ความสำคัญของใบแจ้งหนี้คืออะไร? ต่างจากใบวางบิลอย่างไร?

ประเด็นสำคัญ

  • ใบแจ้งหนี้ คือ เอกสารที่ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงบริษัทต่างๆ จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งยอดราคาของสินค้าหรือบริการ ให้ลูกค้าทราบถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่าย และกำหนดวันที่ลูกค้าต้องจ่ายชำระกับทางบริษัท เพื่อให้ลูกค้าชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างถูกต้อง
  • ในการออกเอกสารใบแจ้งหนี้มีข้อมูลที่ต้องระบุให้ถูกต้อง ตลอดจนมีสิ่งที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น ซึ่งรายละเอียดสามารถติดตามได้ในบทความนี้

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำใบวางบิล และใบแจ้งหนี้ก่อน…

ใบวางบิลและใบแจ้งหนี้ คือ เอกสารที่ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงบริษัทต่างๆ จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งยอดของสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าทราบถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่ายและกำหนดวันที่ลูกค้าต้องจ่ายชำระกับทางบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ

ใบวางบิลและใบแจ้งหนี้นี้ส่วนใหญ่มักจะใช้กับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ หรือธุรกิจที่มีการใช้เครดิตในการชำระเงิน รวมไปถึงพ่อค้า – แม่ค้าที่มีธุรกิจขายส่งสินค้าจำนวนมาก เพื่อให้ร้านค้ามีความน่าเชื่อถือ

รู้จักกับใบแจ้งหนี้และใบวางบิล

ใบแจ้งหนี้คืออะไร?

ใบแจ้งหนี้ (Invoice) คือ เอกสารสำคัญทางด้านบัญชีและภาษีที่จัดทำขึ้นเมื่อมีการซื้อสินค้าหรือบริการเรียบร้อยแล้ว บริษัทหรือผู้ประกอบการจะออกใบแจ้งหนี้ทุกครั้ง เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบว่ามีสินค้าที่ซื้อไปทั้งหมดเท่าไหร่? ต้องชำระเงินเท่าไหร่? และกำหนดชำระเงินเมื่อไหร่? พูดง่ายๆ ใบแจ้งหนี้ก็เปรียบเสมือนใบสรุปรายการ เมื่อมีการซื้อ – ขายเกิดขึ้น ใบแจ้งหนี้จะบอกรายละเอียดต่างๆ เพื่อให้ผู้ขาย และลูกค้าเข้าใจตรงกัน โดยไม่เกิดความเข้าใจผิด

ใบวางบิลคืออะไร?

ใบวางบิล (Billing Note) คือ เอกสารสำคัญทางด้านบัญชีและภาษีที่จัดทำขึ้นเมื่อมีใบแจ้งหนี้ แจ้งค่าใช้จ่าย และระยะเวลากำหนดวันที่เรียกเก็บเงินแล้ว ใบวางบิลจะถูกออกเมื่อถึงกำหนดชำระเงินตามที่ใบแจ้งหนี้ได้บอกไว้ โดยจะรวมยอดคงเหลือที่ต้องชำระทั้งหมด และสรุปค่าใช้จ่ายรายการสินค้าต่างๆ

ดังนั้นหลายบริษัทมักใช้ใบวางบิลและใบแจ้งหนี้เป็นใบเดียวกัน เพื่อความชัดเจน และความสะดวกในการใช้งาน

ใบแจ้งหนี้และใบวางบิลต่างกันอย่างไร?

“ใบแจ้งหนี้” และ “ใบวางบิล” เป็นเอกสารที่ระบุยอดชำระให้แก่คู่ค้าเช่นเดียวกัน แต่ “ใบแจ้งหนี้” เป็นเอกสารที่เราแจ้งให้คู่ค้าทราบหลังจบงาน โดยมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายว่ามีค่าสินค้า ค่าบริการอะไรบ้าง เป็นจำนวนเท่าไหร่ และคู่ค้าควรชำระเมื่อใด ส่วน “ใบวางบิล” จะออกมาเมื่อถึงเวลาชำระเงิน โดยจะรวมยอดคงค้างทั้งหมด และสรุปว่ามีรายการค่าใช้จ่ายใดบ้าง และเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ ซึ่งบางทีบริษัทคู่ค้าจะแจ้งมาว่าต้องการให้ออกใบวางบิลโดยรวมค่าใช้จ่ายใดบ้าง ทั้งนี้ขึ้นกับการตกลงของเราและคู่ค้าด้วย 

ข้อควรระวังเกี่ยวกับใบแจ้งหนี้และใบวางบิล

สิ่งที่สำคัญมากๆ ของการออกใบวางบิลและใบแจ้งหนี้ คือ ความชัดเจน และความถูกต้อง สิ่งที่มักจะผิดพลาดในการออกเอกสารนี้คือ การกรอกรายละเอียดต่างๆ ไม่ครบถ้วน ไม่ตรงตามใบเสนอราคา จนต้องนำกลับไปแก้ไขใหม่ รวมไปถึงเรื่องของการลืมส่งเอกสาร ทำให้ลูกค้าได้รับเงินล่าช้ากว่ากำหนด จะทำให้มีปัญหาในการชำระเงิน และอีกหนึ่งปัญหาสำคัญที่หลายบริษัทมักจะพบเจอกันบ่อยๆ คือ วันรับวางบิลของลูกค้า ใบวางบิลต้องไปถึงมือลูกค้าในช่วงเวลาที่บริษัทของลูกค้ามีกำหนดการวางบิล หากล่าช้า หรือติดวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ อาจจะทำให้บริษัทไม่ได้รับเงินจากลูกค้าในเดือนนั้นๆ ทำให้ต้องรออีก 1 เดือน หรือจนกว่าจะถึงรอบวางบิลใหม่ 

และแน่นอนมันต้องมีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นตามมา เช่น กำหนดวางบิลของลูกค้าคือวันที่ 1 – 5 ของทุกเดือน แต่เอกสารวางบิลของเราใส่รายละเอียดผิด ต้องนำไปแก้ไขแล้วส่งถึงมือลูกค้าในวันที่ 6 ก็จำเป็นที่จะต้องรอลูกค้าทำเรื่องชำระอีกทีในช่วงวันที่ 1 – 5 ของเดือนต่อไป แล้วค่าสินค้า ค่าพนักงาน ค่าภาษี ค่าบริการที่ลูกค้าได้รับหรือใช้ไปแล้วล่ะ ใครจะเป็นคนจ่ายก่อน? แน่นอนว่าคำตอบก็คือเรา ถ้าวางบิลไม่ทันค่าใช้จ่ายต่างๆ เราต้องเป็นคนจัดการรับผิดชอบออกไปก่อนทั้งหมด และนั้นอาจจะทำให้บริษัทของเราเกิดปัญหสทางการเงินได้ ดังนั้นเรื่องระยะเวลา และความถูกต้องในใบวางบิลเป็นเรื่องที่สำคัญมาก  

เช็กให้ชัวร์ก่อนออกใบวางบิล และใบแจ้งหนี้ ข้อมูลต้องชัวร์!

ข้อมูลผู้ออกใบวางบิลและใบแจ้งหนี้

  • ชื่อและที่อยู่บริษัท – ร้านค้าธุรกิจ
  • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี และสำนักงานสาขา
  • เบอร์ติดต่อบริษัท – ร้านค้าธุรกิจ
  • เลขที่ใบวางบิลในใบแจ้งหนี้
  • ลายเซ็นผู้วางบิล และวันที่ที่ออกเอกสาร

ข้อมูลผู้รับใบวางบิลและใบแจ้งหนี้

  • ชื่อ และที่อยู่ของลูกค้า
  • เลขประจำตัวผู้เสียภาษี
  • รายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่สั่งซื้อ พร้อมยอดรวมของค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องชำระ
  • วันที่กำหนดชำระเงินอย่างชัดเจน
  • ลายเซ็นผู้รับใบวางบิล และวันที่รับเอกสาร
ตัวอย่างใบแจ้งหนี้

ตัวอย่างใบวางบิล

5 สิ่งที่ต้องจัดเตรียมในขั้นตอนของการออกใบวางบิล และใบแจ้งหนี้ทั้งหม

  • ออกใบวางบิล กำหนดรายละเอียดให้ครบถ้วน
  • จัดเตรียมเอกสารจำนวน 1 ชุด เอกสารต้นฉบับ และสำเนา
  • หากมีใบเสนอราคา ให้แนบเอกสารมาด้วย
  • ผู้รับเอกสารจะต้องเซ็นชื่อเพื่อเป็นการรับรองการวางบิล
  • จัดส่งให้ถึงมือลูกค้า และเมื่อได้รับเงิน ให้ออกใบเสร็จรับเงินพร้อมใบกำกับภาษีให้ลูกค้า

การสร้างใบแจ้งหนี้/ใบวางบิล ด้วยโปรแกรม PEAK

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ สามารถออกใบเสร็จรับเงินได้อย่างมืออาชีพในไม่กี่ขั้นตอน พบกับขั้นตอนการออกใบแจ้งหนี้/ใบวางบิล ด้วยโปรแกรม PEAK ได้ที่การสร้างใบแจ้งหนี้  และการสร้างใบวางบิล

ออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปได้ง่ายๆ ด้วยระบบ PEAK

สรุป

ใบแจ้งหนี้และใบวางบิล เอกสารสำคัญที่ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งยอดราคาของสินค้า หรือบริการ ให้ลูกค้าทราบถึงจำนวนเงินและวันครบกำหนดที่ต้องจ่าย ดังนั้นในการจัดทำใบแจ้งหนี้และใบวางบิล จึงควรตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนส่งมอบให้กับลูกค้า เพื่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจอีกด้วย

PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ ออกบิลเงินสด, ใบเสร็จรับเงิน และเอกสารบัญชีต่างๆ ได้อย่าง สะดวก รวดเร็ว ในไม่กี่ขั้นตอน สร้างเอกสารทางธุรกิจ ครบถ้วน ถูกต้อง แม่นยำ ป้องกันปัญหาอย่างมืออาชีพ

PEAK Call Center : 1485

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

ใบแจ้งหนี้เกี่ยวข้องกับใบวางบิลอย่างไร ?


ใบแจ้งหนี้และใบวางบิลมีจุดประสงค์หลักเหมือนกันคือ จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งยอดของสินค้าหรือบริการให้ลูกค้าทราบถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่าย และกำหนดวันที่ลูกค้าต้องจ่ายชำระกับทางบริษัท

แต่ใบแจ้งหนี้จัดทำขึ้นเพื่อแจ้งยอดของสินค้าหรือบริการในแต่ละครั้งหลังจากลูกค้ามีการซื้อสินค้าหรือการบริการเรียบร้อยแล้ว

ส่วนใบวางบิลจัดทำขึ้นเพื่อแจ้งยอดรวมที่ค้างชำระทั้งหมดของสินค้าหรือบริการโดยการสรุปรายการต่าง ๆ ในช่วงเวลาหนึ่งและมักจะใช้กับลูกค้าที่มีการซื้อขายเป็นประจำ

วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้และใบวางบิล ที่โปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK
- วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้และการสร้างใบแจ้งหนี้ต่อจากใบเสนอราคา
- วิธีการสร้างใบวางบิล

ใครคือผู้ที่สามารถออกใบแจ้งหนี้ได้ ?


บริษัทหรือร้านค้า ที่มีการขายสินค้าหรือบริการแบบขายเชื่อ หรือมีการขายแบบให้เครดิต ที่ต้องการชี้แจ้งรายละเอียดการขาย เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงจำนวนเงินและวันครบกำหนดที่ต้องชำระ

วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้และการสร้างใบแจ้งหนี้ต่อจากใบเสนอราคาด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK

บุคคลธรรมดา ทําใบแจ้งหนี้ได้หรือไม่ ?


บุคคลธรรมดาสามารถออกใบแจ้งหนี้เพื่อแจ้งจำนวนยอดเงินและวันครบกำหนดที่ลูกค้าต้องชำระได้

วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้และการสร้างใบแจ้งหนี้ต่อจากใบเสนอราคาด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK

ใบแจ้งหนี้มีวันหมดอายุไหม ?


ใบแจ้งหนี้จะแสดงวันครบกำหนดในการชำระเงิน เพื่อเป็นหลักฐานในการระบุเครดิตที่ทางผู้ขายให้กับคู่ค้า ว่าหลังจากที่ได้รับใบแจ้งหนี้ไปต้องชำระเงินภายในกี่วันตามเงื่อนไขของการขาย

วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้และการสร้างใบแจ้งหนี้ต่อจากใบเสนอราคาด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK

ใบแจ้งหนี้จำเป็นต้องมีเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ซื้อและผู้ขายไหม ?


สามารถแบ่งได้ 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เอกสารใบแจ้งหนี้/ใบกำกับภาษี จำเป็นต้องระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีทั้งของผู้ซื้อและของผู้ขาย ตามการออกใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปที่กรมสรรพากรกำหนด มาตรา 86/4
กรณีที่ 2 เอกสารใบแจ้งหนี้ที่ไม่ใช่ใบกำกับภาษี จะระบุหรือไม่ระบุเลขประจำตัวผู้เสียภาษีก็ได้

ใบส่งของกับใบแจ้งหนี้ใช้แทนกันได้หรือไม่ ?


ใบส่งของ และใบแจ้งหนี้ มีวัตถุประสงค์และการใช้งานที่แตกต่างกัน ทำให้ไม่สามารถใช้แทนกันได้ โดยทั้ง 2 เอกสารมีวัตถุประสงค์ ดังนี้

ใบส่งของ ใช้เป็นหลักฐานในการยืนยันการรับของหรือบริการที่ผู้รับได้รับ โดยเอกสารนี้จะระบุรายละเอียดของสินค้าหรือบริการที่ถูกส่งไป ซึ่งช่วยยืนยันว่าการจัดส่งสินค้าหรือบริการนั้นถูกต้องและครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้

ใบแจ้งหนี้ ใช้สำหรับแจ้งยอดการชำระเงินของสินค้าหรือบริการต่อลูกค้า เอกสารนี้จะระบุจำนวนเงินที่ลูกค้าต้องชำระและกำหนดวันชำระเงิน โดยสามารถออกได้ไม่ว่าสินค้าจะได้ถูกส่งไปแล้วหรือยัง

วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้หรือการพิมพ์ใบส่งของด้วยโปรแกรมบัญชีออนไลน์ PEAK
- วิธีการสร้างใบแจ้งหนี้และการสร้างใบแจ้งหนี้ต่อจากใบเสนอราคา
- วิธีการพิมพ์เอกสารใบแจ้งหนี้ื,ใบส่งของ