เงินทุนหมุนเวียน หรือ Working Capital คืออะไร

ในโลกของธุรกิจการบริหารเงินทุนหมุนเวียน หรือ Working Capital คือหัวใจสำคัญที่ช่วยดำเนินธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างดีมากขึ้น สรุปให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เงินทุนหมุนเวียนนั้นเปรียบเสมือนน้ำช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจ เพราะมันคือเงินสดให้ธุรกิจไว้ใช้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าวัตถุดิบ ค่าจ้างพนักงาน หรือจ่ายหนี้ต่าง ๆ ดังนั้น การบริหารเงินทุนหมุนเวียนก้อนนี้ให้เกิดประสิทธิภาพ ก็เหมือนกับการดูแลสุขภาพของธุรกิจให้แข็งแรง ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโตได้อย่างมั่นคง

เงินทุนหมุนเวียนหรือ Working Capital คืออะไร?

เงินทุนหมุนเวียน หรือ Working Capital คือ ตัวหล่อเลี้ยงที่ช่วยกิจการดำเนินธุรกิจไปอย่างไม่มีปัญหา เพราะเป็นเงินทุนที่ธุรกิจต้องใช้ในการดำเนินธุรกิจในแต่ละวัน เพื่อให้กิจการสามารถเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ติดขัด ซึ่งเงินทุนหมุนเวียนนั้นจะใช้การคำนวณจาก สินทรัพย์หมุนเวียน หักลบด้วย หนี้สินหมุนเวียน เพื่อทำให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของบริษัทว่ามีสภาพคล่องเป็นอย่างไร

อ่านเพิ่มเติม : วิธีบริหาร Cash Flow เสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ

ความสำคัญของ Working Capital ต่อธุรกิจ

เงินทุนหมุนเวียนเป็นดั่งตัวที่ช่วยหล่อเลี้ยงธุรกิจ เพราะเป็นเงินทุนที่ให้ธุรกิจใช้จ่ายในประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อวัตถุดิบ จ่ายค่าใช้จ่าย หรือชำระหนี้ระยะสั้นต่าง ๆ เมื่อธุรกิจมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอ ก็จะสามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลา ทำให้ธุรกิจมีเครดิตที่ดี มีความน่าเชื่อถือ และทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอื่น ๆ ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ

ดูเงินทุนหมุนเวียนในงบการเงินยังไงบ้าง

การดูเงินทุนหมุนเวียนในงบการเงิน หรือ Net Working Capital คือ การดูจำนวนสินทรัพย์หมุนเวียนทั้งหมดในธุรกิจ ซึ่งได้มาจากผลต่างจากการหักลบระหว่างสินทรัพย์หมุนเวียนและหนี้สินหมุนเวียน โดยมีความแตกต่างกัน ดังนี้ 

สินทรัพย์หมุนเวียน

สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets) คือ สินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงสามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ภายในระยะเวลาอันสั้น (โดยทั่วไปคือภายใน 1 ปี) สินทรัพย์เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงให้กับธุรกิจดำเนินงานไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสินทรัพย์หมุนเวียนจะประกอบด้วยปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้

  • เงินสด เงินสดในมือรวมถึงเงินฝากในธนาคารที่สามารถเบิกถอนได้ทันที
  • หลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง เช่น ตั๋วเงินคลัง หุ้นที่สามารถขายออกได้ง่าย
  • ลูกหนี้การค้า เงินที่ลูกค้าค้างชำระ
  • สินค้าคงคลัง สินค้าที่พร้อมจำหน่าย สินค้าระหว่างผลิต และวัตถุดิบ

หนี้สินหมุนเวียน

หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities) คือ หนี้สินของธุรกิจที่ต้องชำระคืนภายในระยะเวลาอันสั้น โดยทั่วไปคือภายใน 1 ปี หรือภายในรอบบัญชีของธุรกิจนั้น ๆ โดยหนี้สินเหล่านี้จะใช้ในการดำเนินธุรกิจประจำวัน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสภาพคล่องธุรกิจ ซึ่งในส่วนของหนี้สินหมุนเวียนจะมีดังนี้

  • เจ้าหนี้การค้า เงินที่ค้างชำระให้กับซัพพลายเออร์หรือผู้ขายวัตถุดิบ
  • ค่าใช้จ่ายที่ค้างจ่าย ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ยังไม่ได้ชำระ เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์
  • เงินเดือนและสวัสดิการค้างจ่าย เงินเดือนของพนักงานที่ยังไม่ได้จ่าย
  • ภาษีค้างจ่าย ภาษีต่าง ๆ ที่ต้องชำระให้กับทางรัฐบาล
  • เงินกู้ระยะสั้น เงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินที่มีกำหนดชำระภายใน 1 ปี
  • รายได้รับล่วงหน้า เงินที่ได้รับจากลูกค้าก่อนที่จะส่งมอบสินค้าหรือบริการให้

ธุรกิจควรมีเงินทุนหมุนเวียนเท่าไหร่

ธุรกิจควรมีเงินทุนหมุนเวียนเท่าไหร่

สำหรับคำถามที่ว่าธุรกิจควรมีเงินทุนหมุนเวียนเท่าไหร่นั้น ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว สาเหตุเป็นเพราะปริมาณเงินทุนหมุนเวียนที่เหมาะสมจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละธุรกิจ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

  • ขนาดของธุรกิจ ธุรกิจขนาดใหญ่ย่อมต้องการเงินทุนหมุนเวียนมากกว่าธุรกิจขนาดเล็ก
  • ประเภทของธุรกิจ ธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก เช่น ธุรกิจผลิตสินค้า ธุรกิจค้าส่ง จะต้องการเงินทุนหมุนเวียนมากกว่าธุรกิจบริการ
  • ฤดูกาล ธุรกิจที่มียอดขายผันผวนตามฤดูกาล เช่น ธุรกิจท่องเที่ยว จะต้องมีเงินทุนสำรองไว้ใช้ในช่วงที่มียอดขายน้อย
  • สภาพคล่องของลูกค้า หากลูกค้าชำระเงินช้า ธุรกิจจะต้องมีเงินทุนหมุนเวียนสำรองเพิ่มไว้มากขึ้น
  • ความเสี่ยงของธุรกิจ ธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ อาจต้องการเงินทุนหมุนเวียนมากกว่าธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ

ทำยังไงถึงจะเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนได้

การเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกขนาด เพื่อให้การทำธุรกิจราบรื่นและมีสภาพคล่องเพียงพอ ซึ่งก็มีหลายวิธีที่สามารถปรับใช้เพิ่มเงินทุนหมุนเวียนได้ ดังนี้

1. บริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ลดสินค้าคงคลัง ตรวจสอบสินค้าคงคลังว่าตรงกับความต้องการของตลาด และช่วยลดต้นทุนในการจัดเก็บสินค้า
  • เร่งรัดการเก็บเงินจากลูกหนี้ ตั้งเป้าหมายในการเก็บเงินจากลูกหนี้ให้เร็วขึ้น โดยอาจใช้โปรโมชั่นหรือส่วนลดเพื่อจูงใจให้ลูกค้าชำระหนี้เร็วขึ้น
  • บริหารจัดการกระบวนการผลิต หากเป็นธุรกิจผลิตสินค้า ควรเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มผลผลิตให้มากกว่าเดิมในต้นทุนที่ลดลง

2. หาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม

  • สินเชื่อ ขอกู้เงินจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยอาจเป็นสินเชื่อระยะสั้นหรือสินเชื่อหมุนเวียน
  • Factoring ขายลูกหนี้การค้าให้กับบริษัท Factoring เพื่อรับเงินสดทันที
  • ระดมทุนจากนักลงทุน สำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ อาจพิจารณาการระดมทุนจากนักลงทุน
  • ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มระดมทุนจากประชาชน (Crowdfunding) ที่สามารถช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

3. ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ

  • ลดค่าใช้จ่าย ตรวจสอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในองค์กร เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าโทรศัพท์ เพื่อเพิ่มช่องทางในการลดค่าใช้จ่าย
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ใช้เทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หรือลดต้นทุน เช่น โปรแกรมบัญชี โปรแกรมบริหารจัดการลูกค้าสัมพันธ์
  • ปรับโครงสร้างหนี้ หากมีหนี้สินอยู่แล้ว อาจขอเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ขอขยายระยะเวลาการชำระหนี้ ลดอัตราดอกเบี้ย เป็นต้น

4. เพิ่มยอดขายและรายได้

  • พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
  • ขยายตลาด หาช่องทางในการขยายตลาด เช่น การทำการตลาดออนไลน์ การขายของตามอีเว้นท์ต่าง ๆ 
  • สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การจะทำให้ลูกค้าซื้อซ้ำและบอกต่อ จำเป็นต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าไว้
เพิ่มยอดขายและรายได้

เงินทุนหมุนเวียนเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมธุรกิจ ซึ่งถ้าสามารถจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการหาแหล่งทุนหมุนเวียน หรือการเพิ่มทุนก็ตาม ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโตยั่งยืนและมั่นคงในระยะยาว รวมถึงยังสามารถรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีอีกด้วย

เพื่อสนับสนุนการจัดการเงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ จึงเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ ด้วยฟีเจอร์การจัดการบัญชีและการเงินครบวงจร ที่ช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถวางแผนและบริหารทรัพยากรได้อย่างเป็นระบบ ช่วยลดความซับซ้อนของงานบัญชี และเสริมสร้างความมั่นใจในทุกการตัดสินใจทางการเงิน

ทดลองใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี! 30 วัน มูลค่า 1,200 บาท
คลิก https://www.peakaccount.com (ไม่มีค่าใช้จ่าย)
PEAK Call Center : 1485
LINE : @peakaccount
สอบถามเพิ่มเติม คลิก https://m.me/peakengine