ผู้ประกอบการSMEsหรือผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจในรูปบริษัท มักจะประหยัดค่าใช้จ่ายโดยการทำบัญชีเองหรือจ้างพนักงานคนเดียวมาดูแลงานทั้งด้านบัญชีและธุรการ ถึงแม้จะออกเอกสารการซื้อขาย การบันทึกรายการบัญชีได้ แต่การปิดบัญชี การตรวจสอบความถูกต้องทางบัญชีและภาษี จำเป็นต้องมีนักบัญชีลงนามรับรองงบการเงินและรายงานภาษีประจำปีตามกฎหมาย การจ้างสำนักงานบัญชีจึงมีความสำคัญ
หน้าที่ของสำนักงานบัญชี
1. การยื่นแบบภาษีประจำเดือน ได้แก่ การยื่นแบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย, ภาษีมูลค่าเพิ่ม
2. การยื่นแบบประจำปี ได้แก่ การยื่นแบบภาษีนิติบุคคลกลางปีและสิ้นปี การนำส่งงบการเงิน การยื่นแบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายประจำปีสำหรับเงินเดือนพนักงาน
3. การปิดบัญชี ได้แก่ การจัดทำสมุดรายวันทั่วไป สมุดรายวันซื้อขายและรับจ่ายเงิน สมุดบัญชีแยกประเภท งบทดลอง งบการเงิน รวมทั้งการให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องบัญชีและภาษี
ประโยชน์ของการจ้างสำนักงานบัญชี
1. ช่วยให้ตัวเลขงบการเงินของบริษัทมีความถูกต้องน่าเชื่อถือจากการตรวจสอบตัวเลขรายการซื้อขาย รับจ่ายของสำนักงานบัญชี และยังช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดทุจริตในองค์กร
2. ช่วยลดภาระและความยุ่งยากของเจ้าของกิจการและประหยัดเวลาในการทำบัญชีด้วยตนเอง โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs หรือผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ สามารถใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการ การวางแผน การเพิ่มยอดขาย ได้มากขึ้น
3. มีการอัพเดตกฎหมายทางบัญชีและภาษีอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเลือกใช้โปรแกรมทางบัญชีที่เหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจ และสามารถติดต่อประสานงานและให้ข้อมูลทางบัญชีและภาษีกับหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์หรือกรมสรรพากรแทนผู้ประกอบการได้
4. ช่วยลดค่าใช้จ่ายของกิจการประเภทเงินเดือนและสวัสดิการต่างๆในการจ้างนักบัญชีในบริษัท โดยผู้ประกอบการสามารถว่าจ้างสำนักงานบัญชีด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่า ในการจัดทำบัญชี การจัดทำงบการเงิน การยื่นแบบเสียภาษีรายเดือนและรายปี นอกจากนี้ยังลดต้นทุนในการจัดซื้อโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปและค่าใช้จ่ายในการอัพเกรดโปรแกรมด้วย
5. สำนักงานบัญชีไม่เพียงแค่จัดทำบัญชีให้อย่างเดียวเท่านั้น ยังให้บริการให้คำปรึกษาและแนะนำในการจัดการเรื่องบัญชีและภาษีของบริษัท ซึ่งลดความเสี่ยงในการมีประเด็นทางภาษีและการเสียค่าปรับทางบัญชีและภาษี นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการในการวางแผนแก้ปัญหาและพัฒนาธุรกิจต่อไป
วิธีเลือกสำนักงานบัญชี
1. การให้บริการ
ควรเลือกสำนักงานบัญชีที่ให้คำแนะนำในเรื่องระบบบัญชีและภาษีอากรได้ มีระบบการรับ-ส่งเอกสารที่ดี ผู้ประกอบการสามารถติดต่อสอบถามปัญหาทางบัญชีและภาษีได้อย่างสะดวกรวดเร็วและมีความใส่ใจในการแก้ปัญหาให้กับลูกค้า
2. ราคาค่าบริการ
ในปัจจุบันมีสำนักงานทางบัญชีที่ให้บริการเป็นจำนวนมากและมีการแข่งขันกันทางด้านราคาค่าบริการ ผู้ประกอบการไม่ควรเน้นราคาค่าบริการที่ถูกเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาเลือกสำนักงานบัญชีที่คิดราคาค่าบริการที่เหมาะสมและพิจารณาที่คุณภาพของงานที่ให้บริการเป็นหลัก
3. ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของนักบัญชี
ควรเลือกสำนักงานบัญชีที่มีนักบัญชีซึ่งมีประสบการณ์ตรงกับธุรกิจที่ทำ เบื้องต้นควรมีการนัดสัมภาษณ์เพื่อประเมินเบื้องต้น
4. การบริหารจัดการของสำนักงานบัญชี
ในการสัมภาษณ์เบื้องต้นควรสอบถามระบบการทำงานได้แก่ระบบการจัดส่งเอกสาร จำนวนลูกค้าและจำนวนพนักงานของสำนักงานที่ให้บริการว่ามีสัดส่วนที่เหมาะสมหรือไม่ ถ้าสัดส่วนไม่เหมาะสมเช่นมีพนักงานที่ให้บริการในจำนวนน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนลูกค้า อาจทำให้การดูแลลูกค้าไม่ทั่วถึง
5. เทคโนโลยีที่ใช้
พิจารณาการเลือกใช้โปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปของสำนักงานบัญชีว่ามีความเหมาะสมกับลักษณะของธุรกิจหรือไม่ มีการอัพเกรดได้ และมีระบบการสำรองข้อมูลที่ดี มีบริการตอบปัญหาในการใช้โปรแกรมที่รวดเร็ว
6. ข้อมูลจากผู้เคยใช้บริการ
ถ้าเป็นไปได้อาจสอบถามข้อมูลจากลูกค้าที่เคยใช้บริการสำนักงานบัญชี ในเรื่องของระบบการทำงาน ปัญหาในการใช้บริการ ความน่าเชื่อถือ ความตรงต่อเวลา จะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจเลือกสำนักงานบัญชีได้ง่ายขึ้น
การเลือกใช้สำนักงานบัญชีที่ดี ช่วยให้ได้ตัวเลขงบการเงินที่ถูกต้อง ผู้ประกอบการสามารถใช้ตัวเลขในการวิเคราะห์ตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว PEAK มีเครือข่ายพันธมิตรสำนักงานบัญชีกว่า 350 รายทั่วประเทศ ที่ให้บริการลูกค้าผ่านโปรแกรมบัญชี PEAK
มองหาสำนักงานบัญชีที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณได้ ที่นี่
หรือคลิก https://peakaccount.com/find-accounting-firm