
บัญชีแยกประเภทคืออะไร ทำไมธุรกิจต้องทำบัญชีแยกประเภท?
หลายคนอาจตั้งคำถามว่า ‘บัญชีแยกประเภท’ คืออะไร? มีความสำคัญอย่างไรในการทำธุรกิจ คำตอบก็คือสำหรับทุกกิจการในประเทศไทยที่มีการจดทะเบียนเป็นห้างหุ้นส่วน บริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ตามกฏหมายไทย และนิติบุคคลที่จดทะเบียนและจัดตั้งตามกฎหมายต่างประเทศ รวมถึงกิจการร่วมค้า จำเป็นต้องจัดทำบัญชี 5 เล่ม คือ บัญชีทรัพย์สินรวมสินค้าในครอบครอง, บัญชีเงินสด, บัญชีลูกหนี้-เจ้าหนี้, บัญชีรายวันซื้อ รายวันขาย, บัญชีแยกประเภทรายได้และค่าใช้จ่าย และควรจัดทำงบการเงินอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ซึ่งบัญชีแยกประเภทถือว่าเป็นหนึ่งในบัญชีที่จะช่วยในการทำงบการเงินของธุรกิจคุณเห็นที่มาที่ไปของรายได้และค่าใช้จ่ายชัดเจน ไม่ใช่เพียงเพื่อตรวจสอบ แต่เพื่อให้เห็นจุดที่ธุรกิจยังต้องปรับปรุง เป็นจุดเริ่มต้นที่จะช่วยให้ภาพรวมของธุรกิจของคุณพัฒนาไปได้อีกขั้นหนึ่ง
บัญชีแยกประเภทคืออะไร?
บัญชีแยกประเภทเป็นหนึ่งในบัญชี 5 เล่มที่กิจการควรทำ เพราะเป็นบัญชีที่สรุปรายการต่างๆที่ผ่านมาจากสมุดบัญชีรายวัน โดยทำหน้าที่แยกประเภทและจัดเป็นหมวดหมู่ให้ดูง่าย จึงสะดวกในการจัดทำงบการเงินต่อไปครับ
บัญชีแยกประเภท มี 2 ชนิด คือ
1. บัญชีแยกประเภททั่วไป
บัญชีแยกประเภททั่วไปเป็นบัญชีเล่มหลัก ที่รวบรวมยอดของบัญชีแยกประเภททุกบัญชี ประกอบไปด้วย บัญชีแยกประเภทสินทรัพย์, บัญชีแยกประเภทหนี้สิน, บัญชีแยกประเภทส่วนของเจ้าของ, บัญชีแยกประเภทรายได้ และบัญชีแยกประเภทค่าใช้จ่าย
2.บัญชีแยกประเภทย่อย
ในส่วนของบัญชีแยกประเภทย่อยเป็นเล่มบัญชีที่แสดงรายละเอียดเพิ่มขึ้นจากบัญชีทั่วไป ซึ่งจะมีบัญชีประเภทย่อยเจ้าหนี้ และบัญชีประเภทย่อยลูกหนี้ ที่แสดงรายละเอียดรายการและข้อมูลรายบุคคลทั้งหมดครับ
ตัวอย่างบัญชีแยกประเภท
1. บัญชีแยกประเภททั่วไป

ประกอบด้วย
1. วัน เดือน ปี ที่มีการบันทึกรายการ
2. ข้อมูลและรายการบัญชี
3. จำนวนเงินเดบิต
4. วัน เดือน ปี ที่มีการบันทึกรายการ
5. ข้อมูลและรายการบัญชี
6. จำนวนเงินเครดิต
2.บัญชีแยกประเภทย่อย

ประกอบด้วย
1. วัน เดือน ปี ที่มีการบันทึกรายการ
2. ข้อมูลและรายการบัญชี
3. หน้าบัญชีของสมุดบันทึกรายการ
4. จำนวนเงินเดบิต
5. จำนวนเงินเครดิต
6. ผลต่างของยอดเดบิตและเครดิต (นำช่องที่ 4 ลบกับช่องที่ 5 กรณีช่องที่ 4 มากกว่าช่องที่ 5)
7. ผลต่างของยอดเครดิตและเดบิต (นำช่องที่ 5 ลบกับช่องที่ 4 กรณีช่องที่ 5 มากกว่าช่องที่ 4)
วิธีดูบัญชีแยกประเภทในโปรแกรม PEAK

1. เลือกไปที่เมนูบัญชี
2. คลิกที่ “บัญชีแยกประเภท”

3. คลิก Export เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ Excel หรือคลิกดูรายละเอียดแต่ละรายการในกรอบด้านซ้ายมือของรูป
ตามประกาศกรมทะเบียนการค้า มีการกำหนดระยะเวลาที่ต้องลงรายการในบัญชี โดยบัญชีแยกประเภทจะต้องจัดทำภายใน 15 วันหลังสิ้นเดือนที่มีรายการนั้นๆเกิดขึ้น หรืออาจเรียกได้ว่าควรจัดทำบัญชีแยกประเภทภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไปก็ได้ครับ
ให้ PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ช่วยคุณจัดทำบัญชีแยกประเภทง่ายๆ ด้วยปลายนิ้ว เพียงแค่คุณใช้โปรแกรม PEAK ในการออกเอกสารต่างๆเกี่ยวกับการจัดทำบัญชี เลือกคลิกเข้าเมนูตามวิธีการข้างต้น ก็สามารถ Export เป็นไฟล์ Excel เพื่อดูรายการเคลื่อนไหวทางบัญชี หรือคลิกดูรายการบัญชีแยกประเภทอย่างละเอียดเพื่อตรวจสอบรายการที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่บัญชีแยกประเภทเท่านั้น แต่ PEAK ยังสามารถช่วยคุณในการจัดการบัญชีทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นบัญชีทรัพย์สินรวมสินค้าในครอบครอง, บัญชีเงินสด, บัญชีลูกหนี้-เจ้าหน้า หรือบัญชีรายวันซื้อ รายวันขาย ก็สามารถจัดทำได้ หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องการประหยัดเวลาในการจัดการบัญชีและเอกสารด้านภาษี PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์พร้อมช่วยให้คุณจัดการธุรกิจของคุณ ให้คุณหมดกังวลด้านการทำบัญชี เพื่อที่จะได้ลงมือวางแผนธุรกิจของคุณได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวล
พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่
พิเศษ! สำหรับลูกค้าใหม่
สมัครใช้งานโปรแกรม PEAK วันนี้ ใช้บริการโปรแกรมฟรี 30 วัน
เริ่มต้นใช้งาน คลิก https://peakaccount.com