ภาพรวมทำบัญชีสะดวก บันทึกรายได้ ค่าใช้จ่าย ออกเอกสารผ่าน LINE

ทำบัญชีสะดวก บันทึกรายได้ ค่าใช้จ่าย ออกเอกสารผ่าน LINE

ฟังก์ชันการใช้งาน PEAK โปรแกรมบัญชีออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น LINE ดูผลประกอบการ รายงานการเงิน สร้างใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน
บันทึกค่าใช้จ่าย พร้อมเทคโนโลยี OCR บันทึกข้อมูลผ่านการอัปโหลดภาพถ่ายได้ง่ายๆ ผ่าน LINE

24,000 บริษัท
วางใจใช้งาน PEAK

30,000

บริษัท

วางใจใช้งาน PEAK

1,400 พันธมิตรสำนักงานบัญชี

1,400

พันธมิตร

PEAK Family Partner

4  ล้านธุรกรรมต่อเดือน บน PEAK

4

ล้านธุรกรรม/เดือน

ธุรกรรมบน PEAK ต่อเดือน

40,000 ล้าน บาท/เดือน

40,000

ล้าน บาท/เดือน

มูลค่ารายการค้าต่อเดือน

จุดเด่นและฟังก์ชันของ LINE @PEAK Connect ใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์

สร้างเอกสารบัญชีง่ายๆ ผ่าน LINE

สร้างเอกสารบัญชีง่ายๆ ผ่าน LINE

ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ ไม่ต้องเข้าเว็บไซต์

สร้างและจัดส่งเอกสารให้ลูกค้าผ่าน LINE ได้ทันที

บันทึกค่าใช้จ่าย ไม่ตกหล่น

บันทึกค่าใช้จ่าย ไม่ตกหล่น

บันทึกค่าใช้จ่ายไม่ตกหล่น ป้องกันเอกสารสูญหาย

ป้องกันการบันทึกภาษีซ้ำซ้อน

ระบบบันทึกข้อมูลด้วยเทคโนโลยี OCR

ระบบบันทึกข้อมูลด้วยเทคโนโลยี OCR

สะดวกรวดเร็วลดขั้นตอนการทำงาน

ใช้รูปถ่ายบันทึกค่าใช้จ่ายของธุรกิจได้

เรียกดูผลประกอบการได้ทันที

สรุปรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไร

ยอดเงินคงเหลือแยกตามบัญชีของกิจการ

LINE @PEAK Connect เหมาะกับใคร? ใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์ตอบโจทย์ผู้ใช้

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการ ความสะดวกรวดเร็ว

ผู้ประกอบการ SME ที่ต้องการ ความสะดวกรวดเร็ว

เรียกดูผลประกอบการได้ทันที สรุปรายได้ ค่าใช้จ่าย กำไรและยอดเงินคงเหลือแยกตามบัญชีของกิจการ

พนักงานที่ทำงานนอกสถานที่ที่ต้องการสร้างเอกสารและดูรายงาน

พนักงานที่ทำงานนอกสถานที่ที่ต้องการสร้างเอกสารและดูรายงาน

ไม่ต้องดาวน์โหลดแอปฯ ไม่ต้องเข้าเว็บไซต์ สร้างและจัดส่งเอกสารให้ลูกค้าผ่าน LINE ได้ทันที ส่งเอกสารผ่านลิงก์ เปิดไฟล์ได้ ไม่มีวันหมดอายุ

มารู้จัก PEAK Payroll โปรแกรมเงินเดือน
ออนไลน์ภายใน 3 นาที

มาเรียนรู้และเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมคำนวณเงินเดือน
ออนไลน์ได้อย่างมืออาชีพด้วยวิดีโอสอนการใช้งาน
ครบทุกเมนู เพื่อให้คุณเริ่มต้นใช้งานโปรแกรมเงินเดือน
ออนไลน์ PEAK Payroll ได้อย่างมืออาชีพ

ใช้งาน PEAK Account ผ่าน PEAK Connect

ลดขั้นตอนในการทำงาน ลดข้อผิดพลาด ข้อมูลถูกต้อง แม่นยำ และรวดเร็ว ครบทุกเรื่องบัญชี ภาษี และประกันสังคม จบในที่เดียว

ราคาเริ่มต้น 1,200 บาท/เดือน LINE @PEAK Connect ใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์

บริหารธุรกิจ บัญชี การเงิน
และจัดการเงินเดือนได้ครบวงจร

เริ่มต้นเพียง 1,200 บาท/เดือน

รู้จัก LINE @PEAK Connect ใช้งานโปรแกรมบัญชี
ผ่านไลน์ ใน 2 นาที

จัดการบัญชีได้ง่ายๆ ด้วย LINE @PEAK Connect

คำถามที่พบบ่อยเมื่อใช้ LINE @PEAKConnect

ระบบจะยังไม่บันทึกบัญชีให้ทันทีถ้าใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์ (Line@PEAK Connect)  แต่จะมี AI ในการช่วยจดจำข้อมูลจากเอกสารที่เคยสร้าง โดยจำจากเลขประจำตัวภาษี 13 หลักที่เคยบันทึกไปก่อนหน้านี้ เมื่อกดบันทึกเอกสารที่คลังเอกสารที่ถูกส่งมาจาก Line ระบบจะแนะนำผังบัญชีที่เคยบันทึกมาให้อัตโนมัติ ทางผู้ใช้งานเพียงแค่ระบุตัวเลขตามบิล และกดอนุมัติเอกสารเท่านั้น ก็ถือว่าเสร็จสิ้นในการสร้างเอกสารรายจ่าย

หากใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์ (Line@PEAK Connect)  เราจะมีฟังก์ชันสำหรัการถ่ายรูป หรืออัปโหลดรูปเอกสารส่งไปที่คลังเอกสาร เพื่อให้นักบัญชีของกิจการนำข้อมูลไปใช้ต่อ แต่หากมีการอัปโหลดรูปแล้วไม่เข้าให้สังเกตุที่การเข้าสู่ระบบ ใน Line@PEAK Connect ว่าได้มีการกดเข้าสู่ระบบและเลือกกิจการเรียบร้อยแล้วหรือไม่

หากท่านต้องการ Log in ใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์ แล้วไม่สามารถกด Log in ได้ ระบบแจ้งว่าอีเมลและรหัสผ่านไม่ถูกต้อง สาเหตุเกิดจากตอนที่สมัครใช้งานโปรแกรมผ่านหน้าเว็บได้สมัครโดยใช้การ Sigh in with Google Account ดังนั้นต้องเข้าไปกดลืมรหัสผ่านเพื่อเปลี่ยนวิธีการ Log in ให้เป็นการเข้าสู่ระบบแบบใช้ อีเมลและรหัสผ่านแทน เพื่อเข้าใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์ (Line@PEAK Connect)

วิธีการกดลืมรหัสผ่านอ่านเพิ่มเติมที่นี่

สามารถใช้ได้โดยใช้งานโปรแกรมบัญชีผ่านไลน์ (Line@PEAK Connect) ซึ่งจะเป็นตัวช่วยในการสร้างเอกสารได้ง่ายๆผ่านมือถือ เอกสารที่รองรับผ่านการสร้างผ่าน Line ในมือถือได้แก่ 

  1. เอกสารรายจ่าย ประกอบไปด้วย บันทึกรายจ่าย

2. เอกสารรายรับ ประกอบไปด้วย ใบเสนอราคา ใบแจ้งหนี้ และใบเสร็จรับเงิน 

ผลิตภัณฑ์ของ PEAK

PEAK Account
โปรแกรมบัญชีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Payroll
โปรแกรมเงินเดือนออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Board
โปรแกรมวิเคราะห์ธุรกิจ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Asset
โปรแกรมบริหารจัดการสินทรัพย์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

PEAK Tax
โปรแกรมการจัดการภาษีออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

Line @PEAKConnect
ใช้งานโปรแกรมผ่านไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม

บทความน่ารู้

5 เคล็ดลับ สร้างเว็ปไซต์ ให้ขายดีแบบมือโปร!

PEAK Account

6

min

5 เคล็ดลับ สร้างเว็ปไซต์ ให้ขายดีแบบมือโปร!

เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเว็บขายของของเราถึงขายไม่ได้หรือขายได้น้อย ทั้ง ๆ ที่เว็บอื่น ๆ ก็ขายเหมือนกับเรา เขามีเทคนิคเรียกลูกค้ายังไงกันนะ? ปัญหานี้แก้ไม่ยาก เพียงแค่ลองกลับมาเช็คเว็บขายของของตัวเองดูก่อนว่าเว็บไซต์ของเราพร้อมเปิดขายให้ลูกค้าแล้วหรือยัง ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญมีครบหรือไม่ โดยทำตาม 5 เทคนิคที่เราจะบอกในบทความนี้ หากอยากรู้เพิ่มเติมว่าเว็บไซต์ธุรกิจที่ดีควรมีอะไรบ้าง และวิธีสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้น อ่านต่อได้ในบทความ👉 ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญ👉 6 ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่! 5 เทคนิค สร้างเว็บขายของให้ขายดี! 1. รูปภาพต้องคมชัดและมีหลายมุม เมื่อจะขายของ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ รูปภาพสินค้า ซึ่งจะต้องมีความคมชัด ภาพไม่แตกหรือเบลอ เพราะสินค้าบางประเภทอาจมีรายละเอียดที่ต้องโฟกัสและอาจเป็นจุดขายของสินค้านั้นเลยก็ได้ เช่น ลายสินค้า พื้นผิววัสดุ ลายของผ้า  เราแนะนำว่า รูปภาพสินค้าบนเว็บไซต์ควรมีความละเอียด 75 PPI และกว้าง 1000 Pixels ขึ้นไป สำหรับรูปภาพสินค้าที่ต้องมีหลายมุม ก็เพื่อเป็นการนำเสนอรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าทั้งหมด หรือบอกถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของสินค้า เช่น ปุ่มกด ด้ามจับ วิธีเปิดใช้งาน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเข้าใจตัวสินค้ามากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน 2. ตั้งชื่อสินค้า ให้จำง่ายที่สุด หากเราใช้ชื่อสินค้าสุดยูนีคที่คิดขึ้นมาเอง อาจทำให้สินค้าของเราถูกเสิร์ชเจอได้ยากขึ้น ดังนั้น เราควรตั้งชื่อสินค้าด้วยชื่อมาตราฐาน และควรมีรายละเอียดสั้น ๆ ของสินค้า เพื่อบอกถึงคุณสมบัติคร่าว ๆ ของสินค้าได้ 3. ใส่ข้อมูลสินค้าบนเว็บให้ครบและเข้าใจง่าย ข้อมูลที่ครบถ้วนคือข้อมูลที่พร้อมขายได้ด้วยตัวเอง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องโทรมาถามให้เสียเวลา เจ้าของเว็บไซต์จึงควรใส่ข้อมูลสำคัญของสินค้าไปให้ครบถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด คุณสมบัติ ราคา วิธีการใช้งาน และเงื่อนไขการรับประกันสินค้า  4. ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าได้ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องค้นหา (Search) หรือเปิดตัวกรองสินค้า (Product Filter) ไว้บนเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะกรองด้วยแบรนด์ ไซส์ สี หรือราคา เมื่อลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ไว เราก็ขายได้เร็วขึ้นด้วย   5. เว็บขายของต้องจ่ายง่ายและปลอดภัย การมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุมทุกการสะดวกจ่ายของลูกค้า มี QR Promtpay สแกนผ่านแอปธนาคารได้โดยง่าย ใครที่อยากสะสมพ้อยท์บัตรเครดิตก็เลือกจะจ่ายแบบตัดบัตรได้เลย หรือหากสะดวกเก็บเงินปลายทางก็มีให้ มากกว่านั้นหากเว็บขายของนั้นขายสินค้าราคาสูง ก็มีตัวเลือกให้ผ่อนชำระได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นแบบเท่าตัวเลยล่ะค่ะ สรุปท้ายบทความ : จัดการเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพกับ MakeWebEasy การออกแบบเว็บไซต์ขายของให้ดี อาจไม่ใช่แค่การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เว็บไซต์ให้มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างครบถ้วนและซื้อได้ง่ายที่สุด อยากให้เจ้าของร้านค้าลองนึกถึงประโยชน์และความสะดวกสบายของลูกค้ามาก่อนความสบายของเจ้าของร้านอย่างตัวเราเอง ไม่เพียงแค่จะทำให้ธุกิจของเราน่าเชื่อถือ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้ธุรกิจของเราไปต่อได้อย่างราบรื่นอีกด้วย  อยากทำเว็บไซต์ขายของให้ขายดี มาเริ่มเปิดเว็บไซต์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ MakeWebEasy.com ได้เลยค่ะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy   Add Line : 40xsm5339b  

PEAK Partner

สร้างเว็บไซต์ สำหรับธุรกิจง่ายเพียง 6 ขั้นตอน

PEAK Account

9

min

6 ขั้นตอน สร้างเว็บไซต์ ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่

ยุคนี้ อะไร ๆ ก็ง่ายและสะดวกไปหมด ไม่เว้นแม้แต่การทำเว็บไซต์ ที่หากเรามองย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนอาจจะดูยุ่งยาก ซับซ้อน ทั้งในเรื่องระบบ การเขียนโค้ด การออกแบบและค่าใช้จ่ายที่แพงเกินเอื้อม แต่ตอนนี้ เรามีระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปเกิดขึ้นมา ทำให้การสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเองนั้นดูง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก  บทความนี้จะเป็นการแนะนำวิธีสร้างเว็บไซต์ฟรี ด้วยระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy รับรองว่าถ้าคุณทำตามวิธีนี้ คุณจะได้เว็บไซต์ฟรีที่ใช้งานได้จริงและขยายธุรกิจบนออนไลน์ได้แน่นอน เริ่มสร้างเว็บไซต์ฟรีกับ MakeWebEasy  สมัครสร้างเว็บไซต์ฟรี คลิก 1. วางข้อมูลและทำแผนผังเว็บไซต์ (Sitemap) ก่อนจะเริ่มสร้างเว็บไซต์ เราต้องจัดเตรียมข้อมูลก่อนว่าเว็บไซต์ของคุณจะมีกี่หน้า? มีหน้าอะไรบ้าง? ด้วยการทำ Sitemap หรือสร้างแผนผังเว็บไซต์ เพื่อให้คุณเห็นภาพรวมของเว็บไซต์ทั้งหมด จากนั้นลองวางโครงสร้างหน้าเพจ วาด Layout ใส่รายละเอียดคร่าวๆ ว่าแต่ละหน้าเพจที่จะทำนั้นมีข้อมูลอะไรอยู่ในหน้านั้นบ้าง อาจดูตัวอย่างการจัดวางเนื้อหาจากเว็บไซต์คู่แข่งว่าเขามีบริการอะไรที่แตกต่างจากเราบ้าง และนำมาปรับใช้กับเว็บไซต์ของเรา หรือจะเข้าไปดูตัวอย่างเว็บไซต์จากแหล่งรวบรวมไอเดียสร้างเว็บไซต์ก็ได้ 2. สมัครสร้างเว็บไซต์ฟรี  ระบบเว็บไซต์สำเร็จรูปในปัจจุบันมีให้เลือกเยอะมาก แต่หากต้องการใช้ฟรี มีฟีเจอร์พื้นฐานหลัก ๆ ที่ครบครัน ระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy ตอบโจทย์ที่สุด  ซึ่งคุณสามารถสมัครใช้งานได้จาก Email หรือ Facebook พร้อมใส่ชื่อโดเมนเว็บไซต์ (www.) ที่ต้องการได้เลย โดยระบบจะแจ้งเตือนหากใช้ชื่อซ้ำ และจะให้เลือกเทมเพลตเว็บไซต์ก่อนเข้าสู่การใช้งานจริง 3. ปรับแต่งหน้าแรกของเว็บไซต์ (Home Page) หน้าแรกถือเป็น First Impression สำหรับลูกค้าหรือผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์เลย ซึ่งเราควรเลือกข้อมูลที่สำคัญจริง ๆ และใช้คำ รูปภาพที่ดึงดูดใจลูกค้ามากที่สุดไว้ในส่วนบน และใน 1 หน้าเว็บไซต์ไม่ควรยาวจนเกินไป แนะนำว่ามีสัก 4 – 6 sections ก็เพียงพอแล้วค่ะ จุดสำคัญที่ควรใส่ใจมากที่สุดบนหน้า Home Page คือส่วนบน (Header) และส่วนล่าง (Footer) เพราะเป็นส่วนที่จะอยู่ในทุกหน้าของเว็บไซต์ ควรตรวจสอบให้ดีว่ามีโลโก้ ช่องทางการติดต่อครบและถูกต้องหรือไม่ เพราะหากผิดพลาดไป อาจทำให้คุณเสียลูกค้าไปได้เลย สำหรับใครที่ยังไม่รู้ว่า ส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเว็บไซต์มีอะไรบ้าง คลิกอ่านที่นี่เลย 4. ใส่ข้อมูลให้เว็บไซต์มีความน่าเชื่อถือ อยากให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับมากขึ้น อยากให้คนเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น การลงบทความบนเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะทำให้คนค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอด้วยการค้นคีย์เวิร์ด เว็บไซต์ E-commerce จะขาดสินค้าไปไม่ได้เลย ซึ่งคุณควรใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนมากที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถอ่านรายละเอียดและตัดสินใจซื้อได้เลยบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็น SKU ชื่อรุ่น คุณสมบัติเฉพาะต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วยการใส่รูปหลากหลายมุมและคลิปวิดิโอยิ่งดี ลงข้อมูลสินค้าพร้อมช้อปแล้ว ก็อย่าลืมเปิดใช้งานบัญชีรับเงินด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินผ่านธนาคาร QR Promptpay หรือรับชำระผ่านบัตรเครดิต ในระบบเว็บไซต์ของ MakeWebEasy นอกจากเราจะเลือกผู้ให้บริการขนส่งได้หลากหลายแล้ว ยังกำหนดค่าบริการตาม จำนวน, ราคา และน้ำหนักของสินค้าได้อีกด้วย 5. ปรับแต่ง SEO เว็บไซต์ การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ทำให้ธุรกิจของคุณสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้ เพิ่มจำนวนคนที่รู้จักได้ มีลูกค้าเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องยิงโฆษณา ซึ่งการตั้งค่า SEO หลัก ๆ จะอยู่ที่ การทำเนื้อหาเว็บไซต์ การจัดวางโครงสร้างเนื้อหา และการเลือกใช้ Keyword บนเว็บไซต์ค่ะ 6. ติดตั้ง Google Analytics สุดยอดเครื่องมือที่นักการตลาดออนไลน์ทุกคนต้องใช้  เพราะ Google Analytics สามารถวัดผลลัพธ์ของเว็บไซต์ และการทำการตลาดได้มากมาย เช็คจำนวนผู้ชมเว็บไซต์ว่าเป็นใคร มาจากช่องทางไหน เข้ามาทำอะไรบ้างในเว็บไซต์ นับเป็นเครื่องมือวัดผลลัพธ์ที่ครอบคลุมมากที่สุดเลยค่ะ สรุปท้ายบทความ : สร้างเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพ หากคุณทำธุรกิจแล้วอยากขยายช่องทาง เพิ่มรายได้ให้มากขึ้น มาสร้างเว็บไซต์เองได้ง่ายๆ เพื่อต่อยอดทำการตลาดออนไลน์ด้วย SEO หรือ Google Ads เพื่อเพิ่มโอกาสการขายให้มากขึ้น ธุรกิจของคุณก็จะเติบโตได้แบบก้าวกระโดดเลยทีเดียว และคุณสามารถเรียนรู้ 5 เคล็ดลับในการสร้างเว็ปไซต์แบบมือโปรได้ในบทความนี้ คลิก ลองสร้างเว็บไซต์ฟรีมากดมาเล่นกันดูได้ที่ MakeWebEasy.com นะคะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy  Add Line : 40xsm5339b

PEAK Partner

เว็บไซต์ มี อะไร บ้าง ส่วนประกอบที่สำคัญบนเว็ปไซต์

PEAK Account

10

min

ส่วนประกอบสำคัญ บนเว็ปไซต์ที่ธุรกิจต้องมี?

คนไทยส่วนใหญ่มักเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยการเปิดร้านค้าบน Social media แต่ถ้าคุณอยากให้ธุรกิจเติบโตยิ่งขึ้น การขายแบบนี้อาจยังไม่เพียงพอ หลายธุรกิจจึงต้องการขยายฐานลูกค้าออนไลน์และหันไปลงขายสินค้าบน Market Place อย่าง Shopee, Lazada หรือทำ เว็บไซต์ e-Commerce เพิ่มเติม เพื่อสร้างมั่นคงให้กับแบรนด์และ ทำการตลาดออนไลน์ผ่าน เว็บไซต์ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น ซึ่งการจะทำให้เว็บไซต์ e-Commerce ประสบความสำเร็จได้ ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป หากคุณมีการพัฒนาเว็บไซต์อยู่ตลอดเวลา ธุรกิจของคุณก็ประสบความสำเร็จได้ e-Commerce คือ อะไร ? Electronic Commerce หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า e-Commerce คือ การทำธุรกิจที่มีการซื้อขายสินค้าแลกเปลี่ยนสินค้า และบริการต่างๆ กันบนอินเตอร์เน็ต โดยใช้เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชัน เป็นช่องทางในการโปรโมท รวมไปถึงเป็นช่องทางการติดต่อระหว่างร้านค้าและลูกค้า จุดเด่นของ eCommerce คือผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงร้านค้า เลือกซื้อสินค้า และบริการได้ง่ายๆ ตลอด 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า หากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง ผู้คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตก็สามารถเข้าถึงร้านค้าของคุณได้ตลอดเวลา กดซื้อสินค้าได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แล้วเว็บไซต์ e-Commerce ที่ดีต้องมีอะไรบ้าง ?  1.User-Friendly เป็นมิตรต่อผู้ใช้และง่ายต่อความเข้าใจ เพราะวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเว็บไซต์ e-Commerce คือ การอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้งาน หากเว็บไซต์ของเรามีความซับซ้อนมากเกินไป ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าจะออกจากเว็บไซต์ ถ้าคุณต้องการให้เว็บไซต์ของคุณใช้งานง่าย คุณต้องวางโครางสร้างเว็บไซต์ให้เป็นระเบียบ จัดหมวดหมู่สินค้าให้ชัดเจน หลังจากทำเว็บไซต์เสร็จแล้ว ลองทดสอบเว็บไซต์ แบ่งให้คนในทีม หรือคนรอบข้างใช้งานดู และนำคอมเม้นท์ที่ได้มาปรับใช้ เพื่อให้คุณได้เว็บไซต์ eCommerce ที่ใช้งานง่ายที่สุด 2.Mobile-Friendly Website เว็บไซต์ที่รองรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ 50% ของการชำระเงินออนไลน์มาจาก การซื้อสินค้าออนไลน์ผ่านมือถือ หากคุณต้องการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มนี้ เว็บไซต์ของคุณต้องเป็น Responsive Website หรือรองรับการใช้งานบนมือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ เพราะนอกจากจะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าแล้ว เว็บไซต์ที่รองรับมือถือยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับบน Google ด้วย 3. ภาพประกอบต้องคมชัด ภาพสินค้าที่ใช้ ไม่ใช่แค่ถ่ายแล้วลงเท่านั้น แต่ต้องคมชัด มีความน่าสนใจ ดึงดูดความต้องการของลูกค้า เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเห็นภาพสินค้าหลากหลายมุม และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน รวมถึงการซูมเข้า ซูมออกก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันด้วย  เพราะรูปภาพ คือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการขาย ไม่ใช่ข้อความอธิบาย และภาพนั้นต้องมีความละเอียดสูง แต่ต้องโหลดไว  4. ระบบตะกร้าสินค้า ฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ e-Commerce จะขาดไปไม่ได้ ระบบตะกร้าสินค้า หรือระบบสั่งซื้อ เป็นสิ่งที่ช่วยให้ลูกค้าของคุณสามารถซื้อสินค้าบนเว็บไซต์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ระบบตะกร้าสินค้าที่ดีจะต้องสามารถคำนวนราคาสินค้าได้อย่างแม่นยำ แจกแจงรายละเอียดสินค้าถูกต้อง จำนวน ราคา ส่วนลด ค่าขนส่ง และพาลูกค้าของเราไปจบที่หน้าชำระเงินได้ ครบ จบ ในที่เดียว 5. โปรโมชั่น ข้อเสนอที่น่าสนใจ การจัดแคมเปญโปรโมชั่น หรือกิจกรรมทางการตลาดเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อ หากเว็บไซต์ของคุณมีฟังก์ชั่นที่สามารถจัดโปรมชั่น ลด, แลก, แจก, แถมเหล่านี้ได้ก็จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสร้างยอดขายได้ไม่ยากเลย 6. Social Proof ความคิดเห็นจากลูกค้าที่ใช้งานจริง นักช้อปออนไลน์กว่า 95% ที่อ่านรีวิวสินค้า และมี 57% เลือกซื้อสินค้า หรือบริการที่มีรีวิว 4 ดาวขึ้นไป  การใช้ Social Proof หรือการใช้บุคคลมาบอกต่อกับลูกค้าเพื่อช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ จึงเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยโน้มน้าวลูกค้าให้กล้าตัดสินใจซื้อ หรือที่เรียกกันง่ายๆ ก็คือการรีวิวสินค้านี่แหล่ะ ไม่ว่าการรีวิวนั้นจะมาจากผู้เชี่ยวชาญ คนที่มีชื่อเสียง ผู้ใช้งานจริงบอกกันปากต่อปาก ก็ใช้ได้ทั้งหมด 7. ช่องทางการรับชำระเงิน แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดของ เว็บไซต์ e-Commerce คือ ต้องมีระบบรับชำระเงินออนไลน์ เป็นฟีเจอร์ที่จะขาดไปไม่ได้เลย จึงต้องการให้ความสะดวกกับลูกค้าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเว็บไซต์ของคุณต้องมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายให้ลูกค้าเลือก รับได้ทั้งการโอน สแกนคิวอาร์โค้ด บัตรเดบิต-บัตรเครดิต หรือแม้แต่ตัวเลือกในการผ่อนชำระให้กับลูกค้า  8. ระบบการจัดส่งสินค้า เว็บไซต์ e-Commerce ที่ดีจะต้องบอกรายละเอียดของการจัดส่งสินค้า ผู้ให้บริการขนส่งเป็นใคร มีกี่ตัวเลือกบ้าง และในการจัดส่งแต่ละวิธีจะใช้เวลานานเท่าไหร่ ที่สำคัญคือการบอกราคาว่าทางร้านของเราคิดค่าขนส่งอย่างไร  9. ความปลอดภัยของเว็บไซต์ เพราะลูกค้าชำระเงินผ่านเว็บไซต์ของเราอยู่ตลอดเวลา ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ธุรกิจและแบรนด์ใหญ่ๆ มักตกเป็นเป้าหมายของอาชญากรไซเบอร์ หน้าที่ของเราคือสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้า การใช้ SSL หรือเว็บไซต์ที่เป็น HTTPS จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ ให้ลูกค้าช้อปได้อย่างมั่นใจบนเว็บไซต์ของคุณ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับของ Google อีกด้วย 10. หน้าติดต่อเรา สิ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์ e-Commerce มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดคงหนีไม่หน้าเพจ Contact us หรือ ติดต่อเรา ที่บอกรายละเอียดที่อยู่ และช่องทางการติดต่อของเราไว้อย่างชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าอุ่นใจว่าสามารถติดต่อหาเราได้หากเกิดปัญหาขึ้น นอกจากนี้หากธุรกิจของคุณมีหน้าร้าน หรือมีหลายสาขา การเชื่อมต่อกับ Google Map ยังช่วยให้ลูกค้าสามารถไปร้านคุณได้อย่างถูกต้องอีกด้วย เว็บไซต์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง! เว็บไซต์ดี มีชัยไปกว่าครึ่ง!หากคุณต้องการต่อยอดการตลาดออนไลน์ด้วยเว็บไซต์ สร้างผลลัพธ์ให้ธุรกิจได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นี่คือฟีเจอร์ที่เว็บไซต์ของคุณจะขาดไม่ได้ 📌 และถ้าอยากเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ด้วยตัวเองตั้งแต่ศูนย์ พร้อมเทคนิคทำเว็บให้ขายดีแบบมือโปร👉 อ่านต่อ: 6 ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่!👉 อ่านต่อ: 5 เคล็ดลับ สร้างเว็บไซต์ให้ขายดีแบบมือโปร! ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 02-217-7999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy   Add Line : 40xsm5339b  

PEAK Partner

5 เคล็ดลับ สร้างเว็ปไซต์ ให้ขายดีแบบมือโปร!

PEAK Account

6

min

5 เคล็ดลับ สร้างเว็ปไซต์ ให้ขายดีแบบมือโปร!

เคยสงสัยกันมั้ยคะว่าทำไมเว็บขายของของเราถึงขายไม่ได้หรือขายได้น้อย ทั้ง ๆ ที่เว็บอื่น ๆ ก็ขายเหมือนกับเรา เขามีเทคนิคเรียกลูกค้ายังไงกันนะ? ปัญหานี้แก้ไม่ยาก เพียงแค่ลองกลับมาเช็คเว็บขายของของตัวเองดูก่อนว่าเว็บไซต์ของเราพร้อมเปิดขายให้ลูกค้าแล้วหรือยัง ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญมีครบหรือไม่ โดยทำตาม 5 เทคนิคที่เราจะบอกในบทความนี้ หากอยากรู้เพิ่มเติมว่าเว็บไซต์ธุรกิจที่ดีควรมีอะไรบ้าง และวิธีสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่เริ่มต้น อ่านต่อได้ในบทความ👉 ส่วนประกอบของเว็บไซต์ที่สำคัญ👉 6 ขั้นตอนสร้างเว็บไซต์ธุรกิจฉบับเจ้าของมือใหม่! 5 เทคนิค สร้างเว็บขายของให้ขายดี! 1. รูปภาพต้องคมชัดและมีหลายมุม เมื่อจะขายของ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ รูปภาพสินค้า ซึ่งจะต้องมีความคมชัด ภาพไม่แตกหรือเบลอ เพราะสินค้าบางประเภทอาจมีรายละเอียดที่ต้องโฟกัสและอาจเป็นจุดขายของสินค้านั้นเลยก็ได้ เช่น ลายสินค้า พื้นผิววัสดุ ลายของผ้า  เราแนะนำว่า รูปภาพสินค้าบนเว็บไซต์ควรมีความละเอียด 75 PPI และกว้าง 1000 Pixels ขึ้นไป สำหรับรูปภาพสินค้าที่ต้องมีหลายมุม ก็เพื่อเป็นการนำเสนอรูปลักษณ์ภายนอกของสินค้าทั้งหมด หรือบอกถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของสินค้า เช่น ปุ่มกด ด้ามจับ วิธีเปิดใช้งาน ฯลฯ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเข้าใจตัวสินค้ามากขึ้น และเป็นการเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นเช่นกัน 2. ตั้งชื่อสินค้า ให้จำง่ายที่สุด หากเราใช้ชื่อสินค้าสุดยูนีคที่คิดขึ้นมาเอง อาจทำให้สินค้าของเราถูกเสิร์ชเจอได้ยากขึ้น ดังนั้น เราควรตั้งชื่อสินค้าด้วยชื่อมาตราฐาน และควรมีรายละเอียดสั้น ๆ ของสินค้า เพื่อบอกถึงคุณสมบัติคร่าว ๆ ของสินค้าได้ 3. ใส่ข้อมูลสินค้าบนเว็บให้ครบและเข้าใจง่าย ข้อมูลที่ครบถ้วนคือข้อมูลที่พร้อมขายได้ด้วยตัวเอง โดยที่ลูกค้าไม่ต้องโทรมาถามให้เสียเวลา เจ้าของเว็บไซต์จึงควรใส่ข้อมูลสำคัญของสินค้าไปให้ครบถ้วนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น สี ขนาด คุณสมบัติ ราคา วิธีการใช้งาน และเงื่อนไขการรับประกันสินค้า  4. ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าได้ง่ายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มช่องค้นหา (Search) หรือเปิดตัวกรองสินค้า (Product Filter) ไว้บนเว็บไซต์ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าที่ต้องการได้รวดเร็วที่สุด ไม่ว่าจะกรองด้วยแบรนด์ ไซส์ สี หรือราคา เมื่อลูกค้าหาสินค้าที่ต้องการได้ไว เราก็ขายได้เร็วขึ้นด้วย   5. เว็บขายของต้องจ่ายง่ายและปลอดภัย การมีช่องทางการชำระเงินที่ครอบคลุมทุกการสะดวกจ่ายของลูกค้า มี QR Promtpay สแกนผ่านแอปธนาคารได้โดยง่าย ใครที่อยากสะสมพ้อยท์บัตรเครดิตก็เลือกจะจ่ายแบบตัดบัตรได้เลย หรือหากสะดวกเก็บเงินปลายทางก็มีให้ มากกว่านั้นหากเว็บขายของนั้นขายสินค้าราคาสูง ก็มีตัวเลือกให้ผ่อนชำระได้ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้นแบบเท่าตัวเลยล่ะค่ะ สรุปท้ายบทความ : จัดการเว็บไซต์ได้แบบมืออาชีพกับ MakeWebEasy การออกแบบเว็บไซต์ขายของให้ดี อาจไม่ใช่แค่การออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงามอย่างเดียว แต่ต้องทำให้เว็บไซต์ให้มีสิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างครบถ้วนและซื้อได้ง่ายที่สุด อยากให้เจ้าของร้านค้าลองนึกถึงประโยชน์และความสะดวกสบายของลูกค้ามาก่อนความสบายของเจ้าของร้านอย่างตัวเราเอง ไม่เพียงแค่จะทำให้ธุกิจของเราน่าเชื่อถือ แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ดีที่ช่วยให้ธุรกิจของเราไปต่อได้อย่างราบรื่นอีกด้วย  อยากทำเว็บไซต์ขายของให้ขายดี มาเริ่มเปิดเว็บไซต์ด้วยตัวเองง่าย ๆ ที่ MakeWebEasy.com ได้เลยค่ะ ติดต่อสอบถามทีมงาน MakeWebEasy โทร. 022177999 Facebook Page : www.facebook.com/makewebeasy   Add Line : 40xsm5339b  

PEAK Partner