควรเริ่มต้นจากสิ่งสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดวัตถุประสงค์ของการนำ AI ไปใช้ในธุรกิจ
เทคโนโลยี AI นั้น สามารถนำมาใช้ได้ในหลายภาคส่วนของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการผลิต การตลาด งานขาย หรือแม้กระทั่งงานบัญชีเอง สำหรับกลุ่มธุรกิจที่เริ่มต้นเรียนรู้การใช้งาน ควรเริ่มต้นจากการสำรวจปัญหาหรือความผิดพลาดที่ต้องการนำ AI เข้าไปใช้ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว หรือจุดที่ต้องการนำ AI ไปพัฒนาให้ตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจมากขึ้น ควรมีการกำหนดวัตถุประสงค์เหล่านี้ให้ชัดเจน
2. ทำความเข้าใจ AI เพื่อนำไปใช้อย่างเหมาะสม
อันดับแรก ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันเสียก่อนว่า AI จะเข้ามาช่วยธุรกิจของเราได้อย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งที่ AI จะเข้ามาทดแทนนั้นเป็นในรูปแบบของลักษณะงานที่ทำซ้ำซ้อนกัน เช่น งานคีย์ข้อมูล จัดการเอกสารต่างๆ ไม่ได้เป็นการมาแทนที่คนทำงานทั้งหมด เพียงแต่บุคลากร คนทำงานในทุกส่วนต้องรู้จักปรับตัวให้สามารถใช้งาน AI และทำงานร่วมกับ AI เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดเท่านั้น
3. กำหนดบทบาทของ AI ที่จะนำมาใช้ในธุรกิจ
ปัจจุบัน AI มีรูปแบบการทำงานที่อยู่ในภายใต้การป้อนข้อมูลหรือคำของมนุษย์ เพราะในบางครั้งระบบต้องถูกดูเเลและตรวจเช็กโดยมนุษย์เพื่อความถูกต้อง
4. กำหนดทีมงานที่มีประสิทธิภาพ
การนำความสามารถของ AI มาใช้ ต้องอาศัยการทำงานเป็นทีม ตั้งแต่การออกแบบและสร้างระบบ จนมาถึงการนำมาใช้งานแต่ละส่วน ต้องมีการสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับผู้ปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาและข้อผิดพลาดใดๆ
ติดตามความรู้ทางบัญชี ภาษี ได้ที่ บทความ – PEAK Blog (peakaccount.com)
PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ช่วยนักบัญชีจัดทำบัญชีได้อย่างมืออาชีพ ช่วยให้ธุรกิจก้าวไปสู่ความสำเร็จกับโปรแกรมบัญชี PEAK peakaccount.com
ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! ครบทุกฟีเจอร์ นาน 30 วัน!
อ้างอิง
AI Security เพิ่มความปลอดภัยเครือข่าย ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (cyfence.com)
เทคโนโลยี AI เปลี่ยนโลกธุรกิจ SME ได้อย่างไร? | ทีเอ็มบีธนชาต (ttb) (ttbbank.com)
AI ใช้อย่างไรให้เหมาะ … เพื่อธุรกิจรอดพ้นจาก Digital Disruption – สอบบัญชีธรรมนิติ(DAA)
8.ประโยชน์ของ AI กับการใช้งานในภาคธุรกิจ – อบรมออนไลน์ สพป.เพชรบูรณ์ เขต 3 (google.com)
6 เทรนด์เทคโนโลยี AI ที่ธุรกิจห้ามพลาดในปี 2022 (pwc.com)
9 ความสามารถของ AI ที่ช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่รอด – Riverplus
ประโยชน์ของเทคโนโลยี AI กับธุรกิจในยุค Next normal – AI GEN (aigencorp.com)