ถึงแม้ภาครัฐจะส่งเสริมให้ธุรกิจจดทะเบียนในรูปนิติบุคคล แต่ผู้ประกอบการหลายรายยังคงเลือกทำธุรกิจในรูปแบบของบุคคลธรรมดา เนื่องจากในมุมมองของผู้ประกอบการ การทำธุรกิจในรูปของนิติบุคคลจำเป็นต้องมีการจัดทำบัญชี มีค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้สอบบัญชีและผู้ทำบัญชี แต่ถึงแม้จะเป็นรูปแบบบุคคลธรรมดา ผู้ประกอบการยังคงมีหน้าที่ในการจัดทำรายงานแสดงรายได้และรายจ่ายตามที่กรมสรรพากรกำหนด
บัญชีรายรับรายจ่าย คืออะไร
บัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นการบันทึกรายการรายได้และรายจ่ายสำหรับผู้ประกอบการที่มีหน้าที่เสียภาษี
เงินได้บุคคลธรรมดาเฉพาะผู้มีเงินได้มาตรา 40(5) (6) (7) และ(8) แต่มิได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายการและข้อความอย่างน้อยตามที่กรมสรรพากรกำหนดดังรูป
หมายเหตุ เงินได้ 40(5) รายได้จากการให้เช่า
40(6) รายได้จากการประกอบวิชาชีพอิสระ
40(7) รายได้จากการรับเหมา
40(8) รายได้อื่นๆที่ไม่ใช่ 40(1)-40(7)
การจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย มีรายละเอียดในการจัดทำดังนี้
1. การจัดทำรายงานเงินสดรับจ่าย จะต้องถูกจัดทำเป็นภาษาไทย กรณีที่จัดทำเป็นภาษาต่างประเทศต้องมีภาษาไทยกำกับ
2. การลงรายการรับ-จ่ายในรายงานเงินสดรับ-จ่าย ต้องบันทึกภายใน 3 วันทำการ
3. รายการที่สามารถนำมาลงในรายงานเงินสดรับ-จ่าย มีดังนี้
3.1 ต้องมีเอกสารประกอบการลงรายงาน ได้แก่ ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี เป็นต้น
3.2 รายจ่ายที่นำมาลงในรายงาน ต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการ
3.3 ภาษีซื้อที่เกิดขึ้นจากรายจ่ายนั้น สามารถนำมาลงเป็นต้นทุนสินค้าหรือค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวนเนื่องจากผู้ประกอบการไม่อยู่ในระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
3.4 ถ้ามีการขายสินค้า/ให้บริการ ซื้อสินค้า หรือจ่ายค่าใช้จ่ายอื่นๆเป็นเงินเชื่อ ให้บันทึกรายการนั้นในวันที่ได้รับชำระ หรือจ่ายชำระ โดยอธิบายเพิ่มเติมในช่องหมายเหตุ
3.5 การลงรายการรายรับและรายจ่ายสามารถลงเป็นยอดรวมของวัน โดยมีเอกสารประกอบ รายรับ รายจ่ายนั้นหรือลงแยกเป็นรายการก็ได้
4. สรุปยอดรายรับ-รายจ่ายทุกเดือน
เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการประกอบการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในการยื่นแบบเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี(ภ.ง.ด.94) หรือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ.ง.ด.90) ผู้ประกอบการสามารถนำยอดรายรับจากบัญชีรายรับ-รายจ่ายมากรอกเป็นยอดเงินได้พึงประเมินของกิจการ และนำรายจ่ายตามรายงานมาหักเป็นค่าใช้จ่ายจริงได้แต่รายจ่ายดังกล่าว โดยรายจ่ายต้องเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ
บัญชีรายรับ-รายจ่าย บอกถึงอนาคตของบริษัทได้อย่างไร
บัญชีรายรับ-รายจ่าย นอกจากจะใช้เป็นหลักฐานที่ใช้ประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของกิจการแล้ว ยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงอนาคตของบริษัทได้ดังนี้
1. บัญชีรายรับ-รายจ่าย ให้ข้อมูลผลประกอบการ ช่วยผู้ประกอบการในการตัดสินใจ วางแผนองค์กร เพื่อการบรรลุเป้าหมายขององค์กรในอนาคต
2. การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ทำให้เจ้าของกิจการทราบข้อมูลสถานะทางการเงิน ซึ่งบ่งบอกถึงสภาพคล่องทางการเงินของธุรกิจ รวมไปถึงความสามารถในการใช้จ่ายและความสามารถในการชำระหนี้ของกิจการ
3. การทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เป็นประจำ ทำให้ทราบการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเป็นรายวัน รายเดือนหรือรายปี ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถวางแผนการใช้จ่ายได้ หากมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นหรือเกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินงาน ผู้ประกอบการสามารถวางแผนลดค่าใช้จ่ายและปรับเปลี่ยนทิศทางในการดำเนินงานได้
4. การทำบัญชีรับ-จ่าย ช่วยผู้ประกอบการในการวางแผนกำหนดวงเงินสดสำรองที่เหมาะสมสำหรับกิจการ ซึ่งก่อให้เกิดสภาพคล่องของธุรกิจ
5. รายงานบัญชีรับ-จ่าย ช่วยให้ ผู้ประกอบการมองเห็นทิศทางการเติบโตของกิจการ ช่วยในการวางแผนการลงทุนขยายกิจการ สามารถประเมินสถานการณ์และวางแผนลดความเสี่ยงจากการลงทุน วางแผนการเพิ่มผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขยายฐานลูกค้าของกิจการในอนาคต
บัญชีรายรับรายจ่ายเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยให้เห็นรายการเคลื่อนไหวของรายได้และค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน จึงควรหมั่นบันทึกรายการให้ได้เป็นประจำทุกวันหรือทุกครั้งที่มีการรับจ่ายเข้าออก เพื่อความถูกต้อง ชัดเจน ไม่ตกหล่น ช่วยให้คุณดูแลการใช้จ่ายและบริหารเงินของธุรกิจได้ดีขึ้น การสรุปยอดบัญชีเป็นรายเดือนจะช่วยให้มองเห็นภาพรวมของกิจการในแต่ละเดือน และช่วยในการวางแผนค่าใช้จ่าย การสรุปเป็นประจำทุกเดือนทำให้สรุปยอดรับจ่ายประจำปีได้ง่ายขึ้น ช่วยให้การจัดทำแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษีง่ายขึ้นเช่นกัน
PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ที่มาพร้อมโปรแกรมจัดการลงรายรับ-รายจ่าย คุณสามารถบันทึกรายการโดยอัตโนมัติ พร้อมปิดงบการเงินได้ทันทีและตรวจสอบที่มาที่ไปของรายการได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้วางแผนการเงินได้ดีขึ้น
สมัครใช้งานโปรแกรมบัญชี PEAK ฟรี คลิก peakaccount.com
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง inbox ของ Facebook PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์